โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ตลาดหุ้น…ยังไง? ฟื้นจริง หรือ เด้งหลอก

ทันข่าว Today

อัพเดต 07 เม.ย. 2563 เวลา 03.51 น. • เผยแพร่ 07 เม.ย. 2563 เวลา 03.51 น. • ทันข่าว Channel

Highlight

  • จังหวะแบบนี้ หุ้นฟื้นตัว หรือ เด้งหลอก?
  • จากข้อมูลสถิติในอดีต การรีบาวน์ในภาวะตลาดหมี มีโอกาสเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่ยังไงเสีย ตลาดจะยังมีแรงเทขายจนทำจุดต่ำสุดใหม่อยู่ดี
  • วิธีเลือกหุ้นในยามเกิดวิกฤติ

เปิดตลาดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนว่า คลื่นลมจะสงบมากขึ้น เมฆหมอกเริ่มจางหายไปบ้าง หลังจากที่ Down Jones ก็บวก ทองคำก็บวก ตลาดหุ้นเอเชียก็บวก ส่วนหนึ่งจากความหวังกับการรายงานยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากไวรัส Covid-19 ที่เริ่มชะลอลง ทั้งในสหรัฐและแถบยุโรป ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น 2-3 วันที่ผ่านมา ก็ไม่ได้การันตีว่าไวรัส Covid-19 ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วหรือยัง !!

จังหวะแบบนี้หุ้นฟื้นตัว หรือ เด้งหลอก?

จากข้อมูลในอดีต การปรับฐานทั้ง 12 ครั้ง ของ Bloomberg มีข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ

  • หลังการรีบาวน์เมื่อร่วงลงมาต่ำกว่า -20% พบว่า ทุกครั้งตลาดทำจุดต่ำสุดใหม่ทั้งหมด
  • จุดต่ำสุดของรอบตลาดหมี เฉลี่ยแล้วจะปรับฐานจากจุดสูงสุดอยู่ที่ -37%
  • ครั้งที่มีการปรับฐานรุนแรงมากกว่า -40% มีทั้งหมด 4 ครั้งจากทั้งหมด 12 ครั้ง คือ ปี 1929, ปี 1974, ปี 2001 และปี 2008

จากข้อมูลในอดีต ค่อนข้างชัดเจนว่า หากดัชนี S&P 500 ปรับฐานมากกว่า -20% แล้ว การรีบาวน์ในภาวะตลาดหมี มีโอกาสเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่ยังไงเสียตลาดจะยังมีแรงเทขายจนทำจุดต่ำสุดใหม่อยู่ดี

จุดต่ำสุดของตลาดหมี ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ -37% จากจุดสูงสุด จากทั้งหมด 12 รอบนับตั้งแต่ปี 1929 ที่ผ่านมา

แน่นอน ที่หยิบมาเล่าข้างต้น นั้นคือ ข้อมูลจากอดีต แต่หลังจาก Covid-19 ผ่านไป อาจจะทำให้เกิด New Normal ใหม่ ซึ่งอาจจะไม่ใช่สภาวะที่เราคุ้นเคยหรือเรียกได้ว่าค่าสถิติในอดีตอาจจะไม่สะท้อนความเป็นจริงเท่าไหร่นัก

เพราะปัญหารอบนี้ไม่เหมือนกับรอบอื่น ๆ ที่มีหุ้นหลาย ๆ ตัวเดี๋ยวก็กลับมาได้ รอบนี้ไม่แน่ว่าหุ้นบางตัวอาจจะไม่สามารถกลับไปทำ High เดิมที่เคยทำไว้ก็เป็นไปได้เช่นกัน สิ่งที่เราต้องประเมินก็คือ “กำไร” ของหุ้นรายตัวในอนาคต ว่าจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ดูเพียงกำไรในอดีตที่หุ้นตัวนั้นทำเท่านั้น

วิธีเลือกหุ้นในยามเกิดวิกฤติ
แบ่งหุ้นทั้งตลาดออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ จากคำแนะนำของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

  • หุ้นที่เป็น “Survivor” หรือ  “ผู้อยู่รอด” ที่มีความแข็งแกร่ง เป็นผู้นำและปรับตัวเอง ให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในช่วงวิกฤตินี้ได้ หลังจากวิกฤติผ่านไป กิจการจะแข็งแรงเหมือนเดิมหรือแข็งแรงขึ้น
  • หุ้นกลุ่มที่สอง ก็คือ หุ้นที่ยังเอาตัวรอดได้หลังวิกฤติ แต่จะไม่กลับมาดีเหมือนเดิมหรือแข็งแกร่งเหมือนเดิม เหตุผลก็คือ มันอาจจะเป็นกิจการที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากภาระเช่นหนี้ที่สูงเกินไป ซึ่งทำให้มันอ่อนแอเกินกว่าที่จะสามารถปรับตัวในยามที่ยากลำบาก และเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของลูกค้าหรือผู้คน เช่น ร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้าทั้งหลายที่อาจจะต้องเหนื่อยหนัก ถ้าคนที่หันไปใช้บริการ E-Commerce กันมากมายที่อาจจะไม่กลับมาซื้อของที่ห้างเหมือนเดิม เมื่อวิกฤติผ่านไป  เป็นต้น
  • หุ้นที่  “ไม่รอด” จากวิกฤติ มันอาจจะไม่ล้มละลายก็ได้ แต่ความสามารถในการดำเนินธุรกิจภายหลังวิกฤติจะถดถอยลงไปมาก ธุรกิจถูก Disrupt ท่ามกลางภาวะวิกฤติ

สิ่งที่ต้องมองต่อ คือ “ราคาหุ้นที่จะสะท้อนคุณภาพของกิจการ” โดยราคาหุ้นนั้น นอกจากจะดูโดยเปรียบเทียบกับราคาที่เป็นก่อนวิกฤติแล้ว ควรจะดูด้วยว่ามันถูกหรือแพง เมื่อเทียบกับคุณสมบัติของหุ้น ที่จะเป็นหลังจากวิกฤติด้วย … เพราะสิ่งที่เราจะเห็นหลังจาก Covid-19 ผ่านไป อาจจะทำให้เกิด New Normal ใหม่ ของการลงทุนก็ได้

Cr: Bloomberg, กรุงเทพธุรกิจ , Mr.messenger, investing.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0