โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

หมิงฮุน : แต่งหรือตาย

นิยาย Dek-D

อัพเดต 24 เม.ย. เวลา 18.03 น. • เผยแพร่ 24 เม.ย. เวลา 18.03 น. • ไป๋ชิงหง
หมิงฮุน : แต่งหรือตาย
เหตุตาลปัตรที่เกิดจากมือมืดส่งผลให้การจุติเร็วกว่ากำหนดหลายร้อยปี หากแต่เฟิ่งโม่ซินกลับไม่มีความทรงจำเหล่านั้น ความลับเหล่านี้…เธอจะต้องไขปริศนาให้ได้ [อ่านฟรีทุก 2-3 วัน]

ข้อมูลเบื้องต้น

เมื่อสัจเทพรับบทดาราสาวท่านหนึ่ง

หากชอบเรื่องนี้ฝากกดหัวใจ คอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ

อ่านฟรีทุก 2-3 วันค่ะ

คำโปรย

เฟิ่งโม่ซินเดิมเป็นเด็กสาวที่ถูกตระกูลเฟิ่งรับมาเลี้ยงไว้
แม้ว่าพวกเขาจะมีบุตรสาวและบุตรชายรวมกันถึงสามคนแล้วก็ตาม
ในคืนวันเกิดอายุครบสิบแปดปีเธอกลับถูกชายหนุ่มที่หลงรักหักหลัง
เขาร่วมมือกับพี่สาวของเธอเพื่อล่อลวงเธอไปฆ่า
ทว่าเฟิ่งโม่ซินกลับต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
กระทั่งเธอได้พบกับคนกลุ่มหนึ่งที่ยื่นข้อเสนอเพื่อแลกกับการช่วยชีวิต
แต่งหรือตาย…เธอมีสองทางเลือก
หากเธอยอมเข้าพิธีหมิงฮุนกับชายหนุ่มที่นอนอยู่ในโลงศพ
พวกเขาจะช่วยเธอและให้เงินจำนวนหนึ่ง
แต่ถ้าไม่สิ่งที่เหลือไว้มีเพียงความตายเท่านั้น
หากเป็นเฟิ่งโม่ซินคนเดิมเธออาจจะยอมตาย แต่ไม่ยอมขายศักดิ์ศรี
ทว่าตอนนี้จิตเทพตื่นได้ขึ้น
นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว
ชายหนุ่มในโลงศพกลับเป็นผู้ที่ 'นาง' ตั้งใจตามลงมายังโลกมนุษย์อีกด้วย
เมื่อจิตเทพตื่นขึ้น เฟิ่งโม่ซินคนเดิมก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว
และตระกูลเฟิ่งต้องจ่ายราคาสำหรับขโมยโชคของเธอไปนับสิบปี
ขณะเดียวกันเธอก็เริ่มภารกิจดอกบัวขาว
แสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้เขาเวทนาและเห็นใจ

เฟิ่งโม่ซิน : ชาติก่อนเป็นเทพ หลังจากตื่นขึ้นก็ปลุกดวงตาสวรรค์ สามารถมองเห็นเคราะห์กรรมของมนุษย์และสิ่งเหนือธรรมชาติได้ เป็นเด็กกำพร้าที่ตระกูลเฟิ่งในเมืองเล็กๆ อุปการะไว้ ทว่ากลับถูกใครบางคนจ้างวานฆ่า และได้นักพรตเจ้าเล่ห์ใช้ร่างของนางเพื่อแต่งงานกับศพ หากนางไม่ยอมช่วย เขาจะทำให้นายตายก่อนแล้วจึงใช้ร่าง แต่ถ้านางยอมทำตามคำบอก นางจะได้รับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของตนไปตลอดกาล

เซียวลู่หรง : นายน้อยตระกูลเซียวที่มีประวัติอันลึกลับ เขาถูกส่งมายังเมืองเล็กๆ เพียงเพราะจู่ๆ ร่างกายก็ค่อยๆ เย็นลงราวกับศพ คนในตระกูลต่างก็กลัวว่าเขาจะตายจึงพยายามทำทุกวิถีทาง กระทั้งพบนักพรตเต๋าแล้วบอกว่าต้องหาคนที่มีดวงชะตาพิสดารเพื่อมาแต่งงานกับเขาจึงจะรอดชีวิตไปได้ ขณะเดียวกันนักพรตเฒ่าก็ทำนายว่าที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะมีหญิงสาวที่มีดวงชะตานี้ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่าง และส่งคนไปตามหาในตำแหน่งที่แม่นยำมาก หลังจากได้รับความช่วยเหลือ ตื่นขึ้นมาเขาก็กลายเป็นชายหนุ่มที่ผ่านพิธีแต่งงานในหลุมศพ ขณะที่ภรรยาของเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ

