มอเตอร์สปอร์ต หรือกีฬาท้าความเร็ว อยู่ใน DNA ของ MINI มาโดยตลอด แต่เรื่องราวของแบรนด์ John Cooper Works ต้องย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นในปี 1946 เมื่อ John Cooper เปิดบริษัท Cooper Car Company และสร้างรถแข่งคันแรกของตัวเอง ในโรงรถเล็กๆ ที่เมือง Surbiton ทางตะวันตกเฉียงใต้ของลอนดอน ในห้วงเวลาดังกล่าว การแข่งขันรถยนต์รายการใหญ่ระดับโลกอย่าง Formula 1 ในยุค 1950 เริ่มถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมหาศาลเข้ามาครอบครอง เพื่อโปรโมตสินค้าของตนเอง เงินจำนวนมากถูกทุ่มไปกับการพัฒนาตัวรถและเครื่องยนต์ จนทำให้ John Cooper หนึ่งในวิศวกรผู้ออกแบบและสร้างรถแข่ง ไม่สามารถที่จะต่อกรกับบริษัทเหล่านี้ได้ Cooper จึงเบนเข็มทิศ รวมถึงเปลี่ยนธุรกิจการแข่งขันรถยนต์ที่ตัวเองหลงใหลมาทั้งชีวิต โดยหันหลังให้กับวงการ Formula 1 แล้วเปลี่ยนไปเป็นการพัฒนาและสร้างรถยนต์แข่งขันในแบบ Road Car แทน จุดนั้นเองที่ทำให้จิตวิญญาณของรถ Mini John Cooper Works ถือกำเนิดขึ้นในโลกแห่งยนตรกรรม…
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อู่ Cooper Car ที่ดำเนินธุรกิจการซ่อมรถยนต์และประกอบเครื่องยนต์ของรถแข่งพร้อมกับเฟรมตัวถัง โดย Charles Cooper ผู้พ่อ และ John Cooper บุตรชาย อู่ Cooper นี้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถแข่ง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนั้นสองพ่อลูกตระกูล Cooper ได้ร่วมอยู่ในกองทัพอังกฤษในฐานะช่างซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ของกองทัพ เมื่อสงครามสงบพวกเขาก็เลยมีอะไหล่ของเครื่องยนต์จำนวนมากที่กองทัพต้องโละทิ้งเนื่องจากหมดความจำเป็นในการใช้งาน
หลังจากนั้นไม่นานนัก รถแข่งแบบที่นั่งเดี่ยวคันแรกก็ถือกำเนิดขึ้นในอู่ Cooper โดยเริ่มจากเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์ ส่งผ่านกำลังด้วยโซ่ไปที่ล้อ รถยนต์ของพวกเขาสร้างขึ้นเพื่อการแข่งเท่านั้นธุรกิจของพวกเขาก็คือ เอารถออกไปแข่งวันอาทิตย์ เมื่อแข่งชนะแล้วก็ขายรถที่ชนะการแข่งออกไปได้ในวันจันทร์ เสร็จแล้วก็กลับมาสร้างรถคันใหม่ต่อไปทีละคันเพื่อความอยู่รอด และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก หลังจากคว้าชัยชนะได้บ่อยครั้งในสนามแข่งรถ Cooper จึงนำเครื่องยนต์ของรถแข่งที่ในสมัยนั้นจะวางอยู่ด้านหน้าของคนขับ ด้วยแนวคิดที่แปลกแยก Cooper เอาเครื่องยนต์ตัวเดียวกันนี้ไปวางทางด้านหลัง และทำการสร้างเฟรมรถแข่งที่มีแท่นเครื่องอยู่ด้านหลังเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมให้ดียิ่งขึ้นเมื่อขับเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็วสูง
การวางเครื่องยนต์เอาไว้ด้านหลังแบบ Real Engine ของสองพ่อลูก Cooper กลับกลายเป็นความนิยมขึ้นมาอย่างทันที เช่นเดียวกับเฟรมตัวถังรถแข่งของพวก Cooper ที่ทำผลงานอย่างดีเยี่ยมในการแข่งขัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รถ Cooper 500 ก็เริ่มได้รับความสนใจจากนักแข่งคนอื่น Bernie Ecclestone เจ้าของกิจการผู้จัดแข่งฟอร์มูลาวันคนปัจจุบัน ตอนนั้นยังเป็นนักแข่งอายุน้อยคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าของ Cooper ด้วย จากนั้นการวางเครื่องหลังคนขับกลายเป็นการปฏิวัติวงการรถแข่งครั้งยิ่งใหญ่ และยังคงถูกนำมาใช้กันจนถึงทุกวันนี้ในรถแข่ง Formula 1 เมื่อประสบความสำเร็จในระดับ Formula 3 แล้ว ทีม Cooper ก็ขึ้นสู่การแข่งขัน Formula 1 เทคโนโลยีรถแข่งที่นั่งเดี่ยว Single-Seaters ของพวกเขาได้รับความเชื่อถือในประสิทธิภาพ และถูกนำไปใช้โดยทีมแข่งรถระดับโลก เช่น Lotus, BRM รวมถึงทีมแข่งยักษ์ใหญ่ของโลกแห่งความเร็วอย่างทีม Ferrari อีกด้วย
