โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ลดความเสี่ยง พิชิตโอกาส กระจายการลงทุน ผ่าน Auto Top Funds Portfolio

Amarin TV

เผยแพร่ 28 มี.ค. เวลา 06.11 น.
ลดความเสี่ยง พิชิตโอกาส กระจายการลงทุน ผ่าน Auto Top Funds Portfolio
ลดความเสี่ยง พิชิตโอกาส กระจายการลงทุนทั่วโลก ผ่าน Auto Top Funds Portfolio

ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงกว่า 16.43% (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค.68) จากปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นไทยมีความเสี่ยงสูงขึ้น หลักทรัพย์บัวหลวง แนะนำควรกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์และภูมิภาคอื่น ๆ ผ่าน “การจัดพอร์ตกองทุนรวมแบบอัตโนมัติ” หรือ Auto Top Funds Portfolio ซึ่งเป็นทางเลือกการลงทุนที่โดดเด่นในการกระจายความเสี่ยงด้วยการบริหารพอร์ตโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของนักลงทุน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นไทย

นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยได้เผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยลดลงกว่า 17% (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มีนาคม 2568) โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักอันดับหนึ่งของไทย รวมถึงความเสี่ยงจากสงครามการค้ารอบใหม่ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) รวมทั้งไทยด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เงินฝืดและวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการส่งออกของไทย ขณะเดียวกัน ภายในประเทศยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการฟื้นตัวทางธุรกิจที่ยังไม่ทั่วถึง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อประมาณการผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีชะลอตัว ดังนั้นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น การกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในสินทรัพย์และภูมิภาคอื่นๆ จึงถือเป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนในปี 2568

นักลงทุนที่ต้องการพอร์ตลงทุนที่สร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นไทย กระจายการลงทุนทั่วโลก ด้วย Auto Top Funds Portfolio เป็นทางเลือกที่โดดเด่น ด้วยระบบบริหารการลงทุนปรับพอร์ตให้อัตโนมัติสอดคล้องกับภาวะตลาด โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญกำหนดมุมมองและสัดส่วนการลงทุน พร้อมคัดเลือกกองทุนรวมกว่า 2,000 กองทุนจากบลจ.ชั้นนำของไทย โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการบริหารพอร์ตเพิ่มเติม และไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีต่างประเทศ เนื่องจากลงทุนผ่านกองทุนรวมในประเทศไทย ปัจจุบันมีให้เลือกลงทุนทั้งหมด 6 พอร์ตโมเดล ตามระดับความเสี่ยงและเป้าหมายของนักลงทุน

1. พอร์ตเสี่ยงสูง Aggressive Asset Allocation (AAA)

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง กระจายการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นและสินทรัพย์ทางเลือกเป็นหลัก โดยในปี 2567 สร้างผลตอบแทนที่ 7.41% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2567) ให้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงสูงที่มีผลตอบแทน 1.50% และมีค่าความผันผวนพอร์ต (SD) 4.38% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงสูงที่ 10.10%

2. พอร์ตเสี่ยงปานกลาง Moderate Asset Allocation (MAA)

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เน้นสัดส่วนการลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก โดยในปี 2567 สร้างผลตอบแทนที่ 5.97% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2567) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงปานกลางที่มีผลตอบแทน 2.19% และมีค่าความผันผวนพอร์ต (SD) 3.53% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงปานกลางที่ 5.54%

3. พอร์ตเงินปันผล Dividend Income Asset Allocation (DAA)

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการรายได้จากเงินปันผล โดยเน้นลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ซึ่งในปี 2567 จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 9 ครั้ง คิดเป็นผลตอบแทนหลังหักภาษีเงินปันผลอยู่ที่ 1.71% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 67) โดยในปี 2567 สร้างผลตอบแทนรวมที่ 5.41% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 67) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงสูงที่มีผลตอบแทน 1.50% และมีค่าความผันผวนพอร์ต (SD) 4.29% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงสูงที่ 10.10%

4. พอร์ตเสี่ยงต่ำ Conservative Asset Allocation (CAA)

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ เน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้เป็นหลัก โดยในปี 2567 สร้างผลตอบแทนที่ 2.79% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2567) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงต่ำที่มีผลตอบแทน 1.95% และมีค่าความผันผวนพอร์ต (SD) 1.43% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มกองทุนผสมเสี่ยงต่ำที่ 2.60%

5. พอร์ตตราสารหนี้ระยะสั้น Fixed Income Saving Package (FIXEDSP)

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง และต้องการบริหารสภาพคล่อง เน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น โดยในปี 2567 สร้างผลตอบแทนที่ 2.45% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2567) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีผลตอบแทน 2.30% และมีค่าความผันผวนพอร์ต (SD) 0.11% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มตราสารหนี้ระยะสั้นที่ 0.13%

6. พอร์ตตราสารหนี้ทั่วโลก Fixed Income Dynamic Package (FIXEDDP)

เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และต้องการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก เน้นลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นและยาว ทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 2567 สร้างผลตอบแทนที่ 1.71% (ตัวเลข ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2567) สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีผลตอบแทน 0.65% และมีค่าความผันผวนพอร์ต (SD) 1.92% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มตราสารหนี้ทั่วโลกที่ 4.35%

ผลตอบแทนกลยุทธ์ AAA, MAA, CAA ปี 2567 เมื่อเทียบกับ SET

ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังซบเซาและมีความไม่แน่นอนสูง การลงทุนในหุ้นไทยเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบ การกระจายพอร์ตการลงทุน ผ่าน Auto Top Funds Portfolio เป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ที่ปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าพอร์ตของตนจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนคอยกำหนดมุมมองและสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยง พร้อมคัดเลือกกองทุนตัวท็อปที่มีผลงานเด่น และดูแลปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับภาวะตลาดโดยอัตโนมัติ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอป Wealth CONNEX