โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“สมปอง” ไลฟ์โต้! ไม่ใช่คนหิวเงิน ลั่นไม่สบายใจสัญญาทำงาน “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” รู้สึกไม่เป็นตัวเอง

Manager Online

เผยแพร่ 04 ก.พ. 2565 เวลา 12.18 น. • MGR Online

“สมปอง” ไลฟ์ชี้แจงบ้าง ขอบคุณในน้ำใจที่ “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” ให้ที่อยู่อาศัยตน ย้ำไม่ได้หิวเงิน เห็นเงินเป็นใหญ่ และไม่ยุ่งกับธุรกิจสีเทาแน่นอน ส่วนเรื่องคบเพื่อน ขอตัดสินใจและพิจารณาเอง ส่วนประเด็นขอแยกตัวเพราะไม่สบายใจกับสัญญาที่ทำงานไปแล้วรู้สึกไม่เป็นตัวเอง และทำประโยชน์ให้อีกฝ่ายได้ไม่เต็มที่

ช่วงสายวันนี้ (4 ก.พ.64) “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล”พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชยได้ออกมาแถลงข่าวซัด“ทิดสมปอง นครไธสง”ซึ่งได้ขอถอนตัวจาก 3 รายการ ได้แก่ รายการ ถึงไหนถึงกัน ทางช่อง 5, รายการ มาหาพาสนุก ทางช่อง 9 และ รายการ โทรติดทิดตอบ ทางทีวีพูลออนไลน์ โดยเจ๊ติ๋มฟาดไม่ยั้งว่าทิดสมปอง เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเองแท้ๆ และตนก็ไว้ใจ รีโนเวตบ้านให้ใหม่ บวกกับซื้อเสื้อผ้าให้หมดไปเกือบล้าน แฉกลับเละติดหนี้ 10 ล้านเพราะซื้อที่ส่วนตัว เล่นเอาอึ้งกันไปเลยทีเดียวเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ติดหนี้เพราะเอาเงินไปช่วยเด็กๆ ซึ่งเจ๊ติ๋มกล่าวว่า ตนขออโหสิกรรมให้ทั้งหมด และขอไม่เกี่ยวข้องกับสมปองอีก

หลังจากนั้นพักใหญ่ ทิดสมปอง ก็ได้ออกมาไลฟ์สดชี้แจงความในใจทางฝั่งของตนเอง ซึ่งก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังเคลียร์ไม่ครบให้สิ้นสงสัย โดยทิดสมปองไลฟ์เคลียร์เป็นประเด็นๆ ดังนี้

“ความจริงมีคนบอกผมให้เงียบๆ ไป แต่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่สังคมอยากรู้ ผมก็เลยจะขอแถลงข่าวเล่าความจริง ผมไม่ใช่สายโพสต์ นานๆ ถึงจะโพสต์ที ผมก็ได้ฟังแถลงจากพี่สาวมาแล้ว เดี๋ยวก็จะเคลียร์ให้ฟังเป็นประเด็นๆ เรื่องแรกที่ผมเข้าไปอยู่ที่บ้าน เริ่มต้นตั้งแต่ตอนเป็นพระ ก็มีทีมงานติดต่อไปถ่ายรายการ พูดคุยกันไปมา ผมก็บอกว่าโทร.หาหน่อย หึ! โทร.หาเหรอ ผมก็บอกกลัวอะไร ผมไม่ใช่ลูกน้อง ก็โทร.แล้วก็พูดคุยกัน พี่เขาก็บอกก็มาอยู่ที่บ้าน มีบ้านมีออฟฟิศให้อยู่ เราก็บอกเหรอครับ เดี๋ยวยังไงไปดูกัน ก็ไปดูกันเลยครับ ช่างก็กำลังรีโนเวต พูดคุยกันแล้วก็รู้สึกดีจังที่เราได้มีที่อยู่หลังจากออกมา

ก็เป็นเรื่องจริงครับ แต่ถามว่าไปขอไหม ก็ไม่ได้ไปขออย่างนั้นหรอกครับ เป็นการมีน้ำจิตน้ำใจ เขาเสนอมา เราก็ได้ครับ ผมอาจจะมีวาสนาได้อยู่แค่เดือนเดียว ก็ขอบคุณมากๆครับ”