E-Book เล่ม 1-3 วางจำหน่ายแล้ว

เรื่องนี้จะเป็นการผสมผสานระหว่างโลกของเทพเซียนโบราณเข้ากับจีนปัจจุบันนะคะ นางเอกเป็นสายรุก ส่วนพระเอกสายซึนค่ะ เรื่องนี้พระเอกค่อนข้างเย็นชามากๆ แต่ก็ซึนมากเช่นกัน ส่วนนางเอกว่างก็แทะโลมพระเอกพอเป็นพิธี ในขณะที่พระเอกปากบอกไม่ได้ชอบ แต่คอยหวงก้างตลอด มาลุ้นกันว่านางเอกจะจีบพระเอกติดก่อนที่พี่เขาจะจำอดีตได้หรือเปล่า ^^

ปล. จะมีเปิดให้อ่านฟรีจนจบ แต่ว่าเนื้อหาที่อ่านฟรีจะกำหนดให้อ่านฟรีประมาณ 24 ชั่วโมง ยังไงไป๋จะแจ้งทุกครั้งหากจะมีการติดเหรียญหรือเปิดให้อ่านฟรีในท้ายตอนของการอัปเดตเสมอ

ฝากกดหัวใจ กดเข้าชั้น หรือคอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ

แจ้งข่าวดีค่า

สวัสดีค่ะทุกคน ไป๋เพิ่งนึกขึ้นได้ค่ะ
เนื่องจากระบบเด็กดีกำลังปรับให้เหรียญล่วงหน้าที่ติดไปไม่ต้องซื้อซ้ำแล้ว
นั่นก็คือหากไป๋ติดเหรียญล่วงหน้าตอนละ 5 เหรียญ แล้วมาปรับราคาขายถาวรตอนละ 10 เหรียญ คนที่เคยซื้อไปแล้วก็ไม่ต้องซื้อซ้ำค่ะ
ซึ่งปกติระบบเก่าจะต้องซื้อซ้ำ
แต่ระบบใหม่มีเงื่อนไขก็คือต้องติดตั้งแต่ 15 ก.พ. เป็นต้นไปเท่านั้น
ดังนั้นพรุ่งนี้ไป๋จะไม่อัปนิยายนะคะ แล้วเดี๋ยววันที่ 15 ไป๋จะลงตอนชดเชยให้ โอเคกันมั้ยคะ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเสนอแนะกันได้นะคะ ไป๋จะเก็บมาพิจารณาค่ะ

[ภาค1 เฟิงเฉิง] บทนำ

บทนำ

“โม่ซินซ่างเสิน เนื่องจากท่านยอมสละอาภรณ์เทพเพื่อจุติลงไปยังโลกมนุษย์ โปรดจงตระหนักไว้ว่าก่อนอายุขัยสิบแปดปี ท่านจะต้องผ่านหายนะแห่งความเป็นตายหนึ่งครั้ง หากท่านสามารถผ่านมันไปได้ อิทธิฤทธิ์ของท่านทั้งหมดจะค่อยๆ กลับคืนมา ทว่าการกระทำทุกอย่างของท่านอยู่ภายใต้วิถีของสวรรค์ หากละเมิดและใช้มันกับมนุษย์อย่างไร้เหตุผล ท่านจะต้องรับทัณฑ์ทรมานที่หนักหนายิ่งกว่าอสนีบาตจากเก้าชั้นฟ้า รับทราบหรือไม่”

“ข้าทราบแล้ว”

น้ำเสียงเย็นหวานหูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เจ้าของเสียงเย็นใสนั้นสวมอาภรณ์เทพจันทราสีขาวประกายแดง ผมยาวรวบครึ่งศีรษะภายใต้เฟิ่งกวานสีทองอร่าม ใบหน้าของนางมีรัศมีสว่างไสวบดบัง หากแต่ผู้คนยังพอคาดเดาได้ว่าเบื้องหลังรัศมีเทพอันสว่างสดใสนี้เป็นใบหน้าที่งามพิลาสเพียงใด นางยืนกลางโถงอย่างอาจหาญ อาภรณ์พลิ้วไสวราวกับกระแสลมโชยพัด ท่ามกลางโถงขนาดใหญ่ของวังนรกใต้ดิน รัศมีของนางได้กดข่มราชันนรกจนไม่สามารถเงยศีรษะขึ้นมาได้

