เดี๋ยวนี้คนเราใช้ชีวิตอยู่ในที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ จนที่ทำงานกลายเป็นเหมือนบ้าน ทำให้บางคนเผลอไผลลืมตัวทำอะไรที่ไม่ค่อยเหมาะไปบ้าง ทำให้แทนที่จะทำงานอย่างราบรื่น กลับมาพลาดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จนการทำงานถูกลดประสิทธิภาพลงไป
1. ไปทำงานสาย
เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าเริ่มต้นด้วยการมาสายคงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างจะเร่งรีบ ไม่มีเวลาได้คิดหรือวางแผนก่อนเริ่มงาน ยิ่งถ้าวันไหนมีประชุมตอนเช้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณจะรนแค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าพลาดตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในที่ทำงานเลยจะดีกว่า
2. ข้อจำกัดเยอะ
ทุกคนมาเพื่อทำงาน เพราะฉะนั้นงานคือตัวตั้ง ถ้าคุณมัวแต่โน่นก็ไม่ทำ นี่ก็ไม่ทำ ประชุมเช้าก็บ่น กลับบ้านดึกก็ไม่สะดวก ออกงานข้างนอกก็ไม่ได้ และอีกมหาศาลข้อจำกัด แบบนี้คงไม่ดีกับการทำงานสักเท่าไหร่แน่ ๆ ทางที่ดีค่อย ๆ ปรับตัวตัดความเยอะของตัวเองออกไปบ้าง งานก็น่าจะเวิร์คได้มากขึ้น
3. ลาป่วยบ่อย
ความป่วยไข้ไม่ใช่เรื่องผิด เราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าตอนไหนป่วยจริง ตอนไหนป่วยการเมือง ซึ่งมนุษย์ออฟฟิศทุกคนรู้ดีว่าการลาป่วยบ่อย ๆ มีผลต่อการทำงานและการประเมินผลตอนปลายปีด้วยเหมือนกัน แต่บางคนก็โนแคร์ โนสนยังคงตั้งหน้าตั้งตาลาป่วยเดือนละหลาย ๆ ครั้งด้วยเหตุผลเดิม ๆ บางทีคุณก็มองข้ามไปว่าเพื่อนร่วมงานเอือมกับพฤติกรรมป่วยการเมืองของคุณมากแค่ไหน
4. เอางานนอกมาทำ
ใคร ๆ ก็มีความจำเป็นด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าจะกินเวลา กินทรัพยากรขององค์กรด้วยการเอางานนอกมาทำคงไม่ดีสักเท่าไหร่ นอกจากจะไม่ดีแล้ว ยังเป็นการเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานที่ทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อตด้วย ถ้าไม่ได้นึกถึงองค์กรสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็เกรงใจเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ บ้างก็ยังดี
5. พูดบ่อย ๆ ว่าอยากลาออก
เชื่อว่ามนุษย์ออฟฟิศหลายคนต้องเคยเบื่องาน เบื่อที่ทำงานจนอยากจะลาออกให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถ้าอยากจะออกก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้คนทั้งออฟฟิศรู้หรอก พฤติกรรมแบบนี้ดูเผิน ๆ เหมือนไม่มีอะไร และนอกจากไม่มีใครง้อให้อยู่ต่อแล้ว ยังอาจโดนจับตามองมากพิเศษด้วย ที่สำคัญแนวโน้มของคนที่บ่นว่าจะลาออกมักไม่ค่อยได้ออกหรอก ถ้าอยากจะออกจริงก็เงียบ ๆ ไว้แล้วออกเลย ดูดีกว่ากันเยอะ