วันที่ 19 มี.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ดัชนี ดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกในวันพุธ (19 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกันเฟดยังคงประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ ปิดที่ 41,964.63 จุด เพิ่มขึ้น 383.32 จุด หรือ +0.92%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,675.29 จุด เพิ่มขึ้น 60.63 จุด หรือ +1.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,750.79 จุด เพิ่มขึ้น 246.67 จุด หรือ +1.41%
คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25% - 4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงาน Dot Plot เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงสู่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
ในการประชุมครั้งนี้ กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางในอนาคต โดยกรรมการหลายคนระบุถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิธีรับมือกับผลกระทบจากมาตรการต่าง ๆ ของปธน.ทรัมป์
แมทเธียส เชเบอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Allspring Global Investments กล่าวว่า "เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและผลกระทบที่อาจมีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เฟดจึงใช้แนวทาง 'รอดูสถานการณ์' ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้"
เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เขาทราบว่ามีนักเศรษฐศาสตร์บางคนได้ปรับเพิ่มแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอย แต่เขายังคงมองว่าการที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรงนั้น ยังคงไม่แน่นอน ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและเป็นปัจจัยหนุนการซื้อขายในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (19 มี.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ขานรับข่าวเยอรมนีมีแผนกระตุ้นการใช้จ่ายขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ555.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.07 จุด หรือ +0.19%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,171.47 จุด เพิ่มขึ้น 56.90 จุด หรือ +0.70%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,288.06 จุด ลดลง 92.64 จุด หรือ -0.40% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,706.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด หรือ +0.02%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (19 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการตัดสินใจกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานช่วยพยุงตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 8,706.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.43 จุด หรือ +0.02%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (19 มี.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันกลั่นและน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 67.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 70.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันพุธ (19 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 3,041.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (19 มี.ค.) โดยดัชนีดอลลาร์ลดช่วงบวกในช่วงท้ายตลาด หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.18% แตะที่ระดับ 103.428