กระนั้นแล้วสังเกตจากความหม่นหมองของรัศมีเทพที่เล็ดลอดออกมา แสดงว่านางพยายามข่มรัศมีของตนอย่างถึงที่สุดแล้ว

บนบัลลังก์กลางโถงของวังนรกใต้ดิน บุรุษรูปร่างสูงใหญ่สวมอาภรณ์ดำสนิทปักเลื่อมพราย ลวดลายบนผืนผ้าสีดำสนิทดูราวกับเปลวเพลิงจากนรกจิ่วโยวที่มีชีวิต คิ้วดาบพาดเฉียง นัยน์ตาคมปลาบ หากแต่ใบหน้ากลับมีความกริ่งเกรงอยู่บ้าง

เขาเป็นราชันนรกในรุ่นนี้ ทว่าตรงหน้าเป็นถึงสัจเทพที่มีอายุขัยยืนยาว เทพองค์ใหญ่ลงมาเยือนยังโลกใต้พิภพ เขาเองยังคงประหม่าอยู่มาก

คำสั่งที่พูดออกไปเป็นเพียงคำสั่งของเทียนจุนบนเก้าชั้นฟ้า แม้ว่าสัจเทพจะอยู่นอกเหนือเขตอำนาจปกครองของเก้าชั้นฟ้า ทว่าการจุติไปยังโลกมนุษย์ยังคงต้องผ่านเส้นทางปกติและเคารพกฎของฟ้าดิน ดังนั้นนางจึงต้องฟังกฎระเบียบการลงไปยังโลกมนุษย์ด้วยความอดทน

“โม่ซินซ่างเสิน ขะ…ข้าขอถาม เทพชะตาได้มอบหนังสือชีวิตให้กับท่านหรือไม่” เขาพยายามประคองเสียงให้อ่อนโยนและนอบน้อมเล็กน้อย เมื่อสังเกตว่าบรรยากาศรอบตัวนางเริ่มเย็นลง

นางยกมือเรียวขาวขึ้น สะบัดปลายนิ้วอย่างเกียจคร้าน ขนนกสีทองพลันล่องลอยไปยังมือของราชันนรกอย่างนุ่มนวล

มือที่รับขนนกทองคำสั่นเทาเล็กน้อย เขาอ่านหนังสือชีวิตอย่างรวดเร็ว คิ้วเข้มค่อยๆ ขมวดมุ่นราวกับกำลังต่อสู้อะไรบางอย่างกับตัวเอง

“เหตุใดหนังสือชีวิตของท่านถึงเต็มไปด้วยเรื่องราว…”

โม่ซินเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเสียงของราชันนรก นางไม่ได้อ่านหนังสือชีวิต แต่เมื่อคิดถึงใบหน้าของชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพชะตา ริมฝีปากก็เม้มเป็นเส้นตรงพร้อมกับนัยน์ตาที่เปล่งประกายอันตราย

บุรุษผู้นั้นชมชอบการอ่านนิยายในโลกมนุษย์เป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาว่าง จะต้องใช้อาวุธวิเศษเพื่อเดินทางข้ามเวลาไปยังเมืองมนุษย์เพื่อซื้อนิยายที่วางแผงใหม่ บางครั้งเวลาเขาต้องการจะแบ่งปันความทุกข์ในการอ่านนิยายจึงชอบมารบกวนนางที่วังเฟิ่งซินอยู่เป็นนิจ

ทว่านางไม่ทันฉุกคิดว่าเขาจะกล้านำเรื่องราวในนิยายประโลมโลกมาเขียนในหนังสือชีวิตของนางจริงๆ

ไป๋มิ่ง…รอข้ากลับมาก่อนเถอะ

นางพยายามควบคุมโทสะ บอกกับราชันนรกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ไม่เป็นไร ก็แค่ชีวิตหนึ่ง”