เคลียร์ประเด็นเรื่องเสื้อผ้า 8 หมื่นบาท ตนไม่รู้ราคา ใส่อะไรก็ได้ และได้ทำการไลฟ์ให้โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องขอแล้วด้วย

“ผมเป็นพระมาตลอดก็ไม่ได้มีชุดสำรอง ผมไม่รู้ราคาหรอกครับ ไปถึงสหพัฒน์ฯ ผมก็ไลฟ์ให้เลย เพราะผมรู้ว่าไลฟ์ของผมก็จะเป็นประโยชน์ต่อที่นั่น ผมก็ไลฟ์ให้โดยที่ไม่ต้องร้องขอ ส่วนเสื้อผ้าผมไม่รู้หรอกครับว่าอะไรถูก อะไรแพง พอรู้จักบางยี่ห้อ สำหรับผมอะไรก็ได้ ผมใส่อะไรก็ได้ ผมบอกด้วยซ้ำว่าเลือกให้ผมเลย ออกแบบให้ผมด้วย ผมแล้วแต่เลยว่าจะอะไรให้ผมยังไง ต่อให้วันนั้นให้ผมแค่ 1-2 ตัวผมก็แล้วแต่ ผมไม่รู้ราคาด้วยซ้ำว่าวันนั้นทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ทราบว่ามีส่วนลดให้ ผมก็ตอบแทนด้วยการไลฟ์ให้ ไม่ได้เป็นคนติดยี่ห้อครับ ผมใส่อะไรก็ได้ครับ ถ้าให้ผมเลือกเองผมอยากใส่ชุดฟุตบอลด้วยซ้ำ”

เรื่องหนี้สิน “สมปอง” ย้ำชัด ตนเองทำงานใช้หนี้ อีกฝ่ายไม่ได้มาใช้หนี้ให้ตน

“เรื่องหนี้ผมพูดมาตลอด ที่ผมต้องพูดเพราะผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้เอาเงินออกมาจากพุทธศาสนาเลย เมื่อผมเป็นหนี้ผมก็ต้องรับผิดชอบ แล้วทำไมถึงเน้นเรื่องของเงินเหลือเกิน ก็แน่นอนผมก็ต้องหาเงินเพื่อเอาไปใช้หนี้ ผมไม่ค่อยชอบการได้เงินมาเปล่าๆ ผมจะได้เงินก็ต่อเมื่อทำงาน ทำประโยชน์ให้เขาก่อนแล้วได้เงินมา แล้วผมมีหนี้ก้อนใหญ่ขนาดนั้นผมก็ต้องทำงานใช้หนี้อยู่แล้ว ผมจะไม่ให้คนเอาเงินมาใช้หนี้ให้ผม ผมอยากจะทำงานใช้หนี้เอง

ก็เป็นความจริงครับ งวดแรก 1 ล้านบาท เดือนละ 2.5 แสน 4 เดือน ผมเพิ่งทราบจากเลขาผมเองว่าผมไม่ได้ใช้เงินก้อนนั้นเลย เขาไปใช้หนี้ให้เลยซึ่งผมก็ขอบคุณครับ วันนั้นผมก็แจกเงินทีมงานได้เงินมาล้านนึงเอาไปคนละ 500 คนละ 1,000 ผมเพิ่งรู้ว่าอ้าว วันนั้นเป็นเงินทำงานผม ไม่ใช้เงินก้อนนั้นด้วย เพราะเงินก้อนนั้นเขาเอาไปใช้หนี้ให้เลย ซึ่งผมทำงานเพื่อใช้หนี้ พี่สาวท่านนั้นไม่ได้ใช้หนี้ให้ผมนะครับ แต่เป็นเงินที่ผมทำงานมา แต่ถ้าผมยังทำงานไม่ครบ ผมก็มีแชตไปหาท่านเลย”

เปิดแชตคุยที่คุยกับอีกฝ่ายอ่านให้ลูกเพจฟัง พร้อมขอบคุณอีกฝ่ายที่คอนสั่งสอนตนมาตลอด ส่วนเรื่องการคบใครขอตัดสินใจไตร่ตรองด้วยตัวเอง

