อาการ ปวดหลัง เป็นอาการหนึ่งที่คนในปัจจุบันพบเจอกันมาก วันนี้ Health Mthai จะมาสรุปให้ฟังกันค่ะว่า มีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้คุณต้องทรมานกับอาการปวดหลังนี้
1. ใส่รองเท้าส้นสูง..เกินไป
“อยากสวยต้องอดทน” คติประจำใจของผู้หญิงยุคนี้ที่ใช้ชีวิตอยู่บนส้นรองเท้าที่สูงเป็นเวลาหลายชั่วโมงติดๆ กัน สาวๆ รู้ไหมคะว่า ธรรมชาติของเท้าคนเรา ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักตัวแค่เฉพาะบริเวณส่วนหน้าของเท้าเท่านั้น เมื่อเราใส่รองเท้าส้นสูง หลังจะยิ่งถูกดันไปข้างหน้ามากขึ้น อกจะถูกดันมาข้างหลัง เพื่อให้ร่างกายได้สมดุล ส้นยิ่งสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องแอ่นหลังไปข้างหน้ามากขึ้นเท่านั้น จึงต้องเกร็งกล้ามเนื้อมากกว่าปกติ ประกอบกับในกระดูกสันหลังจะมีกระดูกเป็นปล้องๆ และข้อต่อเล็กๆ มาเรียงกัน เมื่อเกิดการกดน้ำหนักลงไปที่จุดใดจุดหนึ่งมากกว่าปกติ การกระจายน้ำหนักไม่ทั่วถึง จึงเป็นการเพิ่มภาระให้กับข้อต่อเล็กๆ ในกระดูกสันหลังเหล่านั้น จนทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ในที่สุด
เมื่อไหร่ที่คุณสวมใส่รองเท้าส้นสูง น้ำหนักจะไปอยู่ที่ส่วนหน้าของเท้า 70% ด้านหลัง 30% จึงเกิดแรงกดทับอยู่ที่ด้านหน้าเพียงจุดเดียว ซึ่งงานวิจัยบางงานบอกว่า รองเท้าส้นสูงเพียง 1 นิ้ว สามารถเพิ่มแรงกดทับได้ 22% ลองคิดดูสิว่า ถ้าเราใส่รองเท้าส้นสูงสัก 4-5 นิ้ว แรงกดทับจะมากขึ้นเพียงใด
ถ้าอยากใส่รองเท้าส้นสูงต้องทำอย่างไร?
- อย่าใส่นานเกินไป ซึ่งในที่นี้ก็ไม่มีเวลากำหนดเป็นชั่วโมงตายตัว แต่ถ้ารู้สึกเมื่อยขึ้นมา ก็ควรลงจากส้นสูงสักพักก็จะช่วยให้ดีขึ้น
- อย่าใส่ส้นสูงเกินไป ซึ่งตามงานวิจัยบอกไว้ว่าไม่ควรเกิน 2 นิ้วค่ะ
- อย่าใส่รองเท้าที่หัวแหลม ส้นแหลม รวมถึงรองเท้าส้นสูงที่บีบแน่นเท้าเกินไปด้วย
- เวลาซื้อรองเท้าควรซื้อตอนบ่าย เพราะเป็นช่วงเวลาที่เท้าขยายตัวมากขึ้น เวลาใส่แล้วจะได้ไม่บีบเท้าจนเกินไป
- ก่อนและหลังใส่ ควรบริหารร่างกาย ด้วยการยืดกล้ามเนื้อให้ดี
- สิ่งที่ควรระวังเลยก็คือ การตกส้นสูง หรือเท้าพลิกจากการใส่รองเท้าที่สูงเกินไป งานนี้ก็อาจจะได้อาการข้อเท้าพลิก แพลง หรือหัก เป็นของแถมมาด้วยนะ
2. นั่งนาน..เกินไป
ท่านั่ง เป็นท่าที่ต้องรับแรงกดดันในช่องกระดูกสันหลังมากที่สุด การนั่งนานๆ จึงทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ง่าย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อ เพราะการนั่งนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งตัว ไม่ได้ผ่อนคลาย ซึ่งตามหลักทั่วไปเราไม่ควรนั่งนานติดกันเกิน 30 นาที ควรจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนท่านั่ง อิริยาบถบ้าง โดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศที่ชอบนั่งติดโต๊ะนานๆ ก็อาจทำให้กลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมได้ในที่สุด
นอกจากการนั่งนานแล้ว ท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังงอ ห่อไหล่ ก้มใส่คอมพิวเตอร์ แบบนี้แค่ปวดหลังยังไม่พอ อาการยังลามไปที่คอ ไหล่ สะโพก และขาได้อีกเช่นกัน
นั่งอย่างไรจึงจะถูกต้อง?
