จากกรณี เด็กสาววัย 15 ปี พร้อมผู้ปกครอง เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์การ์ตูนดัง ฐานความผิดกรรโชกทรัพย์ ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จและกักขังหน่วงเหนี่ยว หลังมีพฤติกรรมล่อซื้อจับกุมกระทงลายการ์ตูนแมวการ์ฟิลด์-ลีรัคคุมะ ถูกเรียกค่าเสียหาย โดยขณะเดียวกันยังพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 50 คน ถูกกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นตัวแทนบริษัทลิขสิทธิ์กลุ่มเดียวกันล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หลากหลายประเภท ถูกเรียกเงินค่าเสียหายตั้งแต่ 20,000-50,000 บาท บางรายสูงสุด 100,000 บาท มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท พากันเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับชุดพนักงานสอบสวนที่ตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา ซึ่งมีการแต่งตั้งชุดพนักงานสอบสวนและสืบสวนขึ้นมาเฉพาะกิจดูแลคดีนี้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยภายหลังศาลได้ยกคำร้องในการขออนุมัติหมายจับ เนื่องจากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้แสดงความเห็นว่า จากคดีจับลิขสิทธิ์กระทงที่ จ.นครราชสีมา ดูข่าวแล้วน่าเชื่อว่ามีการตบทรัพย์จริง มีกรรโชก การแจ้งความเท็จ มีเจ้าหน้าที่มาเกี่ยวข้อง ปรากฎว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควรคดีกลับไม่มีความคืบหน้า ล่าสุดรายงานข่าวจากท่านผู้กำกับบอกว่าศาลไม่อนุมัติหมายจับผู้ที่กระทำความผิดในคดีนี้ เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
สังคมต่างสงสัยและฝากถามมาว่า ว่าบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร หากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการตบทรัพย์ ลิขสิทธิ์ แต่ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขาดพยานหลักฐานอะไรบ้างที่จะทำให้คดีสมบูรณ์ และศาลจะออกหมายจับได้ ทางผู้เสียหาย ประชาชนรวมไปถึงสื่อมวลชนจะได้ช่วยกันตามหา นอกจากนี้ประชาชนยังสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปร่วมในการตบทรัพย์ในการจับลิขสิทธิ์นี้ด้วยหรือไม่ ถ้ามีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยนั้น เป็นไปได้ไหมที่จะทำให้ตำรวจไม่กล้าดำเนินคดี
ประการสุดท้ายมีคนถามมาว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ตัวแทนลิขสิทธิ์เหล่านี้ อาจจะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด และอาจจะเปิดข้อมูลของบ่อนการพนัน เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่ ซึ่งเมื่อมีการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญาและยังเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งสังคมไทยขนาดนี้ ตำรวจต้องดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำความผิดให้ได้ มิเช่นนั้นสังคมคงอยู่ยาก…
*ข่าวที่เกี่ยวข้อง.. *