โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เข้าใจ “วิกฤตการณ์น้ำ” ภัยธรรมชาติยิ่งใหญ่ ที่เข้าใกล้ไทยกว่าที่คิด

LINE TODAY

เผยแพร่ 21 มี.ค. 2564 เวลา 17.00 น.

สำหรับบางพื้นที่ การมีน้ำสะอาดใช้เหลือเฟือถือเป็นชีวิตหรูหราที่บางคนไม่กล้าฝัน

และหากตีเป็นจำนวนตัวเลข 1 ใน 10 ของประชากรโลก หรือมนุษย์กว่า 748 ล้านคนที่ต้องใช้ชีวิตโดยแทบไม่มีน้ำสะอาด

วันที่ 22 มีนาคม 2564 ตรงกับ“วันน้ำโลก” หรือ “World Water Day” เป็นวันที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงน้ำ และปัญหาขาดแคลนน้ำที่คนจำนวนมากยังต้องเผชิญอยู่ทุกวี่วัน

  • ไม่ใช่แค่ขาดน้ำ ยอดผู้เสียชีวิตที่ต้องตายจากแหล่งน้ำสกปรกยังมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ที่ตายในสงครามเสียอีก
  • ประชากร 1 ใน 4 ของโลกแทบไม่มีห้องน้ำสะอาดใช้
  • โรคท้องเสียที่เกิดจากการบริโภคน้ำไม่สะอาด คร่าชีวิตเด็ก ๆ อายุต่ำกว่า 4 ปีทั่วโลก มากกว่าโรคเอดส์และมาลาเรียรวมกัน
  • มีประชากรจำนวน 2 ล้านล้านคน อาศัยอยู่ในประเทศที่เคยเกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำ หรือกำลังเผชิญวิกฤตอยู่ขนาดนี้

สถิติเหล่านี้ดู “โอเวอร์” และแสนไกลตัว แต่จากข่าวและสื่อ หลายคนคงเคยเห็นความสาหัสของทวีปแอฟริกายามขาดน้ำ (และอาหาร) ขอให้ทดภาพเหล่านั้นไว้ในใจ แล้วมาดูเรื่องราวของ “Day Zero วันขาดน้ำ” ในประวัติศาสตร์เคปทาวน์ ที่สะท้อนความจริงของวิกฤตน้ำหมดโลกได้เลวร้ายที่สุด

Day Zero

ด้วยสภาพอากาศที่แห้งแล้งและวันฝนตกที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เมื่อหน้าแล้งมาถึงทีไร น้ำสำหรับการกินการใช้แทบไม่พอใช้ในทวีปแอฟริกา ยกตัวอย่างเหตุการณ์ครั้งสำคัญก็อย่างเช่นปรากฏการณ์ "Day Zero" ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ (Cape Town, South Africa)

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2018 เทศบาลของเมืองออกประกาศว่าหลังจากนี้อีกเพียง 3 เดือน น้ำกินน้ำใช้กำลังจะหมด และพวกเขากำลังนับถอยหลังสู่ "Day Zero หรือวันที่ไม่มีน้ำประปาไหลจากก๊อก" ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ในปีเดียวกัน 

ทางรัฐบาลเลยออกนโยบายให้ภาคประชาชนช่วยกันลดการใช้น้ำอย่างจริงจัง ทั้งขอให้งดการแช่น้ำ ไม่อาบน้ำทั้งตัว จำกัดเวลาในการอาบน้ำเพียงแค่ 2 นาที รวมไปถึงการงดใช้น้ำอย่างสิ้นเปลืองในการทำสวนหรือเติมสระว่ายน้ำ ซึ่งผลจากการได้รับความร่วมมืออย่างแข็งขันที่ทำให้ปริมาณการใช้น้ำตกลงไปถึง 30% ประกอบกับความช่วยเหลือจากธรรมชาติที่ส่งฝนโปรยปรายลงมาได้ทันเวลา เวลา 90 วันสู่ภาวะ Day Zero ในเคปทาวน์ ทั้งเมืองก็รอดจากเหตุการณ์นี้มาได้อย่างหวุดหวิดพร้อมกับบทเรียนครั้งสำคัญในการจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพขึ้นและพฤติกรรมการใช้น้ำที่เปลี่ยนแปลงไปของทุกคน

วิกฤตน้ำในไทย

กลับมามองไทย ที่ภัยแล้งปีนี้สาหัสกว่าปีไหน ๆ กระทบจังหวัดต่าง ๆ มากกว่า 14 จังหวัด และอาจกินระยะเวลายาวนานจนถึงเดือน มิ.ย. เพราะฝนน่าจะตกน้อยกว่าปกติ ดังนั้นภูมิภาคการเกษตรอย่าง เหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และใต้ตอนบนอาจประสบปัญหามากกว่าปกติ ส่วนหนึ่งมาจากปรากฎการณ์ “เอลนีโญ” ที่มาถึงเร็วกว่าปกติ ซึ่งพื้นที่ที่น่าจะรับบทหนักกว่าที่อื่นคือ ภาคอีสาน หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั่นเอง

ไม่ใช่แค่ความแห้งแล้ง แต่ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาในบางพื้นที่ก็สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานเกินกว่าจะใช้สอย อย่างปัญหา “น้ำประปาเค็ม” ที่เคยเกิดขึ้นราวต้นปีที่ต่อให้นำไปกรองหรือต้ม ก็ไม่ได้ทำให้ความเค็มลดลงแต่อย่างใด

วิกฤตน้ำยังไม่ได้ทำให้ “น้ำหมด” เพียงอย่างเดียว แต่ทำให้เกิดความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นอุบัติภัยลูกโซ่ที่ทำให้เกิดความเสียหายต่าง ๆ ตามมา เช่นความเสียหายในการเกษตร โดยเฉพาะในประเทศเกษตรอย่างไทย ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชาชนเสียสละเวลาและค่าใช้จ่ายไปกับการหาน้ำใช้ รวมไปถึงปัญหาคมนาคมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

น้ำหมด ระวังอดเล่น “สงกรานต์”

เมื่อภาวะน้ำหมดมาเยือน ไม่แปลกที่หลายคนจะนึกถึงเทศกาลเล่นน้ำอย่าง “สงกรานต์” ที่แม้จะเป็นประเพณีสืบทอดกันมายาวนานของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ แต่ก็ทำให้หลายคนฉุกคิดว่า ในวิกฤตการณ์น้ำที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เรายังควร “เล่นน้ำ” ในวันสงกรานต์อยู่ไหม?