ในเวลาเดียวกัน บนตำหนักกวงหมิง

“ฮัดเช้ย! ช่วงนี้ข้านอนน้อยเกินไปหรือไม่” บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนขยี้ปลายจมูกแดงก่ำด้วยความงุนงง นัยน์ตากระจ่างใสราวกับกวางยังคงไม่อาจละไปจากหนังสือที่มีหน้าปกสีสันฉูดฉาดในมือได้ เขาปล่อยผมยาวสยายอย่างเกียจคร้าน เอนกายบนตั่งตัวยาว ด้านข้างเป็นเซียนรับใช้โบกพัดอย่างไร้อารมณ์

เขาสวมอาภรณ์ขาวเรียบ ดูสง่างามราวกับแสงจันทร์สีเงินในคืนเดือนหงาย ขาเรียวที่ซ่อนเร้นใต้อาภรณ์เหยียดยาวอย่างเอ้อระเหย หากทว่าปลายเท้ากลับกระดิกอย่างไม่สงวนท่าที

เซียนรับใช้ข้างกายกระตุกมุมปาก ใบหน้าอ่อนเยาว์ปรากฏร่องรอยของความเอือมระอา “ข้าเกรงว่าโม่ซินซ่างเสินจะรับรู้เกี่ยวกับละครชีวิตที่ท่านเขียนให้นางแล้ว”

“…” ไป๋มิ่งปรายตามองเซียนรับใช้คนสนิท ท่าทางอ่อนโยนก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนในทันใด ดูราวกับอันธพาลตัวร้ายก็ไม่ปาน

เขาหยิบเส้นผมที่ไหล่ลู่มายังหน้าอก ก่อนจะสะบัดมันไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจ

“นางจะต้องสำนึกในน้ำใจข้า ละครชีวิตเช่นนี้จะทำให้คนผู้นั้นเห็นอกเห็นใจนาง บางครา…การเล่นละครชีวิตครั้งนี้อาจจะทำให้นางสมหวังกับเจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นเสียที”

“…” เซียนรับใช้กลอกตามองฟ้า โอดครวญกับสวรรค์อย่างหดหู่ เขาหวังงเพียงโม่ซินซ่างเสินจะไม่ถล่มตำหนักกวงหมิงของพวกเขาราบเป็นหน้ากลองก็พอ

เรื่องนี้จะลงให้อ่านฟรีไปสักระยะ แล้วจะติดเหรียญให้อ่านล่วงหน้าตอนละ 2 เหรียญไปจนจบ จนกว่าจะปลดเหรียญครบไป๋ถึงจะติดเหรียญทั้งหมดก่อนวางจำหน่ายอีบุ๊ก ไป๋จะมาแจ้งติดเหรียญล่วงหน้า ดังนั้นฝากกดเข้าชั้นเพื่อรับข่าวสารด้วยนะคะ

บทที่ 1 หายนะแห่งความตาย 1

บทที่ 1 หายนะแห่งความตาย 1

ค่ำคืนแห่งฤดูสารท พระจันทร์สีเงินหลบเร้นหลังริ้วเมฆ ลมหนาวหอบผ่านป่ารกร้างข้างทาง หอบเอากลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งแผ่กระจายไปทั่ว

ร่างเล็กซุกตัวอยู่ใต้พงหญ้า พยายามซ่อนลมหายใจให้แนบเนียนที่สุด นัยน์ตาดำสนิทหลุบลงเพื่อซ่อนประกายตื่นตระหนก ลมหายใจของเธอแผ่วหวิว บนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ หากแต่เธอกลับไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาสักหยด ความเจ็บปวดทำให้เธอเกือบจะหมดสติหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเสียงฝีเท้าของชายฉกรรจ์นับสิบทำให้เธอต้องพยายามกัดปลายลิ้นเพื่อเรียกสติตลอดเวลา

พวกมันเดินผ่านไปผ่านมาอย่างหัวเสีย เนื่องจากเป็นสถานที่รกร้างห่างไกล จึงมีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างเย็นเยียบ

หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกลองรบความเคียดแค้นระคนหวาดกลัวทำให้หญิงสาวพยายามฝืนเรียกสติของตนเองอยู่ตลอด ตอนนี้ได้แต่ภาวนาไม่ให้ชายเหล่านั้นเข้ามาใกล้

ติ๊ดๆ

โทรศัพท์มือถือของชายคนหนึ่งดังขึ้น เขากดรับทันทีแล้วเปิดสปีกเกอร์โฟน “ฮัลโหล”

[งานเสร็จหรือยัง?] เสียงเย็นชาของชายปลายสายดังขึ้น

ชายที่รับโทรศัพท์ชะงัก เหยื่อหนีไปได้ ทว่าอีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่เชื่อว่าเธอจะรอดชีวิต ดังนั้นจึงพูดเอาตัวรอดว่า “ตายแล้วครับ”

[ดี…เงินอีกห้าล้านจะถูกโอนให้ทันที]

“ครับ”

หลังจากวางสายชายคนนั้นก็กวาดสายตามองไปยังจุดที่หญิงสาวซ่อนตัวอยู่ หัวใจของเธอสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว

ติ๊ง!

