ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (9 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ "ดาวโจนส์" ลดลงเล็กน้อย ส่วน "แนสแด็ก" ร่วงลงกว่า 1% หลัง "ไมครอน" บริษัท เทคโนโลยีปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ (10 ส.ค.) เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ "ธนาคารกลางสหรัฐ" (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 32,774.41 จุด ลดลง 58.13 จุด หรือ 0.18% ดัชนีเิอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,122.47 จุด ลดลง 17.59 จุด หรือ 0.42% และดัชนี แนสแด็กปิดที่ 12,493.93 จุด ร่วงลง 150.53 จุด หรือ 1.19%
ดาวโจนส์ปรับตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย ก่อนสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ประจำเดือนกรกฎาคม โดยคาดว่า ดัชนีซีพีไอทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 8.7% ในเดือนที่แล้วเมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากที่พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิถุนายน
ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐาน ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะพุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบรายปี โดยดีดตัวขึ้นจากระดับ 5.9% ในเดือนมิถุนายน
ทั้งนี้ ดัชนีซีพีไอ เดือนกรกฎาคม จะเป็นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญต่อจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ซึ่งเปิดเผยไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ส.ค.) และจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปร่วงลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทไมครอน เทคโนโลยี ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2565 พร้อมกับคาดการณ์ว่า ความต้องการชิปสำหรับคอมพิวเตอร์พีซี และสมาร์ทโฟนจะชะลอตัวลงด้วย
หุ้นโนวาแวกซ์ ทรุดตัวลง 29.64% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดจำหน่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในปี 2565 ลง 50% และคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 2-2.3 พันล้านดอลลาร์ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4-5 พันล้านดอลลาร์
นายสแตนลีย์ เอิร์ค ซีอีโอของโนวาแวกซ์เปิดเผยว่า บริษัทกำลังประสบปัญหา เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้วัคซีนเข็มบูสเตอร์ในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้นในสหรัฐ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
