โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

โคอาล่าเสียที่อยู่ไปแล้ว 82% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Environman

เผยแพร่ 04 พ.ค. เวลา 01.00 น.

โลกอาจไม่มีโคอาล่าอีกแล้ว (?) เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าจะไม่มีสัตว์กระเป๋าหน้าท้องขี้เซาที่กินแต่ใบคาลิปตัส และอยู่ในออสเตรเลีย หายไปจากโลกใบของเรา แต่สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากปัจจุบัน โคอาล่าได้สูญเสียที่อยู่ตามธรรมชาติไปแล้วกว่า 82% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“แรงกดดันหลักในการสูญพันธุ์ที่เกิดขึ้นกับโคอาล่าคือ การสูญเสียถิ่นที่อยู่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาจากการตัดไม้เพื่อผลิตไม้ หรือแผ้วถางที่ดินเพื่อการเกษตร” James Tremian จากหน่วยงานอนุรักษ์ธรรมชาติของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลีย กล่าว “น่าเศร้าสำหรับโคอาล่า เนื่องจากพวกเขามักชอบต้นไม้ชนิดเดียวกับที่คนตัดต้นไม้ชอบ ดังนั้นจึงเป็นคู่แข่งกันโดยตรง”

ในรายงานเมื่อปี 2020 ระบุว่าโคอาล่าสูญเสียที่อยู่ของมันไปแล้วกว่า 82% จากสถานที่เดิมที่มันเคยอยู่ แม้ต้นยูคาลิปตัสเหล่านี้จะเป็นพืชมีพิษ แต่โคอาล่าก็วิวัฒนาการให้มีระบบย่อยแบบพิเศษ ซึ่งช่วยให้พวกมันกินใบได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อย่อยสิ่งที่เกินเข้าไปและเก็บเกี่ยวเอาพลังงานกับสารอาหารให้ได้มากที่สุด กระบวนการดังกล่าวทำให้สัตว์ชนิดนี้ขี้เซาอย่างไม่น่าเชื่อ

“พวกเขานอนเกือบตลอดเวลา เจ้าตัวน้อยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ซับซ้อน และฉันจะบอกคุณว่าเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลาเกี่ยวกับพวกเขา” Jennifer Tobey นักวิจัยจากสหพันธ์สวนสัตว์สัตว์ป่า ซานดิเอโก กล่าว

#เผชิญกับการใกล้สูญพันธุ์

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโคอาล่าตัวแรกอาจเกิดขึ้นบนโลกเมื่อ 20 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้นอาจมีมากถึง 20 สายพันธุ์อาศัยอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศออสเตรเลีย แต่ปัจจุบันพวกมันเหลืออยู่สายพันธุ์เดียวคือ Phascolarctos cinereus ซึ่งวิวัฒนาการขึ้นเมื่อประมาณ 350,000 ปี

ทุกวันนี้ออสเตรเลียมีประชากรโคอาล่าอยู่ราว 32,065 ถึง 57,920 ตัวตามการสำรวจเมื่อปี 2022 ส่วนใหญ่อยู่บนชายฝั่งตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากพวกมันถูกกดดันให้ไปอยู่อาศัยตาม ‘ชายขอบ’ มากขึ้นเพราะการตัดไม้ทำลายป่า

“โคอาล่ามีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานในการถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรปกลุ่มแรกสุดที่มายังออสเตรเลีย” Rebecca Johnson รองผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์และหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติสมิธโซเนียน กล่าว “ดังนั้นพวกเขาจึงเผชิญกับภัยคุกคามต่อประชากรมากมาย ผ่านการล่าสัตว์หรือผ่านการปรับเปลี่ยนที่ดินและเปลี่ยนที่อยู่อาศัย”

ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ โคอาล่าต้องเจอกับการลดลงของประชากรอย่างมากภายในเวลาถึง 30 ปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าแนวโน้มนี้กำลังแพร่กระจายไปทั่วประเทศ เนื่องจากภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และไฟป่าที่รุนแรงขึ้น สิ่งเหล่านี้กำลังฆ่าสรรพชีวิตของทั้งยูคาลิปตัส และโคอาล่าอย่างรวดเร็ว

ในช่วงที่เกิดไฟป่าคครั้งใหญ่เมื่อปี 2019 และ 2020 มีโคอาล่าเสียชีวิตไปกว่า 61,000 ตัว ซึ่งมีพื้นที่ถูกเผาไปมากกว่า 113,312 ตารางกิโลเมตร ไฟเหล่านี้ไม่ใช่ไฟปกติตามฤดูกาล แต่เป็นไฟที่ถูกขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทำให้ออสเตรเลียแห้งแล้งมากขึ้น ที่น่ากังวลคือมันกำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติ

ขณะเดียวกันภัยคุกคามอื่น ๆ ก็โถมกระหน่ำซ้ำเติมเช่น การตัดไม้ทำลายป่า สัตว์ต่างถื่นสายพันธุ์รุกราน โรคภัยไข้เจ็บ และอุบัติเหตุถูกรถชน ทำให้โคอาล่าต้องดิ้นรนในแต่ละวัน ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาจำนวนโคอาล่าลดลงถึงครึ่งหนึ่ง ทำให้สถานะของมันกลายเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย

#ราคาที่ต้องจ่าย

หากสัตว์ขี้เซาสายพันธุ์นี้หายไปจริง ๆ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าป่ายูคาลิปตัสจะเสียหายอย่างหนัก แม้ว่าโคอาล่าจะกินใบยูคาลิปตัส แต่ในป่านั้นก็มีทั้งสัตว์และพืชสายพันธุ์อื่น ๆ อยู่ร่วมด้วย โคอาล่าช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งสร้างความสมดุลใหักับระบบนิเวศ

ไม่เพียงเท่านั้น ระบบย่อยอาหารของมันก็ขับถ่ายสารอาหารเติมเต็มดินรอบข้าง นอกจากนี้พวกมันยังอาจช่วยนำเมล็ดพืชพันธุ์และละอองเกสรติดตัวไปด้วยเวลาที่เคลื่อนไหว ซึ่งอาจช่วยผสมเกสรหรือกระจายเมล็ดโดยไม่รู้ตัว สิ่งสำคัญก็คือการกินยูคาลิปตัสในปริมาณมากจะช่วยลดการติดไฟในฤดูไฟป่าด้วยเช่นกัน

“พวกมันช่วยกินเชื้อเพลิง แต่ตอนนี้โคอาล่าเหลือน้อยมาก จึงยากที่จะบอกได้ว่าตอนนี้พวกมันได้ช่วยไปมากแค่ไหน” Karen Marsh นักวิจัยจากคณะวิจัยชีววิทยา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กล่าว

ดังนั้นเมื่อโคอาล่าลดน้อยลง ไฟก็จะเกิดมากขึ้น และยิ่งในภาวะโลกร้อนเช่นนี้ ไฟป่าก็ยิ่งรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้างมากกว่าเดิม ยังไงก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสายพันธุ์รอบตัวโคอาล่า ซึ่งต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมตามมา

แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้เลยว่า โคอาล่าที่มีอยู่เพียงสายพันธุ์เดียวในโลก จะหายไปจากลำดับวงตระกูลของมัน

#เสียศูนย์แต่ยังไม่สูญเสีย

แม้มนุษย์จะภัยคุกคามสำคัญต่อโคอาล่า แต่ชนพื้นเมืองออสเตรเลียที่มีมาก่อนได้อยู่อาศัยโคอาล่าอย่างสันติมาเป็นเวลานานหลายชั่วอายคน และโคอาล่าเองก็เข้าไปอยู่ในเรื่องราวของชุมชนท้องถิ่น เป็นการแสดงถึงความผูกพันกับธรรมชาติและเคารพต่อสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ

จนทำให้โคอาล่ามีสิ่งมีชีวิตที่มากกว่าการเสริมสร้างพื้นดินใกล้เคียง หรือการกินใบไม้ที่ติดไฟได้ โคอาล่าคืออีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของออสเตรเลีย พวกเขายังช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ออสเตรเลีย และสร้างงานอีกกว่า 30,000 ตำแหน่ง

“ผู้คนมาออสเตรเลียเพื่อดูโคอาล่า พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของการดูแลสิ่งแวดล้อมและการดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ” Johnson กล่าว

นับตั้งแต่โคอาล่าถูกระบุว่าใกล้สูญพันธุ์ในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อปี 2022 รัฐบาลออสเตรเลียได้พยายามวางแผนในการอนุรักษ์ด้วยการลงทุน 50 ล้านเหรียญเพื่อฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของโคอาล่า รวมถึงการวิจัยโรคและทางการแพทย์เพื่อช่วยดูแลประชากรที่ยังเหลือยู่

นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าแนวทางการอนุรักษ์แทสแมนเนียเดวิล สามารถนำมาปรับใช้กับโคอาล่าได้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง Johnson เชื่อว่าต้องลงมือทำแล้ว

“การได้เห็นโคอาล่าในป่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจและน่าตื่นเต้นจริง ๆ” Johnson บอกและเธอหวังว่าจะโคอาล่าจะกลับมาอย่างที่เคยเป็นอยู่

ที่มา

https://koalahospital.org.au/pages/loss-of-habitat

https://www.savethekoala.com/…/what-happens-to-koalas…/

https://theconversation.com/morrison-government-spends-50…

https://happymag.tv/koalas-lost-82-of-their-homes-in-the…/

https://www.cnet.com/…/features/a-world-without-koalas/

Photo : WWF Australia

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0