ปี 2563 ท่ามกลางการระบาดของ “ไวรัส Covid-19” ที่รัฐบาลยกเลิกสงกรานต์ไปแล้ว ก็อาจไม่ก่อปัญหาขาดน้ำเท่าไร แต่เมื่อปี 2562 ที่ภัยแล้งส่อแวววิกฤตไม่ต่างจากปัจจุบัน ทางการเคยออกมาเตือนให้เล่นน้ำกันอย่างประหยัด เพื่อย้ำเตือนให้คนไทยตระหนักถึงภัยแล้งที่กำลังประชิดตัวเข้ามาทุกที

วิกฤตน้ำระดับโลก ประชากรโลกก็ต้องช่วยกัน

ระดับโลก แต่ภาคประชาชนอย่างเราก็เป็นฮีโร่ได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

  • สร้างความตระหนัก : แค่อ่านบทความนี้ก็ถือว่าคุณเริ่มตระหนักถึงปัญหาน้ำแล้ว เก่งมาก! ลองเล่าให้เพื่อน ๆ หรือคนใกล้ตัวฟังบ้างจะได้ร่วมด้วยช่วยกัน
  • ใช้น้ำอย่างฉลาด : อย่าคิดเอาเองว่าที่ที่เราอยู่สุขสบายเกินกว่าจะเกิดวิกฤตน้ำ ปัญหาน้ำก็เหมือนระเบิดเวลาที่ไม่รู้จะปะทุและส่งผลกระทบรุนแรงแค่ไหน เริ่มจากอาบน้ำให้เร็วขึ้น หรือไม่เปิดน้ำระหว่างถูสบู่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีแล้ว
  • ก้าวให้ใหญ่ขึ้น : ศึกษาหรือทำความเข้าใจในวงจรใหญ่ขึ้น เช่น ต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า การสร้างมลพิษ หรือการทำลายสิ่งแวดล้อม

หากภาพผืนดินแตกระแหงในทวีปแอฟริกายังดูไกลตัว ลองนึกถึงวิกฤตน้ำเค็มที่ไทยเคยเผชิญก็ได้ แล้วจะพบว่าปัญหาน้ำทั่วโลกนั้นส่งผลหนักหนาและไม่มีที่ท่าว่าจะเบาลง หากประชากรโลกอย่างเราตระหนักถึงปัญหาขึ้นอีกนิด รักษ์โลกให้เยอะขึ้น ต้องมีวันที่โลกกลับมา “รัก”เราอีกครั้ง อย่างแน่นอน

อ้างอิง

1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 21

  • 🔴⭕🔴⭕🔴⭕🔴⭕🔴⭕ รับด่วน!! เรียนหรือทำงานสามารถทำคู่กันได้ เป็นงาuรับออเดอร์ ตอuแชท ตอuไลน์ลูกค้า รายได้อาทิตย์ละ 3-4 พัuบาท รัUอายุ 20 ปีขึ้นไป สuใจงาuแอo Line ID : @489evmfv (ใส่ @ ด้วยครัu)
    31 มี.ค. 2564 เวลา 09.46 น.
  • HUGO 48 เกรียงศักดิ์
    ฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล ธรรมชาติแปรปรวนจากหลายๆปัจจัยรวมถึงสภาวะโลกร้อนที่จะหนักขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ลองคิดดูเล่นๆว่าหากในอนาคตถ้าน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมดน้ำทะเลจะสูงขึ้น พื้นที่ราบตำ่ต่างๆซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดจะกลายเป็นน้ำเค็ม ปัญหาที่จะตามมามันเกินจะบรรยาย
    22 มี.ค. 2564 เวลา 05.08 น.
  • Karan iPhone New
    น่าจะมีธนาคารรัปฝากนำ เผื่อธนาคารมีวิธีจัดเก็บนำ อาจจะเอานำส่งไปนอกโลก เวลาต้องการสามารถเอากลับ มาใช้ได้​ ขอบคุณ
    22 มี.ค. 2564 เวลา 04.54 น.
  • Jeab Ja
    ถ้าทุกฝ่าย(รัฐบาล)​ ช่วยกันแก้ไขปัญหาบอกกล่าวประชาชนและให้ที่ดินทำกินประชาชนบ้างจะได้ปลูกป่า​รักษาต้นน้ำได้​ แก้ให้ตรงจุด​ อย่ามัวแต่แก้ไข​ รัฐธรรมนูญ​ กันเลย​ มันจะสายเกินแก้
    22 มี.ค. 2564 เวลา 04.53 น.
  • Mizo
    มันเป็นเพราะหมานุชนี่เองที่ทำลายทุกอย่างกับน้ำโรงงานปล่อยน้ำเสีย โรงเลี้ยงสัตว์ต่างๆยากที่จะกลับมาเหมือนเดิม
    22 มี.ค. 2564 เวลา 04.19 น.
ดูทั้งหมด