สมัยก่อน ..มือจูนเครื่องดีๆ ก็มักจะประสบอุบัติเหตุจากการทดสอบรถที่ตัวเองลงมือปรับแต่งด้วยตัวเองอยู่เสมอ ทีม Cooper พบกับปัญหาใหญ่ เมื่อรถแข่งที่ขับโดย John Cooper ผู้ลูก เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงบนถนนในปี 1963 จนตัวของ John ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็รอดมาได้ ต่อมาในปี 1964 Charles Cooper ผู้พ่อได้สิ้นชีวิตลง ทำให้ John Cooper ต้องเผชิญกับปัญหานานัปการ โดยไม่มีพ่อมาคอยช่วยเหลืออีกแล้ว ประกอบกับสถานการณ์ของการแข่งขันรถยนต์รายการระดับโลกอย่าง Formula 1 ในปลายยุค 1950 เริ่มถูกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมหาศาลเข้ามาครอบครองเพื่อโปรโมตสินค้าของตนเอง เงินจำนวนมากถูกทุ่มไปกับการพัฒนาตัวรถและเครื่องยนต์จนทำให้ John Cooper หนึ่งในวิศวกรผู้ออกแบบและสร้างรถแข่ง รวมถึงลงทำการแข่งด้วยตนเองไม่สามารถที่จะต่อกรกับบริษัทเหล่านี้ได้ Cooper หันหลังให้กับวงการ Formula 1 ด้วยการขายทีมแข่ง Cooper Formula 1 team ออกไป แล้วเปลี่ยนมาเป็นการพัฒนาและสร้างรถยนต์แข่งขันในแบบ Road Car แทน ณ จุดนั้นเองที่ทำให้จิตวิญญาณของรถ Mini John Cooper Works ถือกำเนิดขึ้น ทุกอย่างการแข่งรถ F1 จึงจบลงด้วยสถิติการแข่ง 9 ปี 129 เรซ, ครองตำแหน่งชนะเลิศมากถึง 16 ครั้ง
เมื่อ John Cooper ก้าวเท้าเข้าสู่วงการ Road Car เขาใด้พยายามชักจูงให้ผู้คิดค้นรถยนต์ Mini ชื่อ Sir Alec Issigonis ทำการสร้างรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงเพื่อส่งลงแข่ง แม้แต่ตัวของ Sir Alec เองก็ยังไม่เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาได้ John Cooper ชอบรถเล็กที่ใช้งานได้จริงอย่าง MINI และเล็งเห็นว่า ถ้านำมาปรับแต่งก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรถได้อีกมาก หลังจากช่วยกันสร้างรถ Mini ในปริมาตรความจุของเครื่องยนต์ต่างกันเพื่อทดสอบ ช่วงเวลาแห่งความพยายามก็ตามมาด้วยความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการทำรถ Mini Cooper Works เครื่องยนต์ 91 แรงม้า และส่งลงทำการแข่งขันในรายการ Rally Monte Carlo โดยสามารถคว้าชัยชนะเหนือรถแข่งของคู่ต่อสู้ ทั้งจากเยอรมนีและอิตาลีได้อย่างราบคาบ รถ Mini Cooper ขึ้นสู่แท่นสูงสุดของโพเดียมในรายการ Monte Carlo ถึงสี่ครั้ง จากปี 1964 ถึงปี 1967 ถึงแม้ว่าในปี 1966 Mini Cooper จะถูกตัดสิทธิ์การลงทำการแข่งขันโดย F.I.A หรือสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติเนื่องจากมันใช้ไฟหน้าที่ผิดกติกา แต่หลายๆ คนในวงการแข่งรถของยุคนั้นก็รู้ดีว่ามันเป็นข้อกล่าวหาที่ตลกสิ้นดี หรืออาจมีทีมแข่งดังของยุโรปนำเรื่องนี้ไปร้องเรียนกับคณะกรรมการเพื่อประโยชน์ในการแข่งขันของรถแข่งในทีมแข่งของตน ที่กลัวว่าจะเสียหน้า ถ้าหากแพ้รถยนต์คันเล็กจิ๋วจากอังกฤษ
ก่อนที่รถ Mini Cooper Works Monte Carlo Rally 1964 จะลงไปวาดลวดลายในสนามแข่งระยะไกล และได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ช่วงเวลาในอดีตกับความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง Sir Alec Lssigonis และ John Cooper เป็นไปด้วยดี เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็ชอบเครื่องยนต์กลไก การออกแบบและสร้างรถยนต์ รวมถึงการแข่งขันที่มีถ้วยรางวัลและชื่อเสียงเป็นผลพลอยได้ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ John Cooper มีส่วนร่วมสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนารถ Mini ตั้งแต่เริ่มแรก รถเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นในปี 1961 จนถึงปี 1971 ผู้บริหารของบริษัทออสติน จึงตัดสินใจยุติสายการผลิตลง แต่เนื่องจากจำนวนของรถ Mini Cooper ที่มีอยู่อย่างมากมายทั่วโลก ความต้องการอะไหล่และอุปรณ์ตกแต่งยังคงมีอยู่ ทำให้ John Cooper คิดผลิตอุปกรณ์เพิ่มกำลังของเครื่องยนต์เพื่อออกจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่มีความนิยมในตัวรถ Mini สูงมากที่สุดในเอเชีย
หลังจากบริษัท Rover เข้าควบรวมกิจการของ Austin ค่ายรถ Rover Group ได้ติดต่อไปยังอู่ Cooper เพื่อให้ออกแบบและนำอุปกรณ์ชุดปรับแต่งเครื่องยนต์และช่วงล่างเข้ามาขายในอังกฤษ เพื่อนำมันหวนกลับคืนสู่ถิ่นกำเนิด และเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่รถยนต์เล็กๆ รุ่นนี้เคยสร้างไว้ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบของทวีปยุโรป จากการมองเห็นช่องทางในการทำตลาดกับรถยนต์ขนาดจิ๋ว Rover Group จึงนำเอาโครงการรถ Mini ออกมาปัดฝุ่น และผลิตออกจำหน่ายอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ.1990
ช่วงเวลาถัดจากนั้นในปี ค.ศ.1999 เมื่อค่ายรถหรูจากเยอรมนี BMW ซื้อกิจการและแบรนด์ MINI ต่อจาก Rover Group สำนักแต่งรถของ John Cooper จึงได้รับมอบงานให้ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจทั้งหมดของวิศวกรรมโครงสร้างในตัวรถ Mini อย่างละเอียดให้กับช่างและวิศวกรของ BMW เพื่อเริ่มต้นโครงการรถ New Mini ทีมช่างและวิศวกรของค่ายใบพัดสีฟ้าจากเยอรมนีที่เข้ามาดูแลโครงการใหม่นี้เต็มไปด้วยนักออกแบบหัวก้าวหน้า และวิศวกรจักรกลชั้นเยี่ยมของ BMW แทบทั้งสิ้น ทั้งหมดถูกส่งเข้ามาเพื่อดูแลในเรื่องของช่วงล่างแบบใหม่ และการผลิตอุปกรณ์เสริมแชสซีส์ก็เป็นหน้าที่ของสำนักแต่ง John Cooper รวมไปถึง Michael Cooper บุตรชายของ John Cooper ก็ถูกของร้องให้เข้าไปร่วมงานในการสร้างรถ New Mini
วันที่ 24 ต.ค. ปี ค.ศ.2000 John Cooper ในวัย 77 ปี เสียชีวิตลงเนื่องจากโรคประจำตัว ทิ้งผลงานการออกแบบและสร้างรถยนต์ชั้นเยี่ยมให้กับ Michael Cooper รับหน้าที่สานต่อเจตนารมณ์ของบริษัท John Cooper Works ต่อไป ความยิ่งใหญ่ในวงการรถยนต์ของอังกฤษที่ John Cooper ได้ทำไว้ทั้งหมด ทำให้เขายังคงมีอำนาจในการถือครองบริษัทถึงแม้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ต่อมาในปี 2003 BMW Mini เซ็นสัญญาร่วมกับบริษัท Cooper Works เพื่อผลิตอุปกรณ์ตกแต่งตัวถังและเครื่องยนต์สำหรับรถ Mini Cooper และ Cooper S ซึ่งลูกค้าที่ซื้อรถ Mini จากบริษัท BMW สามารถเลือกซื้อชุดแต่งได้จากสำนักงานของ Cooper Works ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก หลังจากนั้นบริษัท John Cooper Works ได้ส่งรถยนต์ Mini Cooper Racing เข้าร่วมในการแข่งขัน Nurburgring 24 Hour Race รถ Mini Cooper Racing ที่ลงทำการแข่งขันในครั้งนี้เป็นรถแข่งจากสำนัก Cooper Works หลังจากที่มันห่างหายไปจากสนามแข่งนานกว่า 40 ปี
MINI รุ่นพิเศษ John Cooper Works Countryman All4 โมเดล 2024 มาพร้อมกับเรือนร่างที่ใหญ่กว่าเดิม เครื่องยนต์ปรับแต่งใหม่ MINI TwinPower Turbo B48 เป็นความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาสานต่อความสำเร็จของ MINI John Cooper Works ในอดีตที่เคยสร้างชื่อเสียงด้านการควบคุมและความสามารถในการวิ่ง JCW ทรงครอสโอเวอร์คันล่าสุดจาก MINI ภายใต้ร่มเงาของ BMW Group มีความเปลี่ยนแปลงพอสมควรเมื่อเปรียบเทียบกับ Countryman JCW รุ่นที่ผ่านมา มันคือ John Cooper Works ในรูปแบบรถยนต์อเนกประสงค์ 5 ประตู พร้อมรหัสตัวถังใหม่ U25 ซึ่งถือเป็น Countryman JCW ที่แรงสุดกู่ตั้งแต่คลอดออกมาจากโรงงาน
John Cooper Works Countryman All4 โมเดล 2024 ราคา 3,999,000 บาท ยาวกว่ารถรุ่นที่แล้ว 130 มิลลิเมตร และสูงขึ้น 60 มิลลิเมตร การเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ MINI New Countryman JCW หลุดจากขอบเขตครอสโอเวอร์ และเข้าใกล้รถ SUV มากขึ้น ด้วยความยาวมากถึง 4.43 เมตร ใกล้เคียงกับความยาวของ Range Rover บางรุ่นจนแทบจะไม่สามารถเรียกมันว่ารถ MINI ได้อีกต่อไป! MINI Countryman John Cooper Works 2024 สร้างขึ้นท่ามกลางกระแสความนิยมรถยนต์อเนกประสงค์เอสยูวีคันโต ซึ่งมีคนนิยมซื้อไปใช้มากกว่ารถคันเล็กที่ดูเหมือนจะสร้างความอึดอัดมากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Countryman John Cooper Works ใหม่ มีขนาดที่อวบอ้วนขึ้นในทุกมิติ คู่แข่ง ได้แก่ Audi SQ3, Lexus NX450h+, Mercedes-AMG GLA35 ในแง่ของความเป็นรถแห่งยุคดิจิทัล การเชื่อมต่อแบบใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือบุคลิกภาพ นี่คือ MINI ยุคใหม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการขับใช้งานอย่างแท้จริง!
