นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรมุ่งเน้นการขยายฐานภาษีและการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี จึงสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการบริโภคภายในประเทศสะสม 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 - ม.ค. 2568) ได้สูงกว่าปีก่อน 20,730 ล้านบาท คิดเป็น 13% และสูงกว่าประมาณการ 16,585 ล้านบาท คิดเป็น 10.4%
อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสะสม 4 เดือนแรกจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีก่อน 2.7% และต่ำกว่าประมาณการ 3.1% ซึ่งกรมสรรพากรได้ร่วมกับกรมศุลกากรติดตามการจัดเก็บภาษีอย่างใกล้ชิด จึงทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าในเดือนม.ค. 2568 สูงกว่าปีก่อน 2,470 ล้านบาท คิดเป็น 7.9% และสูงกว่าประมาณการ 804 ล้านบาท คิดเป็น 2.4%
ทั้งนี้ ในภาพรวมกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้สะสม 4 เดือนแรก อยู่ที่ 646,217 ล้านบาท สูงกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 3.8% หรือ 23,426 ล้านบาท และสูงกว่าประมาณตามเอกสารงบประมาณ 1.2% หรือ 7,588 ล้านบาท
โดยกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้สูงกว่า ประมาณการทุกเดือน หากพิจารณาเฉพาะภาษีที่กรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บ โดยไม่รวมหน่วยงานอื่นจัดเก็บให้ กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บได้ 488,065 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 25,973 ล้านบาท คิดเป็น 5.6% และสูงกว่าประมาณการ 11,857 ล้านบาท คิดเป็น 2.5%
นายปิ่นสาย เน้นย้ำว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเวลาของการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91 กรมสรรพากรขอแนะนำผู้มีเงินได้ถึงเกณฑ์ยื่นแบบฯ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ยื่นแบบฯ ประจำปีภาษี 2567 ตรงตามข้อเท็จจริง โดยสามารถยื่นแบบฯ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ถึงวันที่ 8 เม.ย.2568