โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ (Yaoi)

นิยาย Dek-D

อัพเดต 19 ก.ย 2566 เวลา 12.35 น. • เผยแพร่ 19 ก.ย 2566 เวลา 12.35 น. • Jinovel
นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ (Yaoi)
เมื่อวิญญาณของโม่จ้าน ตำรวจผู้ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจถูกรถชนตาย ทำให้วิญญาณล่องลอยเข้ามาในร่างราชาปีศาจ การเกิดใหม่ของโม่จ้านในร่างราชาปีศาจจะช่วยต่อลมหายใจหรือทำให้เขาตายทั้งเป็นกันแน่!

ข้อมูลเบื้องต้น

นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ (Yaoi)
เมื่อวิญญาณของโม่จ้าน ตำรวจผู้ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจถูกรถชนตาย ทำให้วิญญาณล่องลอยเข้ามาในร่างราชาปีศาจ การเกิดใหม่ของโม่จ้านในร่างราชาปีศาจจะช่วยต่อลมหายใจหรือทำให้เขาตายทั้งเป็นกันแน่!

เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ : Beijing Kinging Holdings Limited

ประพันธ์โดย : 双尾白龙

ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยถูกต้องโดย : Gly ever Co.,LTD (สนพ.กวีบุ๊ค)

ขณะที่ ‘โม่จ้าน’ กำลังเริ่มธุรกิจใหม่ ณ บ้านเกิด หลังจากคว้าน้ำเหลวมาทั้งชีวิต

ระหว่างกำลังเดินทางไปซื้อของเข้าร้าน โชคชะตาก็ดันเล่นตลก…

จู่ๆ เขาก็ถูกรถชนจนวิญญาณล่องลอยเพื่อมาเจอกับ..

วิญญาณจอมปีศาจที่ชะตาใกล้ขาด!

ราชาปีศาจกล่าวว่า "เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก ข้าเองก็ไม่มีเช่นกัน"

ความตายได้มาเยือนคราหนึ่งแล้ว… ทว่าเขาได้รับโอกาสให้เกิดใหม่

ก่อนที่จะมารู้ทีหลังว่าร่างใหม่ของเขานั้นกำลังจะถูกประหารชีวิต!

จริงอยู่ที่ว่ารสชาติของความตายมันไม่น่าอภิรมย์

แล้วรสชาติของการที่เขามาอยู่ในร่างของราชาเผ่าปีศาจ นักโทษประหารรอความตาย

มันน่าพิสมัยนักหรืออย่างไร!?

“…ข้าแค่อยากพิสูจน์ความรู้สึกที่มีต่อเจ้า— อื้อ อืม?!”

ไม่รอให้เขากล่าวจบ ทันใดนั้นก็ถูกราชาปีศาจที่เงยหน้าขึ้นประทับจูบแนบแน่น

ก่อนจะถูกคว้าหัวไหล่เอาไว้แล้วพลิกกายกดลงใต้ร่าง

ปีศาจร้ายใช้อำนาจบาตรใหญ่กำลังเลียริมฝีปาก เตรียมกอบโกยความสุขจากตนอย่างไม่นึกเกรงใจ ส่วนตนกลับสูญสิ้นเรี่ยวแรงในต่อต้าน

“…หากเจ้าต้องการพิสูจน์ ข้าไม่เพียงแต่รับเอาไว้ แต่ยังจะตอบแทนเจ้าเป็นสองเท่า สามเท่า

จงรับเอาไว้ให้ดีเถิดเจียนั่ว…”

ขอแนะนำนิยายสนุกๆ คัดสรรค์มาเพื่อคุณท่านโดยเฉพาะ
อยากอ่านเรื่องไหน จิ้มได้เลย <3

บทที่ 0 บทนำ

“…อุ๊บ…อุ๊บอึก….”

ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัดไร้สิ่งใดเปรียบ ภายในห้องขังใต้ดินของโบสถ์แห่งหนึ่งมีเสียงลมหายใจเจือความเจ็บปวดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
นาฬิกาแขวนภายในโถงประชุมใหญ่ชี้ไปยังเลขสอง ในเวลาเช่นนี้ อัศวินและเหล่าพระสังฆราชล้วนจมสู่ห่วงนิทราอันสุขสงบ ไม่อาจรับรู้ถึงการมีอยู่ของเงาร่างสูงใหญ่ทั้งสองร่างในห้องขังแต่อย่างใด
อ้อ ไม่สิ ถึงแม้จะมีคนเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่ก็ไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะภายในห้องเก็บเสียงได้ดีเสียจนน่าเหลือเชื่อ จึงไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากข้างในได้แม้แต่นิดเดียว

“พวกเราไม่มีทางปล่อยให้เสียงของปีศาจร้ายไปมอมเมาผู้ใดอีกแล้ว” พระสันตะปาปาผู้น่าเกรงขามกล่าวออกมาเช่นนี้

ภายในห้องขัง ร่างสูงที่ท่อนบนเปล่าเปลือยเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำลังสั่นเทาไม่หยุด เสียงครวญด้วยความเจ็บปวดดังลอดไรฟันที่ขบแน่น มือทั้งสองข้างถูกกุญแจเหล็กและโซ่เหล็กเส้นหนาตรึงแขวนไว้ด้านข้าง เท้าเปล่าเปลือยทั้งสองก็ถูกโซ่ตรวนตรึงไว้บนพื้นอย่างแน่นหนาไม่ต่างกัน เช่นนี้แม้จะมีร่างกายที่แข็งแรงกำยำ แต่ก็ยังคงไร้หนทางหลุดพ้นจากพันธนาการของเครื่องทรมาน

“จิ๊ เลือดของเผ่าปีศาจยังคงมีกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนเหมือนเดิม”

ผู้ที่อยู่ด้านหลังดมนิ้วมือเปียกชื้นของตนเองก่อนจะเช็ดมันลงบนชุดหรูหราปักดิ้นทอง

“อื้อ อึก อึก อึก…”

ก้อนผ้าสกปรกถูกยัดเข้าไปในปากของบุรุษร่างสูงใหญ่ ชายหนุ่มไม่อาจเอ่ยคำใด ทำได้เพียงเค้นเสียงครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ในลำคอ แสงเทียนมืดสลัวทอแสงคลุมเครือโบกพลิ้วไหวเป็นครั้งคราว อ่อนแสงราวกับสามารถมอดดับลงได้ภายในชั่วเสี้ยววินาที

เหนือหน้าผากของบุรุษร่างสูงใหญ่มีเขาขนาดใหญ่งอกออกมา ดวงตาทั้งสองข้างปิดปรือด้วยความทรมานและความเหนื่อยล้า ดวงตาสีแดงฉานส่องประกายสิ้นหวังระคนไม่ยินยอม ผิวกายสีเข้ม ทั้งร่างกายที่แข็งแรงกำยำ บ่งบอกว่าบุรุษผู้นี้คือ เผ่าปีศาจที่คนทั่วไปต่างหวาดกลัว

ส่วนบุรุษวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังสวมชุดคลุมตัวยาวสีขาวปักขอบสีทอง บนชายแขนเสื้อและคอเสื้อปักด้วยด้ายห้าสีเป็นลวดลายงดงามตระการตา ผ้าคลุมไหล่ปักแถบสีทองพาดอยู่บนบ่า ลายนกพิราบและกิ่งใบสมออันเป็นตัวแทนของสันติภาพและความรักใคร่ฉันมิตรช่วยขับให้ร่างทั้งร่างแลดูศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ่งใดเทียบเทียม อีกทั้งเหล่าผู้คนเมื่อได้เห็นเพียงรอยยิ้มอันเป็นมิตรของเขาก็ล้วนแล้วแต่พากันเคารพเลื่อมใสเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการของศาสนาโรมันคาทอลิกท่านนี้

ทว่าในยามนี้ใบหน้าของเขาเจือความหยามเหยียดพลางกดสายตาต่ำมองปีศาจเบื้องหน้า บนกายสั่นเทาของปีศาจเต็มไปด้วยร่องรอยของแส้และมีดทั้งเก่าและใหม่ ข้างกายยังมีอุปกรณ์ทารุณรูปร่างประหลาดจัดวางเรียงราย บางชิ้นถึงขั้นยังมีเลือดสดไหลหยดลงมา

