โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

นักลงทุนรายย่อยไม่เชื่อมั่นตลาดหุ้น FETCO ย้ำหุ้นไทยยังไม่เป็น Bear Market

Wealthy Thai

อัพเดต 11 ธ.ค. 2562 เวลา 07.49 น. • เผยแพร่ 11 ธ.ค. 2562 เวลา 07.49 น. • wealthythai
นักลงทุนรายย่อยไม่เชื่อมั่นตลาดหุ้น FETCO ย้ำหุ้นไทยยังไม่เป็น Bear Market

Hightlight

  • ดัชนีความเชื่อมั่มนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่  87.93 จุดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย
  • *นักลงทุนรายย่อยไม่เชื่อมั่นตลาดหุ้น มองเป็น Bearish  *
  • FETCO หวังภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีเป็นรูปธรรม

 

 

ความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยที่สำรวจโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ประจำเดือน ธันวาคม 2562 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แม้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่มีหลายส่วนที่น่าสนใจ โดยไพบูลย์  นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นพบว่า ดัชนีในภาพรวมดีเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อยมาอยู่ที่  87.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.72 % อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ นักลงทุนรายบุคคลกลับมีความเมื่อมั่นที่ลดลง โดยมีความเชื่อมมั่น 59.50 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 25.63 % อยู่ในโซน Bearish ครั้งแรกนับตั้งแต่ทำการสำรวจ

 

“สาเหตุที่ทำให้นักลงทุนรายบุคคลมองว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในโหมด Bearish  เพราะนักลงทุนรายบุคคลเป็นกลุ่มที่เน้นเทรดหุ้นในระยะสั้น ซึ่งภาพตลาดหุ้นระยะสั้นนั้นไม่ดีมากๆ ทำให้ความเชื่อมั่นในกลุ่มนี้หายไป แต่ในมุมมองของเรา มองว่าภาพตลาดหุ้นระยะสั้นแม้จะผันผวนสูง แต่ระยะยาวยังดีและไม่ใช่ Bearish”

ส่วนนักลงทุนในกลุ่มอื่น มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มบัญชีหลักทรัพย์อยู่ที่ 116.67 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 % สถาบันในประเทศ 117.65 จุด เพิ่มขึ้น 17.65% และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ 100.00 จุด เพิ่มขึ้น 25.00%  โดยกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดคือ กลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการ กลุ่มที่ไม่น่าสนใจลงทุนคือ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์  ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นมากที่สุดคือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และปัจจัยฉุดตลาดหุ้นมากที่สุดคือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 

 

หุ้นไทยยังไม่เป็น Bear Market

 

ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยยังไม่อยู่ในโหมดของ Bear Market เพราะในตามทฤษฏีการเข้าสู่ภาวะตลาดหุ้น Bearish ดัชนีตลาดหุ้นต้องลงจากจุดสูงสุดของรอบนั้นที่ 20% แต่ในขณะนี้นั้นยังไม่ถึงจุดดังกล่าว ซึ่งภาพของตลาดหุ้นไทยในปีที่ผ่านมายอมรับว่าสวนทางกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นกว่า 20% มีเพียงไทยที่ติดลบจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพการเมือง เศรษฐกิจชะลอตัว หรือปัจจัยอื่นๆ สิ่งที่เราจะคาดหวังได้คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจที่จริงจัง ไม่ใช่แค่เพียงการที่จะมีคำพูดออกมาจากภาครัฐให้ช่วยกันดูแลค่าเงิน แต่ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนของการต้องมีผลงานที่เป็นรูปธรรมออกมาแล้ว อย่างการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ก็น่าจะเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งภาพในระยะยวาวเรามองว่าเศรษฐกิจไทยและโลกยังไม่มีปัญหาอะไร ยังสามารถเช้าลงทุนได้ในระยะยาว ตลาดหุ้นไทยมีแต่เล่นสั้น 

 

 

อย่างไรก็ตามปัญหาในตลาดหุ้นไทยคือ มีกลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้นจำนวนมาก อย่างนักลงทุนรายบุคคลที่เน้นการลงทุนระยะสั้นอยู่แล้ว ส่วนนักลงทุนต่างชาติ ก็กลายเป็นกลุ่ม Passive Funds  ที่เน้นลงทุนตามดัชนีเป็นหลัก เป็นเงินร้อนที่เข้าเร็วออกเร็ว ดังนั้นสิ่งที่ตลาดหุ้นต้องมีคือเงินลงทุนระยะยาว ที่ขณะนี้มีเพียงนักลงทุนสถาบัน ซึ่งไม่เพียงพอ เราก็คาดหวังว่า น่าจะมีโครงการใหม่ๆเข้ามาช่วย เช่นการต่อ หรือ หามาตรการเข้ามาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุ น่าจะช่วยพยุงตลาดหุ้นได้

 

 

ทั้งนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกองทุนเพื่อการออมระยะยาวรูปแบบใหม่ (SSF) แทน LTF โดยกำหนดรูปแบบการลงทุน 10 ปี ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 2 แสนบาท นอกจากนี้ได้ปรับเกณฑ์ RMF ให้ลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 30% จากเดิม 15% แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0