ตามข่าว “ไวรัสโคโรน่า” อยู่ดี ๆ เทรนด์ #หลานของผม ก็ผุดขึ้นมาเป็นประเด็นในโลกออนไลน์
จุดเริ่มต้นคือแอคเคาท์ชื่อเดียวกับแฮชแท็ก #หลานของผม ที่คาดเดากันว่าเป็นน้าชาย กระทำการอุกอาจด้วยการเจาะกล่องทิชชูแล้วซ่อนกล้อง เพื่อแอบถ่ายหลานสาวในห้อง หลังจากพี่สาวให้หลานมาพักอยู่ด้วย
คลิปหลานสาวผู้โชคร้ายถูกเผยแพร่ในออนไลน์จำนวน 2 คลิป เป็นภาพเด็กผู้หญิงชุดม.ปลายในอิริยาบถต่าง ๆ ในสถานที่ที่ควรจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง น่าเศร้าที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนที่เธอควรจะไว้ใจที่สุดเลือกที่จะหักหลังเธอ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและนำคลิปส่วนตัวของเธอไปแชร์ในโซเชียลมีเดีย
ยิ่งชวนหดหู่เข้าไปอีกเมื่อแอคเคาท์ดังกล่าวที่เปิดมาได้เพียงไม่กี่วัน มีผู้ติดตามกว่า 20,000 คนในเวลาอันรวดเร็ว ความเห็นส่วนหนึ่งของผู้ติดตามก็เป็นไปในทางคล้อยตามและเห็นด้วย บางความเห็นถึงกับให้กำลังใจชื่นชม ทำให้เราตั้งคำถามว่า“ทำไมหัวข้อที่ควรถูกประณาม ถึงกลายเป็นเรื่องบันเทิงสำหรับคนบางกลุ่มไปเสียได้?”
โลกทวีตเตอร์ เผยแพร่ภาพผู้ใช้ทวีตเตอร์แอคเคาท์ @LovePhrik ทวีตเรื่องซ่อนกล้องในกล่องทิชชู เพื่อแอบถ่ายหลานสาววัยรุ่นของตัวเอง ขณะนี้มีผู้ใช้งานจำนวนมากส่งต่อเรื่องราวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว pic.twitter.com/00PEEIcazL
— JS100 (@js100radio) January 28, 2020
“ด้านมืด” พื้นที่เสรีของชาวเน็ต
คำกล่าวที่ว่า “อินเทอร์เน็ตเป็นดาบสองคม” ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงสักนิดเมื่อเราค้นพบ #หลานของผม เพราะเมื่อชำแหละดูเทรนด์ดังกล่าว เราจะพบทั้ง:
- 1. สายสัมพันธ์ผิดศีลธรรมของน้าชายกับหลานสาว ว่าด้วยการมีความรู้สึกทางเพศกับบุคคลซึ่งเป็นสายเลือดของตน
- 2. การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ในที่นี้กล่าวถึงการ “แอบถ่ายคลิป” โดยผู้เสียหายตกอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้สัมผัสต่อเนื้อตัวร่างกายของผู้เสียหายโดยตรง ก็มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารได้
- 3. มีการส่งคลิป อันเป็นการทำให้แพร่หลาย ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
หากมองข้ามอคติส่วนตัวไป ความผิด 3 ข้อดังกล่าวก็นับว่า “ผิดศีลธรรมและมีความผิดตามกฎหมาย” ประเทศไทยอยู่ดี ดังนั้นแล้ว “ด้านมืด” ที่ชาวเน็ตหลายคนให้เหตุผลว่าคือพื้นที่เสรีสำหรับคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ถือเป็นรสนิยมส่วนตัวอย่างที่เขาว่าจริง ๆ หรือแค่ข้ออ้างให้คนไม่น่าไว้ใจได้แฝงตัวรวมกลุ่มกันก่อปัญหาเท่านั้น?