“ไม่ได้กินอะไรมาสิบกว่าวันแล้วสินะ…คิดไม่ถึงว่าปณิธานของเจ้าจะแน่วแน่มากถึงเพียงนี้ แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีทางยอมปล่อยให้เจ้าตายไปทั้งเช่นนี้แน่”

บุรุษวัยกลางคนที่หน้าตาแลดูมีเมตตาอัธยาศัยดีมาแต่ไหนแต่ไร ในยามนี้กลับมีสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับวิญญาณร้ายจากขุมนรก สีหน้าที่ต้องการจะสังหารศัตรูที่เข่นฆ่าญาติมิตร

“ราชาเผ่าปีศาจผู้น่าเกรงขามกลับต้องมาขวัญหนีดีฝ่อเช่นนี้ เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”

เนื้อตัวของราชาปีศาจถูกทรมานจนเต็มไปด้วยบาดแผลทุกหนแห่ง จิตวิญญาณจวนจะแตกสลาย ภายในหัวเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรุนแรงจากทั้งทางกายและเวทมนตร์จนไม่อาจสนใจสิ่งอื่น บุรุษวัยกลางคนมองสภาพอ่อนแอของราชาปีศาจแล้วยกยิ้มด้วยความพอใจ

เสียงแส้ชวนหวาดหวั่นดังขึ้นอีกครั้งก่อนฟาดลงบนร่างอ่อนแรงของราชาปีศาจจนเกิดเป็นลายดอกโลหิตผลิบาน การทรมานอย่างไร้ปรานีกินเวลายาวนานกว่าสองชั่วโมง ราชาปีศาจผู้เจ็บปวดทรมานทำได้เพียงส่งเสียงร่ำไห้แผ่วเบาแทบไม่ได้ยินเพียงเท่านั้น

“เกลียดชังหรือไม่? แต่เวลาที่เหลือให้เจ้าได้รู้สึกเกลียดชังกลับมีไม่มากเสียแล้ว”

บุรุษวัยกลางคนสะบัดชายแขนเสื้อ เนื้อตัวราชาปีศาจจากที่น้ำตาหลั่งรินเป็นสายเลือดพลันแปรเปลี่ยนเป็นสะอาดสะอ้าน รอยแผลน้อยใหญ่ชวนสะพรึงบนกายเลือนหายไปจนสิ้น นอกจากร่างกายที่แลดูอ่อนแรงกว่าเดิม ก็คล้ายกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน ข้าก็จะจัดพิธีส่งเจ้าไปนรกแล้ว ขังเจ้ามาร่วมเดือนกว่า เมื่อคิดว่าภายหน้าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีก ข้ารู้สึกหักใจไม่ได้อยู่บ้างจริงๆ”

ร่างสูงใหญ่ถูกนำไปตรึงกางเขนอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างของราชาปีศาจไร้แสง ไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้อีกต่อไป

“เช่นนั้นก็ขอลาตลอดกาล ทาสปีศาจอันเป็นที่รัก”

บุรุษวัยกลางคนหันหลังเดินขึ้นบันได เขาผลักบานประตูสูงใหญ่ออกก่อนจะหันกลับมามองราชาปีศาจหนึ่งปราด ราชาปีศาจที่โดนดูถูกเหยียดหยามบัดนี้สูญสิ้นพละกำลังไปจนหมด ลำคอห้อยตกราวกับไร้ซึ่งลมหายใจ ทั้งยังถูกโซ่ตรวนพันธนาการอย่างแน่นหนา บุรุษวัยกลางคนเผยรอยยิ้มป่าเถื่อน จากนั้นโบกมือดับแสงเทียนพร้อมทั้งปิดบานประตูใหญ่อย่างแผ่วเบา

ในค่ำคืนอันเงียบสงบ ประชาชนที่ได้รับความคุ้มครองจากสันตะสำนัก [1] กำลังหลับสนิท ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความชั่วร้ายภายในห้องขังแม้แต่ผู้เดียว

ราชาปีศาจผู้อ่อนแรงฝืนประคองสติจากความเลือนราง ดวงตาพร่าเลือนที่ฉายแววทรมานระคนสิ้นหวังบังเกิดเศษเสี้ยวพลัง

ในที่สุด คล้ายกับราชาปีศาจจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว เขากัดฟันไอออกมาเป็นเลือดสีสดหนึ่งคำ ตามด้วยเรียกวงเวทย์ขึ้นเหนือศีรษะ สายวงเวทย์ทั้งเลือนรางและเล็กแคบ แสดงให้เห็นว่าราชาปีศาจอ่อนกำลังจนถึงขีดสุดแล้ว

ขณะมองวงเวทย์ที่ไม่มั่นคง ราชาปีศาจเผยยิ้มขมขื่นออกมา เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายย้ายวงแหวนเวทย์เข้ามาในศีรษะของตน หลังสิ้นแสงสว่างอันโชติช่วง ศีรษะของราชาปีศาจห้อยตกลงอีกครั้ง ลมหายใจค่อยๆ ขาดห้วงไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดนั้นอย่างสิ้นเชิง

……

ณ มณฑลหนึ่งในเมืองแห่งหนึ่ง ภายในตรอกแคบที่ไม่สะดุดตา

“ลูกพี่ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะครับ! พวกเรามีตาหามีแววไม่ ครั้งหน้าจะต้องหลบให้ห่างจากท่านแน่นอนครับ!”

บนใบหน้าของชายหนุ่มร่างเทอะทะฉายชัดถึงความหวาดกลัว เขาคุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนพื้น รอบกายยังมีคนกลุ่มหนึ่งนอนระเนระนาด บ้างร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด บ้างสลบไสลไม่ได้สติ นอกจากนั้นยังมีมีดปังตอเงาวับเล่มใหญ่อีกหลายเล่มหล่นอยู่บนพื้น

“ห๋า? ยังจะมีครั้งต่อไป?” บนใบหน้าของชายหนุ่มผมสั้นที่ยังคงหยัดยืนอยู่เพียงผู้เดียวเผยสีหน้า ‘คนกลุ่มนี้ไร้หนทางเยียวยาแล้ว’ จากนั้นหันไปเอ่ยกับเด็กหนุ่มร่างผอมที่ขดตัวด้วยความขลาดกลัวว่า “แจ้งตำรวจแล้วหรือยัง?”

“…อืม อืม!” เด็กหนุ่มที่สติยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพยักหน้าทันที หลังจากนั้นยังกล่าวขอบคุณก่อนจะวิ่งหนีไปราวกับสายลม

“ดูไม่ออกจริงๆ ว่าพี่จ้านจะมีฝีมือขนาดนี้ เมื่อก่อนไปทำอาชีพอะไรมาเหรอคะ?”

พนักงานบัญชีหญิงที่ยืนอยู่นอกตรอกเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดกับตา เธอคว้าแขนของชายหนุ่มเอาไว้พร้อมทั้งเผยสีหน้าตื่นเต้น

“…เลิกเรียกผมว่า ‘พี่จ้าน’ ได้ไหม ผมหงุดหงิด”

ชายหนุ่มแกะแขนของพนักงานบัญชีหญิงออกด้วยความเหนื่อยหน่าย จะว่าไปเธอคนนี้ก็จิตใจดี แต่ความสนใจใคร่รู้ดูจะมากเกินไปสักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรก็จะซักไซ้ให้ถึงที่สุด

“เชอะ เดิมทีฉันก็อายุน้อยกว่า แค่ภายนอกดูเป็นผู้ใหญ่กว่านิดหน่อยเอง”

จะแค่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่านิดหน่อยได้ยังไงกัน… ถ้าไม่บอกว่าเพิ่งจบปริญญาโทก็คงนึกว่าอายุสี่สิบไปแล้วด้วยซ้ำ พอถูกเรียกว่า ‘พี่’ คนอื่นจะไม่คิดว่าผมอายุห้าสิบไปแล้วงั้นเหรอ?