Mini Countryman ปี 2024 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มใหม่ FAAR-WE พัฒนาโดย BMW เหมือนกับ BMW X2 เจเนอเรชั่นที่สอง แพลตฟอร์มใหม่นี้ ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบส่งกำลังขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมเครื่องยนต์สันดาปภายในวางตามขวางที่ด้านหน้า (มีทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Countryman 2024 ผลิตในประเทศเยอรมนี ที่โรงงานของ BMW ในเมืองไลพ์ซิก นับเป็น MINI รุ่นแรกที่นำเสนอเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ระดับ 2 พร้อมหน้าจอ OLED สั่งงานด้วยเสียงหรือระบบสัมผัส เป็นจอภาพมอนิเตอร์กลางทรงกลมแบบใหม่ เทคโนโลยี OLED เปิดตัวเป็นครั้งแรกในกลุ่มรถยนต์ของ BMW Group สำหรับ Countryman John Cooper Works SUV ขนาดกะทัดรัด ขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 5.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเดินทางไปทดสอบ New MINI Countryman ที่ประเทศโปรโตุเกส แม่งานอย่าง Oliver Heilmer หัวหน้าทีมดีไซน์เนอร์ของ MINI ใช้เวลาอธิบายการออกแบบที่แทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ Countryman รุ่นที่แล้ว รวมถึงเทคโนโลยีใหม่กับหน้าจอ OLED ที่สวยงามและใช้งานได้จริง Heilmer ยังพูดคุยกับสื่อมวลชนที่ร่วมงานเกี่ยวกับซาว์ดแทรคที่สร้างขึ้นสำหรับ "โหมดเปิดประสบการณ์ใหม่" ทั้งแปดโหมด เสียงการขับขี่สี่แบบ และสัญญาณเสียงตอบรับ 30 แบบ ที่ใช้เพื่อระบุการโต้ตอบที่ระหว่างคนขับกับฟังก์ชันต่างๆ ของรถ รูปลักษณ์ภายนอกที่ใหญ่โตกว่ารุ่นใดๆ ในประวัติศาสตร์ของ MINI ทำให้ MINI John Cooper Works Countryman 2024 มีความอเนกประสงค์มากกว่าเดิม นั่นอาจเป็นเพราะทุกวันนี้ ไม่มีประเพณีที่ชัดเจนของ MINI ในการกำหนดรูปแบบหรือสัดส่วนของรถให้เล็กลงหรือใหญ่ขึ้น รูปทรงของรถและโมเดลต่างๆของ MINI ครอบคลุมไลฟสไตล์และการใช้งานเป็นหลัก MINI มีทั้งรถขับเล่นและรถที่สามารถใช้งานจริงจังได้ดี Countryman เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำตลาดในฐานะครอสโอเวอร์ขายดีด้วยความที่เป็น MINI ในสายเลือด
MINI John Cooper Works Countryman 2024 สามารถระบุตัวตนได้ง่ายจากรูปแบบงานตกแต่งภายนอกที่แสดงออกถึงความเป็นเอกเทศของ JCW หลังคาและฝาครอบกระจกมองข้างสีแดง Chili Red (มีสีตัวถังให้เลือก 5 สีตัดกัน) คาลิปเปอร์เบรกสีแดงที่ซ่อนอยู่ด้านหลังล้ออะลูมิเนียมขนาด 20 นิ้ว ความแตกต่างด้านรูปลักษณ์อื่นๆ ระหว่าง New Countryman SE ALL4 รุ่นปกติ ได้แก่ ท่อไอเสีย 4 ท่อและแผงหน้าปัดด้านหน้าที่แตกต่างกัน กระจังหน้าดูดุดันขึ้น มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่พร้อมไฮไลต์สีแดงในแนวตั้ง ช่องดักอากาศที่ไม่ได้ใช้งานบนพื้นผิวด้านหน้าฝากระโปรง ส่วนหน้าของรถเป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างลงตัวในการแปลงโฉมภายนอกของ MINI John Cooper Works Countryman กระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้น รูปแบบงานตกแต่งในแนวตั้งบนกันชนหลังทำให้ส่วนยื่นออกมาเกินจริงจากมุมมองด้านหน้าสามในสี่
MINI JCW Countryman ALL4 3,999,000 บาท
MSI Standard รับประกันตัวรถ 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
