โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โอไมครอน สายพันธุ์ ‘BN.1’ ยึดไทยแทน ‘BA.5.2’ แล้ว ในสัดส่วน 74.5%

The Bangkok Insight

อัพเดต 07 ก.พ. 2566 เวลา 15.56 น. • เผยแพร่ 08 ก.พ. 2566 เวลา 00.05 น. • The Bangkok Insight
โอไมครอน สายพันธุ์ ‘BN.1’ ยึดไทยแทน ‘BA.5.2’ แล้ว ในสัดส่วน 74.5%

โอไมครอน สายพันธุ์ 'BN.1' ยึดไทยแทน 'BA.5.2' แล้ว ในสัดส่วน 74.5% CH.1.1 หลบภูมิเก่ง พบเพียง 7.3%

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อัปเดตสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย โดยระบุว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 พบเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

โอไมครอน สายพันธุ์ ‘BN.1’ ยึดไทยแทน ‘BA.5.2’ แล้ว ในสัดส่วน 74.5%
BN.1

WHO ติดตามโอไมครอน 4 สายพันธุ์

ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกกำลังให้ความสำคัญกับการติดตามโอไมครอน 4 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูลการเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเติบโต เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรค

โดยช่วงเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา พบข้อมูลสายพันธุ์ในฐานข้อมูลสากล GISAID ดังนี้ BF.7 จำนวน 1,147 ตัวอย่าง 4.6% , BQ.1 และลูกหลาน จำนวน 11,674 ตัวอย่าง 46.9% รวมถึง BQ.1.1 7,189 ตัวอย่าง 28.9%, BA.2.75 และลูกหลาน จำนวน 3,473 ตัวอย่าง 13.9% รวมถึง BA.2.75.2 35 ตัวอย่าง 1% และ CH.1.1 1,672 ตัวอย่าง 6.7%, XBB และลูกหลาน จำนวน 4,049 ตัวอย่าง 16.3% รวมถึง XBB.1.5 3,005 ตัวอย่าง 12.1%

BN.1
BN.1

สถานการณ์โควิดในไทย

สถานการณ์สายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปี 2565 พบสายพันธุ์เดลตาถูกแทนที่ด้วยสายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่างๆ ได้แก่ BA.1, BA.2, BA.4, BA.5 และสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ในตระกูล ซึ่งปัจจุบันสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายอยู่ในประเทศไทย

ผลการเฝ้าระวังสายพันธุ์เชื้อก่อโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2566 จากผลการตรวจแบบ SNP/Deletion จำนวน 689 ราย พบสัดส่วนสายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์ BA.2.75 คิดเป็น 88.5%

โดยผลการตรวจแบบ SNP/Deletion จำนวน 94 ราย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 28 มกราคม -3 กุมภาพันธ์ 2566 พบสัดส่วนสายพันธุ์ BA.2.75 เป็นหลักในกลุ่มผู้ติดเชื้อ คิดเป็น 87.2% (จำนวน 82 ราย) และพบสายพันธุ์ BA.4/BA.5 คิดเป็น 8.5% (จำนวน 8 ราย)

โดยสัดส่วนสายพันธุ์ BA.2.75 85.1% พบในกลุ่มผู้ติดเชื้อในประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มสถานการณ์ระบาดในเดือนกันยายน 2565 และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศแทนที่สายพันธุ์ BA.5

สำหรับผลการถอดรหัสพันธุกรรมแบบทั้งตัว (Whole genome sequencing) ของตัวอย่างในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน พบสายพันธุ์ BA.2.75 และลูกหลานของ BA.2.75 (BA.2.75.) เช่น BA.2.75.2, BA.2.75.5, BA.2.75.5.1 (BN.1), BA.2.75.5.1.3 (BN.1.3), BA.2.75.3.4.1.1.1.1 (CH.1.1) จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มพบในประเทศไทยเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2565

BN.1
BN.1

สายพันธุ์ BN.1 ครองไทยแทน สายพันธุ์ BA.5.2

จากการวิเคราะห์ข้อมูลสายพันธุ์ที่เผยแพร่ในรอบ 4 เดือน (ตุลาคม 2565-มกราคม 2566) พบอุบัติการณ์สายพันธุ์ BA.2.75. 73.8% ซึ่งรวมถึง BN.1 59% และ CH.1.1 6.8%

โดยสายพันธุ์ที่พบมีสัดส่วนสูง ได้แก่ BN.1 ซึ่งมีสัดส่วนของสายพันธุ์ BN.1.3 สูงที่สุด คิดเป็น 82.4% ในขณะที่สายพันธุ์ BA.5.2 ซึ่งเดิมเคยเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศไทยมีสัดส่วนลดลง คิดเป็น 17.9% และในเดือนมกราคม 2566 ข้อมูลการกระจายสายพันธุ์หลักที่พบในประเทศไทย ยังคงเป็นสายพันธุ์ BN.1 74.5%

สำหรับสายพันธุ์ CH.1.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของ BA.2.75 (BA.2.75 + R346T, K444T, L452R, และ F486S) สามารถหลบภูมิคุ้มกันได้พอสมควร พบรายงานครั้งแรกในอินเดียเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 และแพร่กระจายไปทั่วโลกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565

ในเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา พบสายพันธุ์ CH.1.1 และสายพันธุ์ย่อย กว่า 6% ของข้อมูลจากทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มกราคม 2566) และพบมากที่สุดในสหราชอาณาจักร เดนมาร์ก และสิงคโปร์

โดยสายพันธุ์ CH.1.1 มีการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนามที่สำคัญ คือ K444T, L452R, N460K, และ F486V ซึ่งทำให้หลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีนได้ดี มีคุณสมบัติดื้อต่อแอนติบอดีสังเคราะห์ Evusheld และ Bebtelovimab

สำหรับประเทศไทย พบรายงานครั้งแรก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 สายพันธุ์ CH.1.1 และสายพันธุ์ย่อย คิดเป็นกว่า 7.3% ของข้อมูล sequence ที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่ระบาดในอเมริกา ยังไม่พบในประเทศไทย

BN.1
BN.1

ยังคงเฝ้าระวังและติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสอย่างต่อเนื่อง

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจว่ากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่าย ยังคงเฝ้าระวังติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อ SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่บนฐานข้อมูลสากล GISAID อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งมีการแชร์ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

ทั้งนี้ เพื่อติดตามผลกระทบจากสายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์น่ากังวล ความรุนแรงของโรค หรือคุณสมบัติของอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ของเชื้อไวรัส เป็นข้อมูลสนับสนุนการออกแบบการรักษา การให้ยาต้านไวรัส หรือแอนติบอดีสังเคราะห์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0