1. อยากลงมือทำ = ฉันทะ
2. อยากได้ความสำเร็จ = ตัณหา
3. รักแท้ = เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
4. รักหนุ่มสาว = เมตตา ตัณหา ราคะ
5. รักหลอก = ตัณหา ราคะ
6. ความสุข = ภาวะปรุงแต่งด้านบวก
7. ความทุกข์ = ภาวะปรุงแต่งด้านลบ
8. เบิกบาน = ไม่ปรุงแต่ง เป็นกลาง ไม่บวกไม่ลบ
9. ฌานสมาธิ = จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อดับความคิด
10. สมาธิการงาน = จิตจดจ่อกับการงานตรงหน้า ใช้การงานเป็นกรรมฐาน
11. วิปัสสนา = การสังเกตความจริงของร่างกาย ความรู้สึก ความคิด จนเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของรูปนาม
12. ปัจจุบันขณะ = การตระหนักรู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อัตตาหายไปเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง
13. การพัฒนาจิต = กระบวนการที่นำไปสู่ความเข้าใจเพื่อการปล่อยวาง
14. ปัญญา = ความสามารถในการปล่อยว่างสิ่งต่างๆ
15. ความฉลาด = ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
16. การคิดวิเคราะห์ = การประมวลข้อมูลและประสบการณ์เก่า นำไปสู่การตัดสินใจต่างๆ
17. ปัญญารู้แจ้ง = ภาวะไร้ผู้คิด เข้าใจสรรพสิ่ง
18. ชีวิต = กระบวนการทำงานของขันธ์ห้า คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
19. รู้จักตนเองทางโลก = รู้หนทางบำรุงกิเลสฝ่ายดีและฝ่ายเลวของตน
20. รู้จักตนเองทางธรรม = รู้ความจริงเรื่องเหตุปัจจัยในการสร้างอัตตาของตน รู้หนทางยุติการบำรุงกิเลสทั้งฝ่ายดีและฝ่ายเลว
21. พุทธะ = ผู้ทำลายความหลงผิดว่า มีตัวเรา
22. เวลาทางโลก = อดีต อนาคต ปัจจุบัน
23. เวลาทางธรรม = ไร้เวลา เกิดขึ้น ดับไปขณะจิตนั้นๆ
24. การแสวงหาทางธรรม = เรียนรู้ภายใน เพื่อเข้าใจภายนอก เพื่อปล่อยวางภายในภายนอก
25. การแสวงหาทางโลก = เรียนรู้ภายนอก เพื่อเข้าใจภายใน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไปตามทัศนคติของตน
26. ความสำเร็จทางโลก = การได้มาซึ่งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
27. ความสำเร็จทางธรรม = เป็นอิสระจากลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และสิ่งทั้งปวง
28. การภาวนา = อุบายการพิจารณาเพื่อเข้าใจความจริง
29. ลมหายใจ = ฐานที่ตั้งเพื่อหยั่งรากสมาธิ นำไปสู่วิปัสสนา เพื่อทำลายอัตตาตัวตน
30. ความฟุ้งซ่าน = ภาวะความปั่นป่วนอันเกิดจากการปรุงแต่ง
31. การใช้ความคิด = กำหนดสมาธิ และสติลงไปเพื่อแก้ไข ปรับปรุงการงานตรงหน้า
32. จิตสำนึก = ความรู้ สิ่งที่รู้ รู้ในความหมายของภาษา บัญญัติ คลังสัญญาความจำ
33. จิตใต้สำนึก = ความจำ ธาตุสัญญา ประสบการณ์เก่าซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกสุขทุกข์
34. อดีต = การปรุงแต่งโดยใช้สัญญาในเวลาปัจจุบัน
35. อนาคต = การปรุงแต่งโดยปรับเปลี่ยนสัญญาตามทัศนะ ในเวลาปัจจุบัน
36. โลกความจริง = ผลอันเกิดจากความเข้าใจระดับจิตว่า โลกคือภาวะซึ่งสร้างจากการปรุงแต่ง
37. โลกสมมุติ = ผลสืบเนื่องจากการไม่เห็นความจริง เห็นว่าสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นความจริง
38. ระงับความโกรธ = ความตั้งใจที่จะจดจ่ออยู่ในความว่าง ด้วยสมาธิบ้าง วิปัสสนาบ้าง การตรึกคิดที่เป็นกุศลบ้าง
39. ความโกรธ = อาการที่จิตหลุดเข้าไปในการปรุงแต่ง มีสัญญาใหญ่ฝ่ายอกุศลครอบงำ สติดับ สมาธิดับ กิเลสพุ่ง
40. ความดี = ขณะจิตดำรงอยู่ในเมตตา กรุณา มุติตา อุเบกขา การตื่นรู้
41. ความชั่ว = ขณะจิตดำรงอยู่ในโมหะ โลภะ โทสะ ราคะ ความหลงในตัวตน
42. ปฏิบัติธรรม = กระบวนการทำลายกิเลสทั้งรูปและนาม
43. ความจริงสูงสุด = เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
44. เข้าใจความจริง = ออกจากหนทางแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
45. ความตาย = ภาวะเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบชีวิตใหม่อันเกิดจากการปรุงแต่งของจิต
46. อัตตาตัวตนตาย = ยุติภาวะของการเปลี่ยนผ่านทางจิต เข้าสู่ภาวะไร้การเกิดดับ
47. คน = สัตว์ที่มีศักยภาพในการฝึกฝนสติในขั้นสูงสุด
48. มนุษย์ = วิวัฒนาการของสัตว์ที่ได้รับการฝึกสติมาแล้วพอสมควร
49. อริยบุคคล = มนุษย์ผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
50. พระพุทธเจ้า = ผู้ค้นพบหนทางและถ่ายทอดกระบวนการฝึกตน เพื่อบรรลุสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เราเรียกมนุษย์ประเภทนี้ว่า “พระอรหันต์”
ฝากไว้ให้คิด!!!