“ส่วนเรื่องงานเอาตามที่พี่บอกได้เลยนะครับ จ่ายผมเป็นงานๆ ก็ได้ครับ ตามเห็นสมควรจะตกลงกันเป็นงานๆ เป็นครั้งไป ซิตคอมครั้งละเท่าไหร่ รายการไลฟ์ครั้งละเท่าไหร่ รายการทีวีครั้งละกี่บาท ส่วน 1 ล้านบาทค่อยหักกับค่าตัวผมที่เราจะกำหนดตามเรตของผมในปัจจุบันก็ได้ครับ ก็เอาตามนั้น ถ้าพี่เขาไม่สะดวกตามเรตจะลดหย่อนก็ได้อยู่แล้ว

กราบขอบพระคุณพี่ท่านนั้นมากๆ ที่เมตตาสั่งสอนผมหลายสิ่งหลายอย่าง ดูแลผมมาตลอดที่เรารู้จักกัน ก็ปลายๆ เดือนธันวาคมปีที่แล้วครับ ช่วง 25-26 ธันวาคม ผมรักและเคารพ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานกับพี่ ลูกชายพี่ก็น่ารักมากๆ ผมรู้สึกรักและสนิทสนมมากๆ

ส่วนเรื่องคบเพื่อน คบคน ผมขออนุญาตตัดสินใจและไตร่ตรองเองว่าจะคบใครอย่างไร ผมจะคบคนดี มีน้ำใจ รักผม หวังดีกับผมอย่างแน่นอนครับ ขอบคุณพี่และลูกชายและทุกท่านในบริษัทนั้นมากๆ ผมชอบทำงานครับ งานคือชีวิตของผม มีงานอะไรผมเต็มที่ครับ ที่ผมทำงานหนักไม่ใช่เพราะผมหิวเงิน ผมทำงาน ผมทำประโยชน์ให้ก่อน ให้เหมาะสมกับความเหนื่อยของผม แล้วผมก็เอาไปใช้หนี้ หรือใช้จ่ายกับทีมงานผม ผมไม่ได้ทิ้งใครเลยตั้งแต่ผมออกมา”

ย้ำไม่ได้หิวเงิน เห็นเงินเป็นใหญ่

“ฟังดูแล้วผมกลายเป็นคนโลภ บวชมา 30 ปีไม่ไดัช่วยอะไร ถ้าผมอยากรวยจริงๆ ผมคงไม่บวชเป็นพระหรอก สิ่งที่ผมเรียนมา สังคมสงเคราะห์ก็ไม่ได้ทำให้ผมรวย วงการที่ผมอยู่ก็ไม่ได้เอื้อให้ผมรวยอยู่แล้ว ผมออกมาเป็นหนี้ติดตัวมาผมก็ชดใช้อยู่แล้ว อย่ามองว่าผมเป็นคนหิวเงิน ย้ำนะครับไม่มีใครใช้หนี้ให้ผม ผมทำงานใช้หนี้ ที่เหลืออยู่ถ้ามันยังไม่คุ้มกับเงิน 1 ล้านบาทจะให้ผมใช้เป็นเงิน หักจากบัญชีที่ผมทำงานให้ไปแล้ว หรือจะให้ผมทำงานให้ได้หมดเลย ผมคุยกับคุณเต้แล้วด้วยเรื่องนี้ ซึ่งคุณเต้บอกว่าเรื่องเงินไม่ใช่ประเด็น เราก้าวผ่านเรื่องนั้นไปแล้ว”

แจงสัญญาเดิมทำให้รู้สึกไม่สบายใจ ทำงานแล้วไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงขอเปลี่ยนสัญญาใหม่แต่สุดท้ายตนเองก็ยังไม่ได้เซ็น

“วันนั้นทีมงานผมก็นั่งกันเต็มห้องคุณเต้ ก็ไม่รู้หรอกครับว่าจะได้เซ็นสัญญา คุยกันไปมาก็มีมาให้เซ็น คือทีมงานผมที่ไปเซ็นคิดว่าเดือนละล้านด้วยซ้ำ แต่จริงๆ มันคือ 4 เดือนล้าน มันก็ไม่ใช่ปัญหา ผมอ่านดู ทีมงานช่วยกันดูแล้วก็เซ็นไป แต่งานแรกคือไปถ่ายซิทคอม ตื่นตั้งแต่6 โมงเช้า ทำงานจริงๆ9 โมงเช้าจนถึงตี2 แต่ยังเหลือนักแสดงอีกท่านนึง ซึ่งดูแล้วตี4-5 แน่นอน เลยไปขอท่านนั้นว่าครั้งหน้าไหม เหมาะทีมงานผมง่วงแล้วเสียงผมก็หายแล้ว แล้วมันก็หายต่อเนื่องถึงวันนี้

