กลายเป็นที่พูดถึงบนโลกออนไลน์เมื่อบริษัทใหญ่ ๆ หรือเจ้าของที่ดินใหญ่ ๆ ระดับร้อยล้าน-พันล้าน เปลี่ยนที่ดินว่างเปล่า มาปลูกต้นไม้ เพื่อให้ภาษีที่ดินถูกลง
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือที่เราเรียกติดปากว่า ภาษีที่ดิน เป็นภาษีที่เก็บโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีเพื่อ กระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และเพื่อบำรุง-เพิ่มงบประมาณให้ท้องถิ่น นอกจากงบส่วนกลาง โดยแม้เรามีบ้านพร้อมที่ดิน เราก็ยังต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับใครที่มีที่ว่างเปล่า ไทยก็มีการจัดเก็บในอัตราที่สูงกว่าที่ดินที่มีการนำไปทำประโยชน์อื่น ๆ ดังนั้นจึงเป็นที่มาให้เจ้าของที่ใหญ่ ๆ แพง ๆ เปลี่ยนที่ว่างเปล่ามาเป็นสวน-ไร่
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
มีเพดานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 1.2% แต่จะปรับเพิ่มอัตรา 0.3% ทุก 3 ปี แต่อัตรารวมไม่เกิน 3%
- ที่ดินมูลค่า 0 – 50 ล้านบาท อัตรา 0.3% หรือล้านละ 3,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 50 – 200 ล้านบาท อัตรา 0.4% หรือล้านละ 4,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 200 – 1,000 ล้านบาท อัตรา 0.5% หรือล้านละ 5,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 1,000 – 5,000 ล้านบาท อัตรา 0.6% หรือล้านละ 6,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตรา 0.7% หรือล้านละ 7,000 บาท
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คือ ที่ดินที่ใช้สำหรับการทำนา ไร่ สวน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามที่ประกาศกำหนด และมีกำหนดเพดานภาษีสูงสุดอยู่ที่ 0.15%
- ที่ดินมูลค่า 0 – 75 ล้านบาท อัตรา 0.01% หรือล้านละ 100 บาท
- ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท อัตรา 0.03% หรือล้านละ 300 บาท
- ที่ดินมูลค่า 100 – 500 ล้านบาท อัตรา 0.05% หรือล้านละ 500 บาท
- ที่ดินมูลค่า 500 – 1,000 ล้านบาท อัตรา 0.07% หรือล้านละ 700 บาท
- ที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตรา 0.1% หรือล้านละ 1,000 บาท
ซึ่งหากเที่ยบกับตารางดังกล่าว ถ้าคิดแบบเร็ว ๆ เรามีที่ดินว่างเปล่า มูลค่า 100 ล้านบาท เราต้องเสียภาษี 4 แสนบาท แต่ถ้าเอาไปปลูกผัก-ผลไม้ตามเกณฑ์ เราจะเสียภาษีที่ดิน 5 หมื่นบาท
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
- คิกออฟเก็บภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง 100% สะเทือนธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นเพียงใด
- ยืดเก็บภาษีที่ดิน 2 เดือนลดภาระช่วงโควิด-19 ยังระบาด
- กทม.ไฟเขียวผ่อนจ่ายภาษีที่ดินเกิน 3 พันบาทได้ 3 งวด ถึงสิ้นปี
การเปลี่ยนที่ว่างเปล่ามาปลูกผักไม่ใช่ว่าปลูกต้นเดียวก็ลดภาษีได้
มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการนับว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินสำหรับทำการเกษตรเพื่อให้เชื่อได้ว่าที่ดินนั้นถูกนำมาทำการเกษตรจริง โดยต้องเข้าเกณพ์ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
- กล้วย ไม่ว่าจะกล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า 200 ต้น/ไร่
- มะม่วง มะพร้าว เงาะ 20 ต้น/ไร่
- มะละกอ ปลูกแบบยกร่อง 100 ต้น/ไร่ ปลูกแบบไม่ยกร่อง 175 ต้น/ไร่
- มะนาว 50 ต้น/ไร่
- ฝรั่ง 45 ต้น/ไร่
- ผลไม้ตระกูลส้มต่างๆ ได้แก่ ส้มโอ ส้มโอเกลี้ยง ส้มตรา ส้มเขียวหวาน ส้มจุก 45 ต้น/ไร่
- ขนุน 25 ต้น/ไร่
- หน่อไม้ไผ่ตง 25 ต้น/ไร่
- ลางสาด ลองกอง 45 ต้น/ไร่
- ยางพารา 80 ต้น/ไร่
- ลิ้นจี่ ลำไย 20 ต้น/ไร่
- มังคุด 16 ต้น/ไร
- พุทรา 80 ต้น/ไร่
กรณีเลี้ยงปศุสัตว์
- โค กระบือ พื้นที่คอกหรือโรงเรือน ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว การใช้ที่ดิน 1 ตัวต่อ 5 ไร่
- เลี้ยงแพะ-แกะ พื้นที่คอกหรือโรงเรือนขนาด 2 ตารางเมตรต่อตัว การใช้ที่ดิน 1 ตัวต่อไร่
- สุกร พ่อพันธุ์ คอกเดี่ยว พื้นที่คอกหรือโรงเรือน ขนาด 7.5 ตารางเมตรต่อตัว
- สุกรแม่พันธุ์ คอกเดี่ยว พื้นที่คอกหรือโรงเรือนขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
- สุกรอนุบาล พื้นที่คอกหรือโรงเรือนขนาด 0.5 ตารางเมตรต่อตัว
- สุกรขุน พื้นที่คอกหรือโรงเรือนขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
- สัตว์ปีก เลี้ยงปล่อย (เป็ดและไก่) 4 ตารางเมตรต่อตัว