“รสนิยม” หรือ “อาชญากรรม”
ด้านหนึ่งของอินเทอร์เน็ต เราเห็นผู้คนแชร์ข่าวสาร ภาพแมวน้อยน่ารัก หรือโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินสุดร้อนแรงให้กันและกัน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งที่มืดมนกว่า เราอาจขุดคุ้ยไปเจอภาพคดีฆ่าหั่นศพ หรือสื่อลามกอนาจารไร้การเซนเซอร์ แต่ไม่ว่าดินแดนอินเทอร์เน็ตจะป่าเถื่อนแค่ไหน ก็ยังถูกครอบด้วยขอบเขตศีลธรรมและข้อกฎหมายที่ชาวเน็ตทุกคนควรให้ความเคารพ
เรื่องของ “รสนิยม” หรือ “อาชญากรรม” เคยถูกถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนมาแล้วในกรณีของ “โรคใคร่เด็ก” หรือการรักเด็กจนเกินขอบเขต ว่าด้วยการเกิดอารมณ์ทางเพศกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุเฉลี่ย 13 ปีหรือต่ำกว่านั้น ที่กลุ่มคนหนึ่งบอกว่าเป็นเพียงรสนิยมส่วนตัวและไม่ควรมีใครถูกตัดสิน แต่ในทางการแพทย์ โรคใคร่เด็กนี้ ถือเป็นความผิดปกติของสมองอย่างหนึ่ง สามารถไปบำบัดได้ เพื่อยับยั้งการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งถือเป็นคดีความที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย
กรณี #หลานของผม ก็มีชาวเน็ตบางส่วนมองว่าเป็นเพียงรสนิยมในการ“ถ้ำมอง” เพื่อทำเรื่องส่วนตัวลับ ๆ เท่านั้น เว้นแต่ว่าการถ้ำมองโดยมีจุดหมายเพื่อเผยแพร่ภาพที่แอบถ่ายมาได้ มีความผิดทางอาญาอย่างที่เรากล่าวไปแล้ว ทั้งยังมีความผิดในข้อหา “ประทุษร้ายแก่จิตใจ” เนื่องจากเป็นการกระทำที่ทำให้เหยื่อต้องรู้สึกสะเทือนใจและอับอายอีกหนึ่งกระทง
สอนลูกของเรา ให้เคารพผู้อื่น
การละเมิดสิทธิเป็นการกระทำที่แสดงให้เห็นว่าผู้ละเมิดมี “อำนาจ” เหนือกว่าเหยื่อ โดยเฉพาะเมื่อผู้ละเมิดเป็นชาย เหตุผลคงต้องย้อนไปดูสิ่งที่หยั่งลึกฝังรากในค่านิยมของสังคมไทย ที่ว่าผู้ชายต้องเข้มแข็ง เป็นผู้นำ เป็นหัวหน้าครอบครัว ในขณะที่ผู้หญิง ถึงจะทำงานข้างนอกบ้านเก่งขนาดไหนก็ยังคงต้องเป็นช้างเท้าหลังเสมอ หรือแม้แต่ละครโทรทัศน์ที่เราเสพ อย่างซีรีส์แนวตบจูบ พล็อตเรื่องที่พระเอกกักขังหน่วงเหนี่ยวนางเอกแต่สุดท้ายเธอกลับตกหลุมรักเขาอย่างหมดใจเหล่านี้ ก็ตอกย้ำแนวคิด “ชายเป็นใหญ่” ที่ยังคงวนเวียนและฝังอยู่ในรากลึกของค่านิยมไทย
ผลลัพธ์ของสมการที่ไม่เคยเท่ากันระหว่างเพศชายและเพศหญิงนี้นำมาสู่การใช้อำนาจในทางที่ผิด โดยสถิติของ UN Women ปี 2018 เผยว่าผู้หญิง 1 ใน 3 คนเคยตกอยู่ในสถานการณ์ความรุนแรง และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ 83% ของผู้กระทำคือบุคคลใกล้ตัว เช่น คนในครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก
#หลานของผม ผมต้องได้รับโทษ
ด้านความคืบหน้าของคดี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) หรือ TICAC เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลเบาะแสเกี่ยว #หลานของผม แล้ว เบื้องต้นยืนยันว่าหลักฐานในคลิป เข้าข่ายความผิดฐานผลิตและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ทันทีโดยที่ผู้เสียหายไม่ต้องเข้าแจ้งความ พร้อมยืนยันอีกครั้งว่าตำรวจรู้พิกัดคุณน้าแล้ว และจะมีเบาะแสเพิ่มเติมอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า
โทษทางกฎหมายก็มี ผลกระทบต่อจิตใจคนตกเป็นเหยื่อก็ชัด หากจะอ้างว่าเป็นเรื่องของ “รสนิยม” อีก ก็เจอกันในศาลแล้วกัน
--
อ้างอิง