ชายคนนั้นดูโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นว่ามีเงินจำนวนห้าล้านถูกโอนเข้ามาก็พ่นลมหายใจพร้อมกับตะโกนเรียกลูกน้อง

“กลับกันเถอะ นายจ้างโอนเงินมาแล้ว”

“เฮ้! ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นหนีไปได้จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ”

ชายคนนั้นจุกบุหรี่อย่างไม่ใส่ใจ ปลายบุหรี่เกิดสีแดงวาบเมื่อเขาสูดลมหายใจเข้าปอด เขาพ่นลมหายใจที่เต็มไปด้วยควันสีเทาออกมา ดวงตาดุดันเต็มไปด้วยความเลือดเย็น “นังนั่นไม่มีทางรอดพ้นคืนนี้ไปได้ กลับกันเถอะ มีเพียงเทพเซียนเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตเธอได้”

ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะหนีออกจากเมืองเฟิงเฉิงหลังจากคืนนี้ ไม่มีทางกลับมาเพื่อให้นายจ้างถูกสงสัยอีกเป็นอันขาด นี่เป็นข้อปฏิบัติของพวกเขาหลังจากเสร็จงานใหญ่สักชิ้น

“น่าเสียดายที่มันหายตัวไป อดชิมเนื้อนุ่มๆ ของเด็กสาวเลย” ใครคนหนึ่งพูดอย่างหื่นกระหาย เสียงแหบพร่านั้นไม่ต่างอะไรจากปีศาจในนรก

อีกคนแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ คิดสภาพพวกเขานอนกับศพหญิงสาวแล้วรู้สึกขยะแขยง “กลับเถอะ มีอะไรกับศพไม่ใช่เรื่องน่ายินดี”

หัวหน้าใหญ่ไม่ติดใจ พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วรวมตัวกันเดินกลับไปที่ถนน

เมื่อเห็นว่าเดนนรกเหล่านั้นเดินจากไปแล้ว เฟิ่งโม่ซินก็แทบหมดแรง ร่างกายของเธออ่อนปวกเปียก เลือดจากบาดแผลถูกของมีคมพลันรินไหลไม่หยุด กลิ่นคาวคละคลุ้ง ผสานเข้ากับลมหายใจที่อ่อนระโหย ประสาทสัมผัสที่เคยเฉียบคมค่อยๆ เลอะเลือน

ดวงตากระจ่างใสกลายเป็นหม่นหมอง เธอมองพระจันทร์ที่ลอยเด่นบนท้องฟ้า ดูเหมือนว่าแสงจันทร์ในวันนี้จะมีสีขาวซีดและอ่อนแรงกว่าทุกครั้ง กระแสลมเย็นเยือกทำให้อาการเจ็บปวดจากบาดแผลทั่วร่างกายกลายเป็นชาหนึบ ลมหายใจพลันอ่อนระโหยโรยริน

ทว่าหัวใจกลับร้อนรุ่มไปด้วยไฟแค้น

เฟิ่งอันซี…

โอ้…เฟิ่งหานอีกคน

เสียงจากปลายสายเป็นพ่อบุญธรรมที่แสดงออกว่ารักเธอนักหนา ชายที่เต็มไปด้วยความใจดีและอ่อนโยนได้แสดงด้านมืดของเขาออกมาในคืนนี้

คืนที่เป็นวันเกิดของเธอ

และอาจจะเป็นคืนสุดท้ายของชีวิต

เสียงรถค่อยๆ ห่างออกไป เธอหัวเราะในความมืด น้ำตารินไหลปะปนกับคราบเลือดบนใบหน้า หากแต่หญิงสาวไม่ได้สนใจ แสงจันทร์ค่อยๆ หายไปจากครรลองสายตา ฟ้าดินกลายเป็นสีน้ำหมึก