ของเล่นคนรวยคันใหม่ มาพร้อมกับชุดแต่งแอร์โรพาร์ทจาก JCW และขุมกำลัง 2.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดี ด้วยมุมมองภายนอกที่มีความแตกต่าง ไล่เรียงจากไฟหน้า LED ใหม่ พร้อมระบบไฟอัตโนมัติ Adaptive LED สปอยเลอร์หน้า John Cooper Works แก้มข้างแปะตราสัญลักษณ์ John Cooper Works แบบใหม่ ล้ออัลลอยด์ลา John Cooper Works 20 นิ้ว ใส่ยางซิ่งแก้มเตี้ย Michelin e-Primacy ไซส์ 245/40R20 คาร์ลิปเปอร์เบรกแบบ 4 พอตขนาดบิ๊กบึ้มที่ล้อหน้าพ่นสีแดง หลังคาแบบพาโนรามิกซันรูฟสองชิ้นที่คลุมเต็มผืนหลังคาด้วยกระจกกรอบกระจกมองข้าง-หลังคา และวิงหลังดักอากาศสีแดง บ่งบอกถึงความเป็น MINI ที่ไม่ธรรมดา สีตัวถังเบอร์พิเศษ Rebel Green เป็นสีเขียวขี้ม้าคล้ายกับสีเขียว British Racing Green สีคลาสสิกยอดนิยมสำหรับนักเลง MINI ตัวจริง ฝากระโปรงหน้าคาดด้วยสติกเกอร์สีดำตัดเส้นสีแดง ไฟท้าย LED แบบใหม่สไตล์ธงอังกฤษ กันชนหลัง John Cooper Works ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อย ท่อระบายท้ายแบบลูกซองแฝด มิติตัวถัง ยาว 4,433 มิลลิเมตร กว้าง 1,843 มิลลิเมตร สูง 1,656 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,692 มิลลิเมตร
ภายในของ John Cooper Works Countryman ตกแต่งด้วยสีดำพร้อมแถบสีแดง ซึ่งก็คาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ภายในของ Countryman ใหม่นี้มีการใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลถักแบบ 2 มิติที่ประตูและแผงหน้าปัด ซึ่งช่วยให้สามารถทอสีต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นลวดลายเฉพาะได้ หนึ่งในตัวเลือกภายในของ Countryman S ALL4 ก็มีลวดลายที่ไล่เฉดสีจากสีน้ำเงินปิโตรเลียมเป็นสีแทนบนแผงประตูแบบทออย่างสวยงาม ส่วนลวดลายสีแดงบนแผงหน้าปัดของ John Cooper Works ก็สะดุดตาไม่แพ้กัน
พวงมาลัยสปอร์ตแบบสองก้านหุ้มหนังแท้เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง ก้านวงด้านล่างหายไปแล้วแทนที่ด้วยงานผ้าใบถักทอที่แปลกตา ก้านวงประทับตรา John Cooper Works พร้อมสวิตช์สั่งงานระบบโทรศัพท์บลูทูธ สวิตช์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และปุ่มควบคุมเครื่องเสียง แป้น Paddle Shift พร้อมสัญลักษณ์ +/- ขนาดกะทัดรัดติดตั้งที่ด้านหลังอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจาะในการใช้นิ้วกดเพื่อเปลี่ยนอัตราทด ขนาดที่พอดิบพอดีของวงพวงมาลัยพร้อมร่องกริ้บที่บริเวณนิ้วออกแบบมาเพื่อความกระชับรัดกุมทำให้ยึดจับได้อย่างมั่นคง
ห้องโดยสารออกแบบให้มีพื้นที่ความกว้างที่เพิ่มขึ้น มอบความสบายสำหรับผู้โดยสารและคนขับ ส่วนเบาะหลัง เหมาะกับเด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ท่ีมีรูปร่างเล็ก แต่ไม่เหมาะกับการนำตัวคนสูงโย่งหรือตัวใหญ่เป็นหมีแพนด้าลงไปนั่ง ที่นั่งด้านหน้าปรับไฟฟ้า ตำแหน่งการปรับทำออกมาได้ครอบคลุมทุกสรีระของผู้ขับ แม้จะมีการเพิ่มพื้นที่เบาะโดยสารด้านหลังมากกว่าเดิม ภายในที่ถูกขยับขยาย สร้างความรู้สึกโปร่งโล่งให้ผู้โดยสารตอนหน้า มากกว่าจะนั่งสบายในเบาะหลัง พื้นที่ช่วงไหล่และพื้นที่วางขาที่เพิ่มมากขึ้น เบาะหลังออกแบบให้พับแยกได้แบบ 60:40 สำหรับช่องเก็บสัมภาระที่กระโปรงหลังเพิ่มความจุมากขึ้น เพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการบรรทุกสัมภาระ โดยรวมแล้ว บรรยากาศภายในห้องโดยสารถือว่าหรูหราสุดในรถ MINI รุ่นใหม่ ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับมอเตอร์สปอร์ต ได้รับการเสริมด้วยพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ขนาดที่ใหญ่ขึ้นของ Countryman ใหม่ทำให้คนขับและผู้โดยสารด้านหน้ามีพื้นที่วางไหล่เพิ่มขึ้น 1.2 นิ้ว พื้นที่วางไหล่ของเบาะหลังเพิ่มขึ้น 1 นิ้ว และเบาะหลังสามารถเลื่อนไปข้างหน้าและข้างหลังได้ 5.1 นิ้วเพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาหรือความจุสัมภาระ
หน้าจอ OLED เป็นแผ่นดิสก์ขนาด 9.4 นิ้วที่แวววาวซึ่งติดตั้งไว้ตรงกลางแผงหน้าปัด ซึ่งเป็นการนำมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ของรถ Mini รุ่นดั้งเดิมมาปรับโฉมใหม่ในศตวรรษที่ 21 โดดเด่นสะดุดตาลอยอยู่กึ่งกลางแดชบอร์ดในห้องโดยสาร ข้อมูลสำคัญของรถแสดงอยู่ที่ด้านบนของหน้าจออย่างโดดเด่น พื้นที่ตรงกลางใช้สำหรับแสดงระบบนำทาง เทคโนโลยีเสมือนจริงเสริมช่วยระบุเส้นทางที่ถูกต้อง หรือปัดดูเมนูและแอปต่างๆ รองรับโดยระบบปฏิบัติการ Mini OS9 พัฒนาโดย BMW ขึ้นอยู่กับโหมดประสบการณ์ทั้ง 8 โหมดที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย การแตะที่หน้าจอแสดงความเร็วแบบดิจิทัลจะตั้งค่าหน้าจอให้เป็นมาตรวัดความเร็วขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบด้วยมาตรวัดขนาดเล็ก
จุดที่ Countryman John Cooper Works รุ่นใหม่ยึดหลักความเป็นผู้นำ ด้วยการเข้าใจถึงความซับซ้อนของระบบเชื่อมต่อยุคใหม่ และการแปลงเป็นดิจิทัลที่ใช้งานง่ายด้วยกราฟิกที่น่ารักเต็มไปด้วยสีสัน การตอบสนองของจอภาพด้วยระบบสัมผัสนั้นเร็วกว่า ทีมออกแบบของ MINI ทำจอภาพ OLED และระบบปฏิบัติการ OS9 ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ Countryman ฉลาดหลักแหลม มีจินตนาการ และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ทุกฟังก์ชันใช้งานง่าย ซึ่งกลายเป็นการก้าวกระโดดทางระบบดิจิทัลไปโดยปริยาย จุดโฟกัสอยู่ที่จอแสดงผล OLED มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 240 มม. และอัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติมากมายจนยากที่จะลองเล่นจนครบทั้งหมดทุกฟังก์ชัน "Core" คือการตั้งค่าโหมดการขับขี่เริ่มต้นของ Mini Countryman ปี 2024 การเลื่อนสวิตช์ลงจะเริ่มต้นการตั้งค่าคันเร่งและการเปลี่ยนเกียร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การเลื่อนสวิตช์ขึ้นจะเปิดใช้งานโหมด "Go Kart" ปรับปรุงการตอบสนองของคันเร่งและเกียร์ให้เร็วขึ้น เปิดให้เสียงท่อดังขึ้น เมื่อยกคันเร่งจะมีเสียง ปุปุ ที่เร้าใจมาก MINI ไม่ได้เพิ่มความแข็งของโช้คอัพ แต่เพิ่มเสียงแตกแปลปลอมและเสียงป๊อปๆ ปุปุ จากท่อไอเสีย โหมด 'Experience' แบบเริ่มต้น หรือปกติเรียกว่า 'Core' โดยมีโหมดอื่นๆ เช่น Go Kart, Green, Vivid, Timeless, Personal, Balance และ Trail ขึ้นอยู่กับคนขับว่าจะขับรถสไตล์ไหนก็มีให้เลือกอย่างครอบคลุม การสลับไปมาระหว่างโหมด 'Experience' Go Kart และ Timeless ทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนโหมด 'Experience' จะมีแอนิเมชั่นและเสียงที่เกี่ยวข้องเล่นขึ้นมา ซึ่งถือว่าเจ๋งมากในตอนแรก แต่หลังจากนั้นสักพักก็เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะเพลงที่เล่นอยู่จะขาดหายไปชั่วขณะในขณะที่แอนนิเมชันและซาว์ดของการเข้าสู่โหมดโผล่ออกมาเตือน ผมปิดเสียงเปลี่ยนโหมด 'Experience' ซึ่งช่วยแก้ปัญหาจุกจิกกวนใจ อินเทอร์เฟซ Mini Operating System 9 ใหม่ที่ใช้ใน iphone 14 นั้นใช้งานง่ายและไม่ยุ่งยากในการนำทาง โดยมีการทำงานเหมือนกับระบบปฏิบัติการ BMW 9 ใน BMW X1 และ X2 ใหม่