ต้องนั่งหลังตรงแบบสบายๆ ตามธรรมชาติ แผ่นหลังแนบไปกับพนักพิงเก้าอี้ ลำตัวตั้งตรง ขาตั้งฉากกับพื้น ทิ้งน้ำหนักลงบนฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ไม่โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อก้มมองจอคอมพิวเตอร์ สายตาอยู่ในระดับเดียวกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แขนในการใช้คีย์บอร์ด ต้องเก็บศอกทั้งสองข้างให้ชิดกับลำตัว ให้ส่วนของข้อมือกับข้อศอกอยู่ในแนวเส้นตรง ทำมุม 90 องศากับไหล่ เพียงแค่คุณนั่งถูกท่า เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ซะบ้าง ก็สามารถช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ ได้แล้วค่ะ
3. ขับรถนาน..เกินไป
บ้านเราขึ้นชื่อเรื่องของปัญหาการจราจรอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่ต้องขับรถนานๆ ย่อมต้องเคยเจอกับปัญหานี้อย่างแน่นอน เพราะการขับรถต้องอยู่ในท่านั่ง ที่หลังต้องรับแรงกดดันสูงอยู่แล้ว แถมยังไม่ได้นั่งสบายๆ เหมือนการนั่งแบบอื่น เพราะการขับรถยังต้องใช้สมาธิอย่างมากในการควบคุมสิ่งต่างๆ รอบกาย ยิ่งเพิ่มแรงกดดัน และทำให้กล้ามเนื้อเมื่อยล้า ลามมาปวดแขน ขา และหลังได้ ยิ่งถ้าหากคนที่มีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำหนักตัวมาก หรือมีโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังอยู่แล้ว ก็อาจจะส่งผลให้ปวดหลังมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ท่านั่งขับรถที่ถูกต้อง
เข่าต้องสูงกว่าสะโพกเล็กน้อย เบาะนั่งควรอยู่ในระยะที่พอดีกับพวงมาลัยไม่ห่างหรือชิดจนเกินไป เพื่อให้เราควบคุมพวงมาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขาสามารถเหยียบแป้นได้น้ำหนักพอสมควร ท่านั่งที่มีแรงดันน้อยในช่องกระดูกสันหลัง คือ การเอนไปด้านหลังประมาณ 20 องศา และแผ่นหลังควรมี Back Support แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละคนด้วยเช่นกันว่าควรปรับเอนแค่ไหนถึงจะเหมาะสม
สำหรับบางคนชอบคิดว่าท่านั่งกึ่งเอนนอนนั้นให้ความสบายแต่ความจริงแล้วมันกลับเพิ่มแรงกดไปที่เอว เพิ่มความเมื่อยล้าให้กับหลัง และท่านั่งกึ่งนอนอาจทำให้คุณหลับคาพวงมาลัยก็เป็นได้
แม้การใส่รองเท้าส้นสูง การนั่งท่าที่ไม่ถูกต้อง รวมไปถึงการขับรถเป็นเวลานานๆ อาจจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่ก็สามารถส่งผลต่ออาการปวดหลังของคุณได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซะใหม่ เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานๆ แล้ว จากอาการปวดหลังตามกล้ามเนื้อต่างๆ อาจทำให้กระดูกสันหลังมีปัญหาก็เป็นได้ ส่วนใครที่มีอาการปวดหลังอยู่แล้ว ก็ยิ่งควรเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเจ็บปวดให้มากขึ้นไปอีก จำไว้ว่าถาหากพบความผิดปกติของร่างกาย ให้รีบมาปรึกษาหมอ อย่าปล่อยทิ้งไว้ หรือวินิจฉัยเอาเอง เพราะจากอาการเล็กๆ น้อยๆ อาจลุกลามไปจนถึงขั้นผ่าตัดเลยก็เป็นได้
ที่มา : นพ. ประวิทย์ สุขเจริญชัยกุล โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์