***เพื่อประโยชน์สูงสุด***
โดยเฉพาะผู้สนใจฝึกฝนพัฒนาจิต ท่านสามารถตรวจสอบนิยามเหล่านี้ โดยเทียบเคียงกับภาวะของจิตที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติหันมาสำรวจจิตใจตนเอง เพื่อข้ามผ่านขอบเขตของภาษา ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมาก ตกเป็นทาสของภาษาหรือการสื่อสาร เพราะมัวแต่ทำความรู้จักตนเองผ่านการอ่าน การฟัง และการคิด แต่ไม่ได้ทำความรู้จักตนเองผ่านกระบวนการตื่นรู้ สังเกตตนเองตามความเป็นจริง ส่งผลให้ความเข้าใจภาวะจิตและอารมณ์ตามความเป็นจริงผิดพลาดไปหลายอย่าง แยกไม่ออกว่าอะไรคือรัก อะไรคือหลง อะไรคือตัณหาอะไรคือความพยายาม อะไรเป็นการลดอัตตา อะไรเป็นการเพิ่มอัตตา
เมื่อความไม่รู้นี้ทับถมกันมากขึ้นๆ นานวันสิ่งปลอมจึงกลายเป็นความจริง และความจริงจึงกลายเป็นสิ่งที่สูญหายไม่มีใครพูดถึง สังคมของเราจึงกลายเป็นสังคมของการแข่งขันชิงดีชิงเด่น เพียงเพราะเราไม่รู้จักธรรมชาติของกิเลส ไม่เคยศึกษาความสัมพันธ์ของกิเลสซึ่งมีผลกับการใช้ชีวิตของเราในแต่ละขณะ…
ท่านทั้งหลาย…ชีวิตของเราเป็นสิ่งมีค่า
ทว่า ชีวิตก็มีวันหมดอายุ
ไม่ช้าความตายย่อมเกิดกับเราไม่วันใดก็วันหนึ่ง
คำถามสำคัญที่ท่านต้องย้ำกับตนเองให้มากๆ
“ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ท่านกำลังใช้ความเป็นมนุษย์ของท่านเพื่อทำอะไรอยู่”
ความเห็น 8
ชีวิตมีเพียงชั่วคราว
เราทุกคนทำได้ถ้ามีความตั้งใจจริง
16 ส.ค. 2562 เวลา 19.38 น.
อ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจ เกิดภาวะเครียด ยิ่งถ้าต้องจำความหมายของแต่ละคำว่าเท่ากับอะไร ยิ่งไปกันใหญ่ ขอผ่าน
13 ส.ค. 2562 เวลา 15.00 น.
ขอขอบคุณที่แปล 50 ศัพท์เทคนิคให้อ่านได้เข้าใจง่ายมากขึ้น ถ้าถามว่าใช้ความเป็นมนุษย์เพื่อทำอะไร เรียนรู้ชีวิตเพื่อส่งต่อแนวคิดหลักปรัชญาให้คนรุ่นต่อไป ได้เดินตาม เริ่มที่ลูกคนแรก
13 ส.ค. 2562 เวลา 14.52 น.
สุขสงบ
ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่ออะไร.. อยู่เพื่อทำความดี.. คิดดี+ฟังแต่สิ่งดีๆ+พูดแต่สิ่งดีๆ😁
13 ส.ค. 2562 เวลา 14.43 น.
noeng
ทุกอย่างรวมอยู่ในจิตดวงเดียว ถ้าแยกส่วนประกอบออกมาเขียนหนังสือเป็นเล่มๆคงไม่หมด ปุถุชนชนทั่วไปเอาแค่ ศีล ทาน ภาวนา ให้สมบูรณ์ ก็หาได้ยากแล้วยุคนี้
13 ส.ค. 2562 เวลา 14.42 น.
ดูทั้งหมด