หน้าจอสัมผัสอาจเกิดความล่าช้าได้ แต่โดยหลักแล้วจะเกิดขึ้นเมื่อสลับไปมา ระหว่างแอปและเมนูอย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ในแอปใดแอปหนึ่ง เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ระบบจะทำงานได้ราบรื่นขึ้นมาก รูปแบบ สัญลักษณ์ และแอนิเมชั่นของระบบอินโฟเทนเมนต์จำนวนมากจะเน้นไปที่รูปแบบทรงกลมแนวน่ารัก Apple CarPlay และ Android Auto ด้วย iPhone 14 Pro ที่เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ผมใช้งานตลอดระยะเวลาทดสอบนาน 7 วันแบบไม่มีปัญหา MINI รุ่นนี้ ยังมีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายที่วางไว้อย่างสะดวกที่ด้านหน้าคอนโซลกลาง ซึ่งชาร์จโทรศัพท์ขได้จริง และแท่นชาร์จก็ไม่เลื่อนไปมาบนทางโค้งที่คดเคี้ยวของถนนในอุทยานเขาใหญ่ ใน Countryman JCW ที่ทดสอบ แผงหน้าปัดแบบผ้าเป็นสีดำพร้อมองค์ประกอบไฮไลต์แนวตั้งสี Chili Red จริงๆ แล้ว Countryman มีงานตกแต่งที่ใช้ดีไซน์ในแนวตั้งอยู่เพียบ รวมถึงช่องระบายอากาศแนวตั้งและมือจับประตูภายในที่ตกแต่งด้วยสีเงินสดใส มีพื้นที่เก็บของแบบใหม่ หุ้มด้วยผ้าขนาดเล็ก ตั้งใจให้เป็นกล่องคอนโซลกลางพร้อมที่วางแขนตรงกลางแบบเลื่อนได้แต่เปิดไม่ได้ ทำให้พื้นที่ด้านล่างนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ภายในของ Countryman JCW ใช้โทนมืดเป็นส่วนใหญ่ มีซันรูฟกระจกพาโนรามิกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ช่วยเพิ่มแสงสว่างและความโปร่งสบาย เมื่อขยับไปที่แถวที่สอง ขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของ Countryman JCW รุ่นใหม่ทำให้เป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม ด้วยความยาวที่ยาว 182 ซม. ทำให้มีพื้นที่วางขา หัว และไหล่มากพอสมควร เบาะแถวที่สองพับได้ในอัตราส่วน 40:20:40 ซึ่งหมายความว่าเบาะจะพับลงได้ทีละตัว พนักพิงเบาะแถวที่สองทุกตัวยังเอนไปด้านหลังได้เล็กน้อย ช่วยให้เดินทางได้อย่างผ่อนคลาย
John Cooper Works วางเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบชาร์จใต้ฝากระโปรงให้กำลัง 312 แรงม้าที่ 5,750 รอบต่อนาที และแรงบิด 295 ปอนด์-ฟุตที่ 2,000 รอบต่อนาที เป็นเครื่องยนต์ระดับกลางที่ทรงพลังที่สุด โดยจะทำงานได้ดีที่สุดตั้งแต่ 2,000 รอบต่อนาทีถึง 5,000 รอบต่อนาที รอบสูงสุด 6,500 รอบต่อนาที ในโหมดขับเคลื่อน Core เกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด ทำงานตามหน้าที่และควบคุมแรงบิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ JCW Countryman ให้ความรู้สึกว่องไวและกระฉับกระเฉงในโหมด Go Kart การกำหนดค่าระบบส่งกำลังทั้งหมดในเมนูย่อยปรับจาก Sport เป็น Sport+ และเกียร์ในการตั้งค่า Sport และ Manual ที่ครอบคลุม ทำให้ JCW Countryman เร่งความเร็วบนถนนสองเลนที่คดเคี้ยวได้ราวกับรถแฮทช์แบ็กสมรรถนะสูง จุดนี้ถือว่าโคตรสมดุล และยิ่งทำให้กล้าเติมความเร็วเข้าไปอีก
All4 คือสัญลักษณ์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใน MINI แต่ John Cooper Works Countryman ก็ให้ความรู้สึกเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหน้าเมื่อเข้าโค้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเน้นเทแรงบิดไปที่ล้อหน้า และมีน้ำหนักมากกว่าเหนือเพลาหน้า การบังคับเลี้ยวรวดเร็วว่องไว แม้ว่าความไวต่อความรู้สึกจะลดลงด้วยพวงมาลัยที่ใหญ่ ซึ่งทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังขับรถในขณะที่สวมนวมนักมวย สัมผัสของแป้นเบรกมีความสม่ำเสมอกะระยะได้แม่นยำและให้ความมั่นใจในย่านความเร็วสูงได้ดี การขับเร็วนั้นสร้างความตึงเครียดต่อโสตประสาท แต่ช่วงล่างที่ยืดหยุ่นได้ดี ช่วยลดเสียงและแรงกระแทก แม้จะยัดล้อขนาด 20 นิ้วและยาง 245/40R20 อาการทอร์คสเตียร์เมื่อออกตัวเร็วๆ หลายคนไม่ชอบแต่ให้ความรู้สึกถึงแรงบิดที่เทลงล้อหน้าได้ดี แค่ขืนพวงมาลัยเอาไว้นิดหน่อย JCW Countryman ก็พุ่งออกตัวอย่างแรงเหมือนกับลูกแก้วที่ถูกยิงโดยหนังสติ้ก!
