ที่ชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ส.ส. และทีมงานพรรคเพื่อไทย ร่วมกันลงพื้นที่หาเสียง แนะนำตัวผู้สมัคร โดย สุรชาติ ย้ำว่าจะใช้ความทุ่มเท ความเป็นตัวตน และความตั้งใจมามัดใจประชาชน โดยจะทำทุกวันให้เหมือนเป็นวันลงพื้นที่ และอยากจะนำเสนออุดมการณ์ และแนวทางของพรรคเพื่อไทยให้ได้มากที่สุด
ขณะเดียวกัน สุรชาติ เชื่อว่า ภาพรวมของการเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ ในจังหวัดชุมพรและสงขลา คือภาพสะท้อนการเลือกตั้งซ่อมของเขตหลักสี่-จตุจักร เพราะการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้รับชัยชนะทุกสนาม แต่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลง จึงเชื่อว่าเป็นการสะท้อนอารมณ์และความรู้สึกของประชาชน จากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้
ส่วนที่ว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีผลต่อการเลือกตั้งในพื้นกรุงเทพมหานครหรือไม่นั้น สุรชาติ ระบุว่า ต้องให้ประชาชนตัดสินใจ เพราะการเลือกตั้งภาคใต้แข่งขัน 2 พรรคใหญ่ ที่เป็นพรรครัฐบาล แต่ที่เขตหลักสี่ มีพรรคฝ่ายค้านด้วย ซึ่งจะสะท้อนอารมณ์และความรู้สึกของประชาชนอีกแบบ แต่ตนขอไม่โจมตีใคร ขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจในวันที่ 30 มกราคมนี้ และหากรัฐบาลจะอยู่ในอำนาจต่อก็ต้องปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งใน กทม. จะเป็นเสียงสะท้อนอย่างดี
สำหรับการซื้อสิทธิขายเสียงนั้น สุรชาติ ย้ำว่า สิ่งสำคัญคือประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบกรณีทุจริตให้แจ้งเบาะแสไปยังพรรคการเมือง หรือ กกต. ได้ ซึ่งประชาชนรู้ดีที่สุดว่าใครซื้อสิทธิขายเสียง ส่วนตัวไม่เคยเจาะจงว่าเป็นใคร แต่เรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงมีจริง ต้องเลิกหลอกตัวเอง และในฐานะผู้สมัครไม่ได้ต้องการโจมตีใคร ขอเรียกร้องให้ กกต. หรือสื่อมวลชน ไปถามประชาชนเองว่ามีจริงหรือไม่
สำหรับการกลับมาเปิดประชุมสภาในสัปดาห์นี้ สุรชาติ กล่าวว่า ตนได้ติดตามและเฝ้ามองการทำงานของสภามาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องปัญหาสภาล่ม จึงอยากฝากไปถึงผู้แทนว่า ในระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 1 ปี อยากให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะการทำให้สภาล่มบ่อยครั้งจะทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง โดยเฉพาะเรื่องการรักษาองค์ประชุม ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบ
