โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

“หนุ่ม สันติสุข” เผยความรักที่เป็นความลับในอดีต เลิกคู่ขวัญ “จินตหรา” เป็นฝ่ายผิดเอง

PPTV HD 36

อัพเดต 25 ก.พ. เวลา 09.42 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. เวลา 09.33 น.
“หนุ่ม สันติสุข” เผยความรักที่เป็นความลับในอดีต เลิกคู่ขวัญ “จินตหรา” เป็นฝ่ายผิดเอง
“สันติสุข พรหมศิริ” เปิดใจถึงเส้นทางเป็นนักแสดง ก่อนก้าวกระโดดเป็นพระเอกดัง พร้อมเล่าความรักกับอดีตคู่ขวัญ “แหม่ม จินตหรา” เลิกกัน ‘ผมผิดเอง’

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่ ที่เป็นขวัญใจของแฟนๆ ในยุค80 จนถึงปัจจุบัน สำหรับ “หนุ่ม-สันติสุข พรหมศิริ” ซึ่งเจ้าตัวได้มานั่งเปิดอกใน รายการ Club Friday Show

เล่าถึงความสำเร็จในฐานะพระเอกในยุคก่อน รวมไปถึงเรื่องราวคำรัก “จินตหรา สุขพัฒน์” ที่เคยเลื่อนขั้นจำคู่ขวัญเป็นคู่จริง แต่ทว่าในยุคนั้นต้องแอบคบกันแบบลับๆ กระทั่งท้ายที่สุดถึงวันที่เลิกรา ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดเอง

จริงๆ ไม่ได้อยากเป็นดาราแต่อยากเป็นนักร้องนักดนตรี?

“ใช่ครับ ก็คือตั้งแต่เด็กๆ เป็นคนที่ชอบฟังเพลง ตั้งแต่ 5-6 ขวบ เป็นคนต่างจังหวัด ฟังเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง แล้วพอย้ายมาอยู่กรุงเทพก็มาฟังพวก วิฑูรย์ วทัญญู เฮฟวี่ อะไรก็ชอบ แล้วก็ตั้งวงดนตรีเล่นตั้งแต่เด็กๆ หัดเล่นกีตาร์ อยากเป็นนักดนตรี เรื่องแสดงไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงจะได้มาเป็นพระเอกหนังไทย”

ซึ่งช่วงนั้นก็เริ่มต้นสร้างตำนานความเจ้าชู้มาพร้อมกันด้วย?

“อาชีพนักร้องนักดนตรี โดยอาชีพมันก็ค่อนข้างไปทางนั้นอยู่แล้ว สาวๆจะชอบ อยู่หน้าเวทีเท่จังเลย เริ่มมีนิสัยเจ้าชู้ตั้งแต่ตอนนั้น"

วิธีจีบสาวเป็นอย่างไรบ้างสมัยนั้น?

“คือสมัยก่อนนี้มันยากนะครับ เพราะว่าหนึ่งไม่มีโทรศัพท์ไม่มีโซเชียล เราใช้ระบบส่งสายตาเป็นบลูทูธไป จากเวทีหรือจากข้างล่าง เรียกว่าจ้องอย่างเดียว ถ้าเกิดเขาหันมาแล้วเขาตอบรับ มันจะเป็นระบบบลูทูธ จะไม่มีการพูดการอะไร พอเชื่อมกันแล้วก็ต้องเข้าไปคุยรู้ที่มาที่ไปของเขาให้ได้ เขาอยู่ที่ไหนทำอะไร จะไปปรากฏตัวอีกเมื่อไหร่ที่เราจะได้พบ เช่น จะไปตลาดปากคลองทุกวันเสาร์ กี่โมง อะไรอย่างนี้ ต้องรู้ที่มาที่ไป เพราะงั้นจะไม่เจอกันอีกแล้วหรือบางทีอยู่แฟลตอยู่อพาร์ตเมนต์ก็บางทีก็ให้เบอร์ห้อง เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าเป็นวิธีเดียวที่จะบอกได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ตรงไหน บางทีก็ตามไป บางทีก็ไม่กล้ากลัวเขาลวงไปทำอะไร”

เป็นคนที่ยอมรับตรงๆ ว่าเจ้าชู้?

“คือก็อายุเยอะ แล้วก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ ก็พูดตรงๆ ไม่โลกสวยบอกเจ้าชู้ก็เจ้าชู้ เพราะเป็นคนเจ้าชู้ ไม่บิดพลิ้ว คือความเจ้าชู้เนี่ย คือหนึ่ง ต้องไม่ใช่แฟนคนนู้นคนนี้ ต้องเป็นคนที่โสดและเขาก็มีใจกับเราด้วย ถ้าคนไหนไม่สนใจเราก็ไม่ไปยุ่งกับเขา”

สถิติสูงสุดที่ทำไว้คบซ้อนกี่คน?

“ก็น่าจะประมาณ 5-6 คน แต่ใน 5 คนนี้เขาก็สมัครใจนะ เขาก็รู้ว่าเรามี 5-6 คนนี้อยู่แล้ว จะมีคนหลักที่ไม่รู้ ช่วงที่เริ่มเป็นพระเอกเริ่มเล่นหนัง”

เข้าวงการเพราะ หนุ่ย อำพล?

“ตอนนั้นไฟว์สตาร์มีพระเอกอยู่ ก็คือคุณอำพล ลำพูน ตอนนั้นเขาดังเรื่อง น้ำพุ แล้วก็คุณจินตหรา คือตอนนั้นเขาก็เริ่มจะมาเป็นนักร้องแล้ว แล้วเรื่องที่จะให้เขาเล่นคุณอำพลเขาขอไม่ตัดผมแล้ว จะมาเป็นนักร้องแล้ว เพราะในเรื่องต้องเป็นนายร้อย เรื่อง คำมั่นสัญญา เขาเลยต้องหาพระเอกใหม่ เขาก็ให้บทมาอ่าน ก็ลองดู จากนั้นก็หยุดทุกอย่างอยู่กับการเล่นหนังไปอย่างเดียวยาวเลย”

ต้องมาเล่นกับดาราอันดับ 1 เกร็งไหม?

"เกร็งครับ เพราะว่าเขาดังอยู่แล้ว แล้วสมัยก่อนดารามันน้อย ดังก็ดังแบบฮู้หู..จินตหรา ตายแล้ว ใครจะเห็นตัวจริงยากมาก เพราะดาราเขาจะเก็บตัว อยากดูต้องไปดูในโรงอย่างเดียว สมัยก่อนคือไม่มีซ้อมไปถึงก็ถ่ายเลย แล้วเราไม่เคยรู้ว่าหนังคืออะไร ถ่ายยังไง แล้วฉากแรกคือฉากยากเลย”

หลังจากหนังออกไปเป็นคู่ขวัญกันเลยไหม?

“ยังไม่ถึงกับเป็นคู่ขวัญ คือหนังก็ประสบความสำเร็จ แต่สมัยก่อนไม่ใช่แค่ตู้ม..เรื่องเดียว มันต้อง 3-4 เรื่องติด ถึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จ ตอนนั้นไฟว์สตาร์ก็มีแค่ผมกับแหม่ม 2 คนที่เป็นพระเอกนางเอก แต่ผู้กำกับมี 10 กว่าคน หนังเรื่องนี้เสร็จก็ถ่ายเรื่องอื่นต่อ ก็มีอยู่ช่วงนึงเรื่อง วงศาคณาญาติ ถ่ายหาดใหญ่ แล้วก็มีอีกเรื่อง ด้วยเกล้า ถ่ายเชียงราย ตอนนั้นก็นั่งเครื่องบินดอนเมือง-หาดใหญ่ ดอนเมือง-เชียงราย อยู่อย่างนี้ไม่ได้กลับบ้านเลย 3 เดือน พอเสร็จก็มาเชียงใหม่ถ่าย หวานมันส์ ต่ออีกเดือน คือสนุกสนานมาก เพราะมีคู่เดียว ผมกับคุณแหม่ม แล้วผู้กำกับ 11 คน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่ใช้ดาราค่ายอื่น”

ตอนนี้ถึงขั้นไม่สามารถแยกไปเล่นกับใครได้แล้วหรือเปล่า?

“คือแฟนคลับเขาจะแบบว่าพี่หนุ่ม-พี่แหม่ม สันติสุข-จินตหรา คือเหมือนหล่อหลอมเป็นสิ่งเดียวกันไปแล้ว โชว์ตัวก็ต้องเป็น สันติสุข-จินตหรา แล้วก็ต้องขึ้นทีหลังสุด เพราะว่าคนมีชื่อเสียงสุดก็ต้องรอ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน แฟนคลับก็เป็นแฟนคลับคู่เลย แต่ของพี่แหม่มเขาก็จะมีของเขาอยู่แล้ว เพราะว่าเขาเข้าวงการก่อน”

คู่ขวัญของการเป็น “สันติสุข-จินตหรา” เกิดขึ้นอย่างชัดเจนจากหนังเรื่องอะไร?

“น่าจะเป็นเรื่อง หวานมันส์ฉันคือเธอ”

เป็นคู่ขวัญแล้วตอนที่เริ่มที่ขยับมาเป็นคู่จริงคือช่วงเวลาแบบไหน?

“ผ่านไปหลายเรื่องเราก็ไม่ได้คิดอะไรกัน เพียงแต่ว่าก็ทำงานด้วยกัน อาจจะด้วยความใกล้ชิดผูกพัน น่าจะเริ่มมีใจกันตอนเรื่อง หวานมันส์ฉันคือเธอ เพราะมันสนิทกันมากแล้วต้องเล่นสลับร่างกันด้วย ตอนนั้นอยู่ด้วยกันทุกวันมาเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว ที่ไม่ได้กลับบ้านเลย ตอนนั้นก็ไม่ได้มีใครเพราะไม่ได้ไปไหน”

คู่ขวัญมารักกันจริงแฟนคลับน่าจะฟินไหม?

“ถ้าเป็นแฟนคลับเขาอาจจะชอบ แต่ถ้ามุมมองของทางค่ายก็อาจจะมองว่าถ้าเกิดเป็นแฟนกันจริงๆ แล้ววันนึงต้องไปเล่นกับคนอื่นเดี๋ยวคนจะไม่รับ เดี๋ยวทำให้ธุรกิจเขาเสียหาย”

แล้วต้องทำยังไงในการแอบคบกัน?

“ด้วยการไปไหนมาไหนเนี่ยมันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ไปไหนก็จะไปกับผู้จัดการคนดูแลตลอด มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบสองต่อสองน้อยมาก แต่ว่าไม่ได้พูดเลยนะเพราะว่า เล่นภาพยนตร์มันพูดกันเยอะแล้ว พอจะพูดเราก็เขินๆ จะพูดดีไหม แต่การกระทำเขาก็รู้แล้วแหละว่ามีใจ”

แอบจีบกันตอนนั้นทำอย่างไรบ้าง?

“ตอนนั้นเพลงของพี่ป้อม อัสนี ดังช่วงนั้นพวกซาวด์อะเบ้าท์เขานั่งอยู่จังหวะนั้นไม่มีใครเห็นเลยเอาหูฟังมาใส่หูเขาเปิดเพลง หนึ่งมิตรชิดใกล้ เขาก็ตกใจนิดๆแล้วมองมาที่เรา แล้วก็มีแอบจับมือกันในรถตู้เวลาไปถ่าย ปกติเขาจะให้นั่งคนละแถว เราก็วางแผนนั่งข้างแอบจับมือ ไม่งั้นจะโดนนั่งกั้น”

มีคำสั่งไหมว่าห้ามคบ?

“ไม่เคยมีใครพูดเลย แม้กระทั่งในบริษัท เพราะตอนนั้นเรื่องดาราที่มันจะเป็นเรื่องส่วนตัวมันคล้ายๆ เรื่องร้ายแรงมาก เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ เลย นักข่าวจะเข้าไปในกองถ่ายต้องขออนุญาตก่อน จะเขียนข่าวต้องมาถามต้นสังกัดก่อน”

มีคิดไหมว่าเราของเราคงเป็นไปไม่ได้ ถูกกีดกัน?

“ไม่ได้คิดถึงตรงนั้น จะคิดว่าเขาเป็นคนใกล้ตัวเราคนดีคนนึง เขารักเราเราก็รักเขา ก็คบกันอย่างนี้ก็มีความสุขที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ไป คนสมัยก่อนเขาคิดว่า สันติสุข-จินตหรา โอ้ย..ไม่จริงหรอกโปรโมท เป้นแฟนกันเพื่อสร้างภาพ จะมีแค่คนในค่ายที่รู้ว่าเขาเป็นแฟนกันจริงๆ ไม่ได้ถึงขั้นประกาศหรือว่าปกปิด”

ตอนนั้นห้ามดาราออกไปไหน ไม่ให้ออกรายการทีวี ต้องดูในโรงอย่างเดียว แล้วถูกห้ามเที่ยวไหม?

“ห้ามไม่ได้เพราะมันหนีไป (หัวเราะ)"

แล้วในฐานะเป็นแฟนอย่าง “พี่แหม่ม” เขารู้สึกโอเคไหม?

“คือช่วงนั้นวัยรุ่น เขาก็เข้าใจนะว่าวัยรุ่นเนี่ย ออกไปเต้นระบำคือไปเที่ยวก็คือไปดิ้รไม่ได้ไปทำอะไร ออกไปเต้นระบำคลายเครียดแหม่มเขาก็ชอบนะแต่ว่าด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิงแล้วเป็นแบบว่านางเอกคือจะไปตามผับตามบาร์เนี่ยมันก็น่าเกลียด นอกจากว่าไปกันเยอะๆ ได้ แต่อย่างตัวผมเองกับผู้จัดการก็ชอบเที่ยวก็พากันหนีไป”

ความสัมพันธ์กับการเป็นคู่จริงมันเดินหน้าไปนานขนาดไหน?

“ถ้านับตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนกันก็ 5-6 ปี จนกระทั่งถึงจุดๆ หนึ่ง มันก็เป็นความผิดของตัวของผมเอง ที่ไม่หยุดยังสนุกสนานกับชีวิต ที่เลิกกันเสียใจครับ บางทีมองรูปเห็นหนังเราก็แบบ ไปเอาชีวิตไปเอาเวลาของเขามาช่วงหนึ่ง แล้วเราก็ไม่ได้ดูแลเขาต่อ บางทีเราก็นึกเสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้นำพาเขาไปจนถึงที่สุด”

หลังจากนั้นยังต้องทำงานด้วยกัน?

“ใช่ อีกหลายเรื่องเลย มันก็ยากอยู่เพราะว่มันตัดไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่แอ็คชั่นเราก็ต้องกลับมาเป็นตัวละครให้ได้เหมือนเดิม เพราะเราเคยคุยกันแต่แรกแล้วว่าไม่ใช่เลิกกันแล้วไม่มองหน้ากัน คนเคยรักกันก็ต้องส่งเสริมช่วยกันต่อไป”

แล้วมีผลต่อความนิยมในความเป็นคู่ขวัญไหม?

"มันเป็นช่วงที่หนังไทยเปลี่ยนระบบพอดี จำได้เลยว่าเรื่องสุดท้ายที่ฉายคือ อำแดงเหมือนกับนายริด เลิกกันตอนครึ่งเรื่องพอดีเลย แล้วก็พอเรื่องนั้นฉายจากโรงหนังสแตนอโลนเขาก็ทุบโรงหนังทิ้งเลย แล้วก็เข้าไปอยู่ในห้างกันหมด หนังไทยก็เปลี่ยนยุคไปพอดี”

หลังจากนั้นใช้เวลานานขนาดไหนหว่าคนจะเข้าใจ?

“หลายปีเลย นอกจากความรู้สึกของเราก็ห่วงบริษัทด้วย ว่าจะเสียหายหรือเล่า แฟนคลับด้วย จนตัดสินใจว่าต้องไปบอกให้คนเขารู้ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็จะคิดว่ายังเป็นแฟนกันอยู่ จนต้องไปออกรายการบอกว่าเราเลิกกันแล้ว”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“แน็ก ชาลี“ คลั่งรักมาก ลุยจีบ ”กามิน“ ลั่นเกาหลีแค่ปากซอย

สปิริตแรง! “ทาทา ยัง” ป่วยแต่ใจสู้ ถอดสายน้ำเกลือขึ้นคอนเสิร์ต ร้องเต้นจัดเต็ม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0