ที่มีคนบอกว่าเสียงผมเหมือนเป็ด เสียงแหบๆวันนั้นก็มีส่วนอย่างมาก วันนั้นเสียงหมดเลยครับ แต่ไม่มีปัญหา ผมเค้นเสียงได้ ผมรู้สึกว่า…ผมทำงานให้ใคร มันต้องคุ้มค่าเขา ผมต้องได้ใช้ศักยภาพของผม ความเป็นตัวตน ความสนุกของผม มีเอนเนอจี้ของผมอย่างเต็มที่ แค่เสียบแหบพลังมันก็ลดลงไปเยอะมากๆ แล้วครับ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวผม ผมก็ทบทวนแล้วว่ามันไม่ใช่ เราคงทำงานให้เขาได้ไม่เต็มที่ ผมรู้สึกว่าพี่ชายผมเขาทำได้ดี น่าจะช่วยเชียร์ได้เพราะตัวผมเองก็จะมีผลิตภัณฑ์นั้น มันก็มีผลที่จะทำงาน ส่วยรายการก็มีคนที่พูดได้ดี พูดได้ชัดกว่าผม คล่องกว่าผม ผมไปยืนนิดๆหน่อยๆผมก็รู้สึกว่าจะมาเสียเงินให้เราทำไม ถ้าเราทำงานให้เขาไม่คุ้ม เราไม่ควรจะอยู่ตรงนั้น ควรจะให้คนที่คล่องกว่าทำ ผมก็เลยยื่นเรื่องไป

ผมก็บอกกับคุณเต้ว่าผมไม่สบายใจตรงนั้นตรงนี้ (หยิบสัญญาออกมา) ก็เลยเกิดการคุยกันเพื่อเปลี่ยนแปลงสัญญา ว่าวันมันเยอะไป หรือรายการมันซ้ำกันมันถี่ไป จะเดือนละครั้งไหม รายปักษ์ไหม หรือเต็มที่อาทิตย์ละครั้งไหม ก็พูดคุยกัน แต่อย่างที่บอกครับอะไรที่มันไม่ใช่ตัวตนผม มันก็ไม่ใช่ ก็คุยกันตามตรง ก็คุยกันว่าอะไรที่ให้ได้อะไรให้ไม่ได้ แต่ผมยังไม่ได้เซ็น ผมก็อยากรอบคอบเพราะครั้งแรกที่ผมเซ็นไปเราดูไม่ละเอียด มันไปไหนไม่ได้ มันติดอยู่ตลอด 7 วัน เรื่องนั้นผมไม่มีปัญหาหรอก สำคัญคือผมได้ทำประโยชน์ได้เต็มที่ไหม คุ้มค่าเงินที่เขาจ่ายไหม และเป็นตัวเราไหม ผมว่าอันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คนทำงานจะรู้กัน ก็ต้องดูและพิจารณากันมากพอสมควร เรื่องค่าตัวไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือมันใช่ตัวตนผมไหม ผมไม่ได้หิวเงิน มันเป็นเรื่องของเนื้องานเป็นหลัก เป็นเรื่องความไหว ไม่ไหวของผมด้วย”

ซีเรียสกับประเด็นคบคนสีเทา ยันตนไม่ยุ่งกับธุรกิจสีเทา

“เป็นเรื่องที่ผมซีเรียสและจริงจัง เรื่องคบคนสีเทา ทำธุรกิจสีเทา ผมไม่มีปัญหาใครจะไปทำตรงนั้นแล้วแต่เลย แต่ผมไม่สูบบุหรี่ อาจจะมีการแซวเรื่องตู้ไวน์ พี่เขายังให้ผมชิม แล้วบอกว่าไวน์มันเป็นเครื่องดื่มคนชั้นสูง ผมยังสวนไปเลยว่าอร่อยตรงไหน แล้วคนจนดื่มไม่ได้เหรอครับ ก็ขำๆ กัน รู้สึกเป็นน้ำผลไม้ด้วยซ้ำ ผมไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้ ผมก็ปฎิบัติตามที่ลูกเพจบอกผม