ถนนลาดยางแคบๆ แต่โล่ง ลัดเลาะจากด่านเนินหอมในปราจีนบุนี ไปจนถึงปากทางออกจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แถบหมูสี เส้นทางคดเคี้ยวกับการขับ MINI รุ่นแรงสุดโดยใช้ความเร็วต่ำสร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อย ความเร็วเพิ่มขึ้นมาอีกนิดเมื่อออกพ้นจากเขตอุทยาน ผมเริ่มเรียนรู้นิสัยใจคอของมันได้ดีขึ้น โหมดมาตรฐานมีคันเร่งที่ไวแต่ก็ยังไม่ไวเท่ากับ Sport Mode การเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้าทำได้อย่างใจนึก คันเร่งที่ตอบสนองได้ดี แทบจะไม่มีอาการรอรอบ จากการปรับการทำงานของเทอร์โบแปรผัน Twin Scroll Turbocharger ให้ทำงานอย่างรวดเร็ว ปราศจากอาการหน่วง ทำให้ต้องระวังให้ดีหากคิดจะปล่อยม้ากันแบบหมดคอกหมดฝูง เป้าหมายการยกระดับความสามารถของตัวรถให้มากกว่าเดิมจนกลายเป็น MINI ที่แตกต่างจากพี่น้องร่วมสายพันธุ์ในทุกองคาพยพ เทียบเคียงกับ AMG GLA35 4Matic และ X2 xDrive 35i ได้อย่างสบายๆ
เครื่องยนต์ B48 เบนซินแถวเรียง 2.0 ลิตร Twin Scroll Turbo สร้างกำลัง 317 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง จาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ในตระกูล B48 ติดตั้งลูกสูบปรับปรุงใหม่ ท่อไอดีใหม่ ก้านสูบใหม่ นับเป็นยานพาหนะครอบครัวที่ลื่นไหลและมั่นคง ควบคุมได้อย่างคล่องแคล่วจากพละกำลังระดับ 300 แรงม้า ไดนามิกส์ที่ดีสามารถจัดการมวลของรถ (น้ำหนัก 1,660 กิโลกรัม) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ของ JCW ลดอาการสั่นคลอนหรือโคลงตัว
ประเด็นหลักของความสามารถคือการปรับจูนเครื่องยนต์ 2 ลิตรเบนซินเทอร์โบให้มีความรุนแรงมากว่า ช่วงล่างรัดตรึงแน่นตึบเหมือนเชือกที่ถูกขึงจนตึงให้ความรู้สึกถึงความโหดดิบ ช่วงล่างโอนอ่อนผ่อนคลายลงไปพอสมควร ไม่แข็งโป็กเหมือนที่ผ่านมา เครื่องยนต์ B48 แบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ วางตามขวางขับเคลื่อนล้อหน้าส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ทันทีที่คันเร่งถูกกระหน่ำจมมิดลงบนพรมปูพื้น แรงดึงหนักหนาสาหัสและต่อเนื่องยาวนาน เป็นการปลดปล่อยตัวเองจากความซ้ำซากจำเจ เมื่อขับไปได้ไม่นานความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่แตกต่างจากครอสโอเวอร์แรงๆ มันไม่ได้ดิบเท่า RS Q3 Quattro และดูเป็นรถผู้หญิงมากกว่า แต่ความยอดเยี่ยมของไดนามิกและระบบส่งกำลัง ผ่านการควบคุมทิศทางด้วยชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าที่แม่นยำสุดๆ
ผมได้ลองขับ Countryman SE ALL4 ที่โปรตุเกส รวมถึง John Cooper Works Countryman ทั้งสองรุ่นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ Countryman รุ่นใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมีรูปลักษณ์และสัมผัสที่พรีเมียมมากขึ้น เป็น Mini ที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่จากที่หน้าจอทรงกลมขนาดยักษ์นั้นแสดงให้เห็นว่านี่คือ Mini ที่ยังคงไม่สูญเสียความสนุกสนาน
สรุป John Cooper Works Countryman ปี 2024 ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถ MINI แม้ว่าตัวจะสูงใหญ่และหนักกว่า MINI รุ่นไหนๆ ในประวัติศาสตร์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากรุ่นที่แล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ช่วงล่างหนึบนุ่มไม่กระด้างซึ่งดีมาก เก็บเสียงในย่านความเร็วต่ำใช้ได้ อัตราสิ้นเปลืองทำได้ 11.2 กิโลเมตรต่อลิตร JCW Countryman รุ่นใหม่ มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับสมาชิกในครอบครัวได้มากขึ้น ที่สำคัญกว่านั้นคือมีรูปลักษณ์และสัมผัสที่พรีเมียม เป็น MINI ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หน้าจอทรงกลมขนาดยักษ์ สัมผัสของพลังเมื่อเร่งความเร็วและรูปลักษณ์ที่เป็นเอกเทศ แสดงให้เห็นว่านี่คือตัวต้นที่แท้จริงของ MINI ที่ยังคงไม่สูญเสียความสนุกไปแม้ตัวจะใหญ่ขึ้นก็ตาม!
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
ความเห็น 0