จากกรณีเจ้าหน้าที่พบศพนายประสิทธิ์ อินปฐม หรือ หรั่ง อายุ 61 ปี ชาวจังหวัดสมุทรปราการ ภายในบ่อเกรอะ ที่ร้านอาหารเจ ย่านลาดกระบัง วันที่ 23 ต.ค. 61 ทีมข่าวเดินทางมายังร้านอาหารจุดเกิดเหตุ ริมถนนร่มเกล้า พบว่าด้านในร้าน มีคราบเลือดติดอยู่บริเวณด้านหลังซึ่งเป็นส่วนครัว
โดยสภาพศพถูกของมีคม ฟันที่ศีรษะจนสมองกระจาย ส่วนบริเวณท้อง มีร่องรอยถูกของมีคมกว่า 5 จุด และแขนซ้ายอีก 1 จุด เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่า คนที่ก่อเหตุจะต้องเป็นบุคคลเดียวกับที่ชอบดื่มสุรา กับผู้ตายเป็นประจำ
นายเกรียงไกร ภูริปัญญาภินันท์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านบริเวณเกิดเหตุ กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายประสิทธิ์ หรือผู้ตายมา 20 กว่าปี ก่อนหน้านี้ ผู้ตายประกอบอาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ถูกเลิกจ้าง เนื่องจากผู้ตายค่อนข้างติดสุรา ก่อนที่ผู้ตายจะมาสนิทสนมกับนายบุญยืน ขำทวี อายุ 68 ปี ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าร้านอาหารอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ
นายเกรียงไกร เปิดเผยว่า ผู้ตายและนายบุญยืนมักจะดื่มเหล้ากันเป็นประจำทุกวัน แต่ระยะหลังมานี้ ตนเห็นว่าทั้งคู่มักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และนายประสิทธิ์มักจะมีบาดแผลบวมช้ำบริเวณตาขวา และตาซ้าย กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 61 เวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ตนเห็นนายประสิทธิ์ เดินอยู่ภายในร้านอาหารเจเพียงลำพัง ก่อนจะหายตัวไป
โดยนางชม อินปฐม อายุ 86 ปี แม่ของนายประสิทธิ์ เผยว่า ตนทราบเรื่องแล้ว รู้สึกเฉย ๆ เพราะลูกชายติดเหล้า ตนเคยเตือนหลายครั้ง แต่เจ้าตัวไม่เชื่อฟัง บางครั้งก็ด่าตน ตนจึงไม่อยากยุ่ง
ซึ่งก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ ลูกชายมาหาตนที่บ้าน เพื่อขอข้าวกินตามปกติ แต่ตนสังเกตเห็นตาของลูกชายปูดบวม คาดว่าถูกต่อยมา แต่เจ้าตัวไม่ตอบถึงสาเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็อาจจะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกัน เพราะกินเหล้า ส่วนเรื่องคดีจะปล่อยให้ตำรวจดำเนินการ
ขณะที่ นางปราณี โสมหิรัญ พี่สาวของนายประสิทธิ์ เล่าว่า ตนทราบว่ามีคนเสียชีวิตในช่วงบ่าย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นน้องชายตัวเอง กระทั่งน้องชายอีกคนออกมาดู และยืนยันว่าเป็นนายประสิทธิ์ เพราะจำรอยสักได้ ทั้งนี้ ตนไม่เจอนายประสิทธิ์มา 2-3 วันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นปกติ เนื่องจากเจ้าตัวติดเหล้าหนัก บางครั้งก็หายตัวไปเพราะเมาจนกลับบ้านไม่ไหว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจที่อีกฝ่ายกระทำกับน้องชายอย่างโหดเหี้ยม เพราะน้องชายตนแก่แล้ว และไม่มีแรง แค่ผลักครั้งเดียวก็ล้ม จึงไม่น่าจะทำรุนแรงขนาดนี้
นางกมลพร พาบุตร อายุ 47 ปี แม่ค้าที่อยู่ร้านติดกับจุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตามปกติแล้ว ช่วงเย็นตนมักจะเห็นนายบุญยืน และผู้ตาย ดื่มเหล้ากันประจำ ก่อนหน้า นี้ตนไม่เคยเห็นทั้ง 2 คนทะเลาะกัน ส่วนนายประสิทธิ์ เวลาเมาก็มักจะล้มลุกคลุกคลาน แต่ไม่ได้มีพิษมีภัย ส่วนนายบุญยืน ตนไม่ค่อยเห็นช่วงเมา แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้าตัวมายืนหน้าร้าน ในสภาพพูดจาไม่รู้เรื่อง
โดยครั้งสุดท้ายที่เจอนายบุญยืน คือ วันเสาร์ ที่ 20 ต.ค. กำลังเก็บข้าวของ เจ้าตัวบอกว่าจะไปต่างจังหวัด 1 คืน จากนั้นตนก็ไม่เห็นนายบุญยืนอีก ส่วนที่คิดว่าผู้ตายน่าจะเป็นนายประสิทธิ์ เพราะศพผมยาวเหมือนเจ้าตัว ส่วนนายบุญยืนผมสั้น ซึ่งตอนนี้ก็ต้องรอการพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป