อสังหาสต๊อกพุ่ง 2.3 แสนยูนิต กว่า 1.34 ล้านล้าน คอนโด-ทาวน์เฮาส์เหลือขายมากสุด
วันที่ 21 มกราคม นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่า คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2568 จะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2567 ประมาณ 10% แต่ยังต่ำกว่าที่เคยมีการขายนับแสนหน่วยในช่วงก่อน หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ตลาดที่อยู่อาศัยไทยอาจฟื้นตัวได้มากกว่านี้ เนื่องจากยังมีปัจจัยลบกระทบต่อกำลังซื้อ อาทิ มาตรการ LTV หนี้ครัวเรือน ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้น ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ผู้บริโภคหันมาเลือกเช่าแทนซื้อ มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ยังไม่ประกาศต่ออายุ เป็นต้น
“ปี 2568 คาดการณ์ว่าจะมีโครงการเปิดใหม่จำนวน 381 โครงการ เทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 5% รวมจำนวน 67,598 ยูนิต เพิ่มขึ้น 10% มูลค่ารวม 475,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% ราคาเฉลี่ย 7.039 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 17,163 ยูนิต เพิ่มขึ้น 10% บ้านแฝด จำนวน 5,604 ยูนิต เพิ่มขึ้น 5% ทาวน์เฮาส์ จำนวน 14,238 ยูนิต เพิ่มขึ้น 15% ห้องชุด จำนวน 30,724 ยูนิต เพิ่มขึ้น 10% ขณะที่หน่วยเหลือขายอยู่ที่ จำนวน 239,168 ยูนิต เพิ่มขึ้น 2% มูลค่ารวมกว่า 1.34 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%”นายโสภณกล่าว
นายโสภณกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดเมื่อสิ้นปี 2567 พบว่ามีโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังเสนอขายอยู่ในตลาด 3,028 โครงการ รวมจำนวน 837,090 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 3.85 ล้านล้านบาท ยังพบว่ามีโครงการที่มีหน่วยเหลือขายอยู่เกินกว่า 20 ยูนิต อยู่ถึง 2,690 โครงการ และต่อเนื่องมาถึงปี 2568 ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจาก 462 โครงการในปี 2566 เหลือ 375 โครงการในปี 2567 หรือลดลง 19% ในแง่มูลค่าการพัฒนาลดลงจาก 559,743 ล้านบาทในปี 2566 เหลือ 413,773 ล้านบาทในปี 2567 หรือลดลง 26% ส่วนในแง่จำนวนหน่วยลดลงจาก 101,536 หน่วยในปี 2566 ลดเหลือ 61,453 หน่วยในปี 2567 หรือลดลง 39% ซึ่งการที่จำนวนหน่วยลดลงมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับมูลค่าที่ลดลงไม่มากก็เพราะการเปิดตัวโครงการใหม่ เน้นสินค้าราคาแพงมากขึ้น เนื่องจากสินค้าราคาถูกขายได้ยากกว่าสินค้าราคาแพงกว่า
“ปี 2567 จากที่มีเปิดใหม่ 413,773 ล้านบาท พบว่ามีมูลค่าขายได้ที่ 324,915 ล้านบาท ทั้งเปิดใหม่และสินค้าที่เปิดขายไปก่อนหน้านี้ เท่ากับขายได้ 79% ทั้งนี้หน่วยเหลือขาย 234,478 ยูนิต จะถูกส่งต่อมาถึงปีนี้ พบว่าเป็นห้องชุดมากสุด 78,604 หน่วยหรือ 33.5% อยู่ในช่วงราคา 2-3 ล้านบาท รองลงมาทาวน์เฮาส์ 76,151 หน่วยหรือ 32.5% อยู่ช่วงราคา 2-3 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 50,835 หน่วย หรือ 21.7% อยู่ช่วงราคา 5-10 ล้านบาท บ้านแฝด 25,677 หน่วยหรือ 11% อยู่ช่วงราคา 3-5 ล้านบาท นอกนั้นเป็นตึกแถวและที่ดินจัดสรรซึ่งมีเป็นส่วนน้อยมาก”นายโสภณกล่าว
นายโสภณยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้มีโครงการที่หยุดการขายไปในปี 2567 จำนวน 85,182 หน่วย ซึ่งมากกว่าที่หยุดไปในปี 2566 จำนวน 76,327 หน่วยหรือหยุดการขายเพิ่มขึ้น 11.60% ในอีกแง่หนึ่งโครงการที่หยุดการขายไปในปี 2567 มีมูลค่ารวม 291,389 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่หยุดไปในปี 2566 จำนวน 257,035 ล้านบาทหรือหยุดการขายเพิ่มขึ้น 13.37% การที่มีการหยุดขายไป จึงทำให้อุปทานที่จะเคลื่อนมาขายในปี 2568 เพิ่มขึ้นกว่าปี 2567 เพียง 0.45% หากยังไม่หยุดขายไป อุปทานส่วนเกินจะมากกว่า
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาฯปีนี้ยังไม่ปกติ เชื่อว่าน่าจะยังคงเป็นเกมของการลดราคา เนื่องจากมีหลายบริษัทที่ต้องนำเงินไปชำระคืนหนี้หุ้นกู้ ในส่วนของอนันดาปี 2568 ยังเน้นขายสต๊อกเดิมเนื่องจากยังมีแบ็กล็อกทั้งโครงการเก่าและใหม่อีกกว่า 31,000 ล้านบาท ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่รอดูสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดที่ค่อนข้างเปลี่ยนเร็วมาก โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% จากปีก่อนมียอดโอน 12,000 ล้านบาท ซึ่งมีแบ็กล็อกโอนปีนี้ที่ 9,400 ล้านบาทแล้ว จึงทำให้สามารถลดความกดดันปีนี้ไปได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อสังหาสต๊อกพุ่ง 2.3 แสนยูนิต กว่า 1.34 ล้านล้าน คอนโด-ทาวน์เฮาส์เหลือขายมากสุด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th