เธอหลับตาลง มือที่เต็มไปด้วยบาดแผลกำแน่น ในอกเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ

ห่างไกลออกไปราวสิบกิโลเมตร

สุสานส่วนตัวบนเขาสูง ร่างของคนนับสิบคนล้อมรอบโลงศพสีขาวที่ยังไม่ได้ปิดฝาโลง ด้านในคือร่างของคนผู้หนึ่ง ใบหน้าราวหยกสลักสะท้อนกลิ่นอายสูงศักดิ์ภายใต้แสงจันทร์ แพขนตาหนาราวกับพัดสงบนิ่ง สันจมูกโด่งเชิดขึ้น รับกับริมฝีปากสีซีดที่เริ่มหมองคล้ำ

รอบตัวเขาแผ่รัศมีเย็นเยือกราวกับก้อนน้ำแข็งหมื่นปี

ข้างโลงสีขาวเป็นชายวัยกลางคนมีสีหน้ากระวนกระวาย “ท่านนักพรตเสวียนคง ท่านแน่ใจหรือว่าจะหาหญิงสาวมาช่วยนายน้อยได้ทัน”

นักพรตเสวียนคงแต่งตัวเช่นเดียวกับนักพรตเต๋าในสมัยโบราณ เขาเป็นชายชราอายุราวหกสิบปี ใบหน้าใจดีและเต็มไปด้วยความฉลาดเฉลียว ในมือถือแส้นักพรตซึ่งทำด้วยหางม้าสีเงินยวง พาดปลายหางยาวตรงไว้กับแขนข้างหนึ่งอย่างสบายๆ

มือข้างที่ว่างลัดนิ้วคำนวณดวงชะตา ขณะที่สายตากลับจับจ้องที่ดวงดาวทางทิศเหนือ

ทันใดนั้นนัยน์ตาของนักพรตเฒ่าก็เปล่งประกายวาบ พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไปทางทิศตะวันออก ห่างจากที่นี่สิบกิโลเมตร จำไว้ ต้องรักษาชีวิตของเธอให้ได้”

ชายวัยกลางคนเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลเซียว เขามีชื่อว่าเซียวจาง หลังจากได้ยินคำพูดของนักพรตเสวียนคงก็ไม่ถามไถ่อะไรสักคำและหันไปพูดกับชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้ ๆ “ไปสิ อย่าลืมเตรียมยาฟื้นชีวิตผู้คน!”

“ครับพ่อบ้านเซียว”

“เดี๋ยวก่อน พาเขาไปด้วย” นักพรตเสวียนคงชี้ไปที่ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ใกล้ๆ ลูกศิษย์ของเขา เสวียนจี

เสวียนจีสวมชุดนักพรตเช่นเดียวกับอาจารย์ ทว่ากลับเต็มไปด้วยความสง่างามที่หาได้ยาก เขายืดตัวขึ้น เดินไปที่รถตู้โดยไม่ต้องให้ออกคำสั่ง

ชายชุดดำราวห้าหกคนรีบเดินตามเสวียนจีไปที่รถตู้ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว

นักพรตเสวียนคงดึงสายตากลับมาแล้วมองชายหนุ่มในโลงสีขาว ก่อนจะมองไปยังดวงดาวทิศเหนือด้วยความกังวลเล็กน้อย

เขาไม่สามารถรับรู้ได้ว่าหญิงสาวในคำทำนายจะปรากฏตัวที่ใด ทราบเพียงว่านางและนายน้อยเซียวจะมีเคราะห์ถึงแก่ชีวิตและความตายในคืนเดียวกัน โชคยังดีที่หญิงสาวคนนั้นเป็นผู้สูงศักดิ์มาเกิด ชะตาชีวิตสามารถมองผ่านจากดวงดาวได้เพียงเล็กน้อย ทว่าหลังจากคืนนี้ชะตากรรมของนายน้อยเซียวและหญิงสาวคนนั้นจะเปลี่ยนไป แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร

เมื่อถึงคราวเคราะห์หนัก หากพวกเขาผ่านมันไปได้ ชะตากรรมจะไม่ถูกผู้อื่นล่วงรู้อีกต่อไป

ดั่งคำพูดโบราณ ชะตาชีวิตของพวกเขาล้วนลิขิตด้วยมือของตนเอง…

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0