เรื่องจริงครับที่พี่เขาบอกว่าขอตู้ไวน์เอาไว้นอนดู ผมไม่ค่อยได้ดื่ม ผมจะไม่ดื่มถ้าไม่ได้เข้าสังคม ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้ออกด้วย ผมไม่ยุ่งกับยาเสพติดแน่นอน อะไรที่ผิดกฎหมายยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชัดเจน คบคนสีเทา ทำธุรกิจสีเทาผมไม่ยุ่ง ส่วนคบคนจะสีเทาไหม ผมอาจจะไม่ได้เช็คประวัติอะไรขนาดนั้นซึ่งต่อไปผมอาจจะเช็คก็ได้ แต่ผมไม่มีปัญหานะครับกับคนสีเทา”

กับประเด็นมีหนี้สินเพราะไปซื้อที่ดินให้ครอบครัวปลูกสวนยางนั้น “สมปอง” บอกไม่มีอะไรเป็นของตน ลั่นไม่ใช่ความผิดหากจะตั้งเป้าหมายชีวิต 3 เดือนมีเงิน 100 ล้านบาท ลั่นตนยังเป็นสมปองคนเดิม แต่ขอเลือกทำงานที่ตนเองมีความสุข ยินดีร่วมด้วยหากอีกฝ่ายให้โอกาส

“พ่อแม่พี่ๆ คนบ้านนอกบ้านนา ก็เป็นที่ดินธรรมดา มันไม่มีอะไรที่เป็นของผมอยู่แล้ว ผมก็เป็นพระ อีกเรื่องมันก็ไม่ใช่ความผิดนะ กับการอยากได้เงินเยอะๆ 3 เดือน 100 ล้านจริงไหม มันมีคำพูดของพระอาจารย์ท่านหนึ่งท่านก็พูดไว้เชิงขำว่าไม่ได้ให้มาเหยียบเลย ผมก็จำมาแล้วพูดไป ใครมันจะไปได้อะไรขนาดนั้น ก็พูดทีเล่นทีจริง ถ้าใครตั้งเป้า มันก็เป็นเป้าหมายของเขา มันเป็นแรงผลักดันของคนที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมาย ผมว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดา เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากได้ ต้องใช้เงิน มันไม่ใช่ว่าต้องได้ 100 ล้านจริงๆ กึ่งแซวกึ่งขำกันไป แต่ถ้าใครจะจริงจังมันก็เป็นสิทธิ์ เป็นแรงผลักดันของคนๆนั้น ไม่ใช่ว่าคนที่ตั้งเป้าอย่างนี้แล้วเขาจะเป็นคนไม่ดี

ผมมีนโยบายทำงานด้วยความสุข ผมต้องทำงานด้วยความสุขเท่านั้น ชีวิตหลังจากนี้ผมก็ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เต็มเวลาที่ผมมี ซึ่งผมทำอย่างนั้นมาตลอด ยิ่งออกมายิ่งต้องเต็มที่มากกว่าเดิม ทุกเรื่องราวก็มีบทเรียนให้กับผม ผมสอนคนมาเยอะในการตั้งสติ สติมาปัญหาเกิด สติเตลิดก็เกิดปัญหา สติดีจะมีรอยยิ้ม สติถูกทิ้งรอยยิ้มไม่มี สติมาหมาไม่กัด สติถูกตัดจะกัดกับหมา ก็แค่เดือนกว่าๆ ก็มีเรื่องราวที่เป็นบทเรียนมากมายให้กับผม ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่เมตตาผม ผมยินดีมากๆที่จะร่วมงานเพียงแต่ว่าให้ผมได้ทำประโยชน์ให้ที่นั้นได้เต็มที่ เป็นตัวตนของผม ผมมีความสุขในการทำงาน ไม่ใช่ว่าผมไปทำแล้วไม่มีความสุข เพียงแค่มันตะหงิดใจอะไรบางอย่างว่าเราทำเต็มที่ไหม เหมาะไหม ผมก็ยังเป็นสมปองคนเดิม เพิ่งเติมคือตั้งใจทำงานให้มากขึ้น อยู่บนพื้นฐานคุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรสีเทา และยาเสพติด ผมร่วมงานได้ถ้าท่ายังให้โอกาสผม”

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0