หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก ล่าสุดไลฟ์สไตล์แบรนด์ยอดนิยมที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Smiley (สไมลีย์) ที่มาพร้อมไอคอนวงกลมหน้ายิ้มสีเหลือง ก็เข้ามาแจกรอยยิ้มและแพร่กระจายความสุขในเมืองไทย โดยจับมือกับซีพีเอ็น เนรมิต “Center of Life-Center of Happiness” แลนด์มาร์กความสุขและเทศกาลของขวัญส่งท้ายปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อนำความสุข ความสนุกสนาน มาสู่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน 31 ศูนย์การค้าในเครือซีพีเอ็นทั่วไทย รวมถึงเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลเฟสติวัล และเซ็นทรัลพลาซ่า ตอกย้ำหัวใจสำคัญของแบรนด์ Smiley ที่มุ่งนำเทรนด์ แฟชั่น และความรู้สึก “ฟีลกู้ด” มาสู่ทุกๆ คน ดึงตลาดเมืองไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติสู่ไลฟ์สไตล์ที่มีความสุข กว่าจะเป็นแบรนด์ Smiley ที่ทุกคนรู้จัก การเดินทางของแบรนด์นับว่าน่าสนใจไม่น้อย OK! รวบรวมเรื่องราวจุดเริ่มต้นและความสำเร็จของแบรนด์มาฝากกัน
เปิด 5 ประวัติน่าสนใจของ Smiley ไลฟ์สไตล์แบรนด์
สุดคลาสสิกระดับโลก
(1)
ไอคอนรูปวงกลมสีเหลืองกับลายเส้นหน้ายิ้มที่เรารู้จักในชื่อ Smiley กำเนิดขึ้นในปี 1972 โดยการออกแบบของแฟรงคลิน ลูฟรานี นักข่าวนักหนังสือพิมพ์ชาวฝรั่งเศส เขาทำไอคอนขึ้นมาใช้ในแคมเปญรณรงค์ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหาเวลามาแจกยิ้มกันบ้าง (Take Time to Smile) ต่อมาไอคอนหน้ายิ้มนี้ได้กลายเป็นธุรกิจของครอบครัวลูฟรานี ซึ่งก่อตั้งบริษัท The Smiley Company ขึ้น และยึดเอาความมุ่งหวังในการส่งต่อความรู้สึกดีๆ และรอยยิ้มแห่งความสุขเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ จนถึงปัจจุบัน Smiley ได้สร้างตำนานหน้ายิ้มเขย่าโลกมากว่า 46 ปีแล้ว!
(2)
นิโคลาส์ ลูฟรานี ซีอีโอคนล่าสุด คือลูกชายของแฟรงคลินที่สืบทอดและพัฒนาธุรกิจหน้ายิ้มต่อจากคุณพ่อ ตั้งแต่การใช้อีโมติคอนแทนความรู้สึกในการส่งข้อความบนมือถือ แชทออนไลน์ และทางอีเมล์ในยุคอินเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลาย ทั้งยังดัดแปลงไอคอนหน้ายิ้มเป็นใบหน้าแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ แทนข้อความ นอกจากนี้ยังจัดทำพจนานุกรมภาษาภาพหน้ายิ้ม (Smiley Dictionary) เป็นคู่มืออธิบายความหมายของไอคอนสไมลีย์หน้าต่างๆ กว่าหลายพันไอคอน ซึ่งต่อมาได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาอิโมจิ ไอคอนแทนความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลากหลายแทนคำพูดในปัจจุบัน
(3)
แบรนด์ Smiley ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ด้วยยอดขายผลิตภัณฑ์ที่ทะลุเป้า สินค้าของแบรนด์นั้นเรียกว่าหลากหลายมาก ครอบคลุมทั้งแฟชั่น เครื่องเขียน ของเล่น อุปกรณ์กีฬา แอ็คเซสซอรีส์ ฯลฯ โดยสินค้ายอดนิยมตลอดกาลคือสินค้าแฟชั่น ทั้งยังมีการให้ลิขสิทธิ์สินค้าของแบรนด์กับพาร์ตเนอร์อีกกว่า 310 ราย! โดยเป็นการดำเนินธุรกิจแบบ Co-Create การสร้างคอนเทนต์ร่วมกันทำให้เกิดผลงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย Smiley จึงโดดเด่นในแง่ที่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ “จุดแข็งของแบรนด์คือความเรียบง่าย และไอคอนเหล่านี้ถูกสร้างมาให้สามารถแปลงไปเป็นอะไรต่อมิอะไรได้ง่าย จากดีเอ็นเอที่เป็นการส่งต่อความสุขและคิดบวก Smiley สร้างแพลตฟอร์มที่พิเศษ เพื่อให้ผู้คนในยุคปัจจุบันได้แสดงอารมณ์ความรู้สึก ผ่านสินค้าที่สร้างสรรค์และเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ซึ่งนี่ช่วยให้เราเชื่อมโยงกับลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้ด้วย”
(4)
เชื่อหรือไม่ว่าปัจจุบันมีไอคอนสไมลีย์หน้าต่างๆ มากกว่า 3 พันหน้า! แต่หน้าที่คุณนิโคลาส์บอกว่าชอบที่สุด คือหน้ายิ้มแบบธรรมดาๆ ซึ่งเป็นไอคอนหน้ายิ้มไอคอนแรกของแบรนด์
(5)
ด้วยความที่แบรนด์สะท้อนถึงความสุข ความสดใส รอยยิ้ม และการคิดในแง่บวก ไม่น่าแปลกที่จะมีเซเลบริตี้ระดับโลกชื่นชอบหรือใช้สินค้าของแบรนด์ Smiley เพียบ เช่น ดีเจรุ่นเก๋าชาวอังกฤษ Fatboy Slim, ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์, เคที่ เพอร์รี่, ไมลีย์ ไซรัส ฯลฯ โดยเฉพาะ Fatboy Slim ที่สะสมสินค้าของแบรนด์ไว้มากมาย เมื่อมีโชว์ที่ไหนก็ต้องมีสัญลักษณ์ Smiley ที่นั่น จนเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นเครื่องหมายประจำตัวของเขาไปแล้ว
Fatboy Slim
ไมลีย์ ไซรัส
ติดตาม OK! Magazine Thailand ได้ที่นี่
Website : http://www.okmagazine-thai.com/
Instagram : https://www.instagram.com/okmagazinethailand/
Facebook : https://www.facebook.com/okmagthailand
Twitter : https://twitter.com/okthailand