ชายหนุ่มหยิบใบรายการสินค้าค้างส่งที่อยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมาก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ พนักงานบัญชีหญิงหัวเราะเหอะๆ พร้อมกับตะโกนไล่หลังเขาว่า ‘พี่จ้านๆ ’

พระอาทิตย์เพิ่งย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงไม่นับว่าโหดร้ายนัก แต่เมื่อสาดแสงด้วยความลิงโลดก็ยังคงทำให้คนทนไม่ไหวอยู่ดี ชายหนุ่มกับพนักงานบัญชีหญิงรออยู่ใต้ต้นไม้มาครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็รอจนได้พบกับเจ้าหน้าที่ของคลังสินค้า หลังจากเปลืองน้ำลายต่อราคายกใหญ่ อีกฝ่ายรับใบสินค้าค้างส่งไปอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะจากไปอย่างวางก้าม

บนรถเมล์ ชายหนุ่มเอามือเท้าคาง สายตาทอดมองรถที่วิ่งผ่านด้านนอกหน้าต่าง พนักงานบัญชีหญิงมองชายหนุ่มแล้วถอนหายใจเสียงเบา

หลังทำงานร่วมกับชายหนุ่มมานานทำให้เธอรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มหมกมุ่นอีกครั้ง พี่จ้านคือรุ่นพี่ของเธอ เป็นเพื่อนร่วมชั้นปีกับสามีเธอ พวกเขาไม่กี่คนสนิทกันมาก เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยพี่จ้านเป็นคนขยันร่าเริงและมีความสามารถ คล้ายกับหลังจากไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศแล้วล้มเหลว ตอนกลับมาก็มีท่าทางหดหู่เศร้าซึมจนเปลี่ยนเป็นคนละคน อายุจวนจะสามสิบก็ยังไม่คิดจะหาแฟน

ตอนกินข้าวสามีบอกเรื่องพี่จ้านจะเปิดร้าน ดังนั้นเธอจึงขันอาสามาช่วยเหลือ หวังว่าความเอาใจใส่ของคนสนิทจะทำให้เขามีชีวิตชีวาขึ้นมา

ภายหลังถึงแม้พี่จ้านจะเริ่มพูดมากขึ้น หนำซ้ำยังพูดจาหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังเอาแต่นั่งเหม่ออยู่คนเดียวเสมอ ท่าทางดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ทุกครั้งที่ถึงเวลาแบบนี้ ความรู้สึกของเขาจะย่ำแย่มาก ชอบพูดอะไรที่ฟังดูหมดอาลัยตายอยากออกมา

เมื่อเห็นว่าพลังงานลบครั้งใหม่กำลังจะมาเยือน พนักงานบัญชีหญิงคลี่ยิ้มบอกว่าหิวแล้ว ประจวบเหมาะกับละแวกใกล้เคียงมีร้านแฮมเบอร์เกอร์ เธอบอกว่าตนจะเป็นเจ้ามือเอง ดังนั้นคนทั้งสองจึงพากันลงรถ พนักงานบัญชีหญิงเดินนำหน้ามาก่อนหนึ่งก้าว ทว่าชายหนุ่มกลับมัวแต่อ้อยอิ่งอยู่ด้านหลัง

เพราะถึงอย่างไรก็คือไฟเขียวหนึ่งนาทีครึ่ง จะรีบร้อนขนาดนั้นไปทำไมกัน

ชายหนุ่มรั้งอยู่ท้ายกลุ่มคน เขาทั้งเดินทั้งก้มหน้า ไม่ทันสังเกตเห็นรถสินค้าคันใหญ่ที่ฝ่าไฟแดงเข้ามาจากด้านข้างเลยแม้แต่น้อย

เชิงอรรถ

[1] สันตะสำนัก 教廷 สำนักงานบริหารศาสนจักรส่วนกลาง มีเขตอำนาจทั่วนครรัฐวาติกันและในบางอาสนวิหารนอกวาติกัน

----------------------

พลาดไม่ได้! อ่าน ‘นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ’
และนิยายจาก Jinovel ทั้งหมด ทุกเรื่อง ทุกตอน ไม่จำกัด
เพียง 99 บาท/ เดือน คลิกเลย > https://bit.ly/3TF2412

.

หากคุณท่านชอบนิยายเรื่องนี้ สามารถกดติดตาม
เพื่อรับการแจ้งเตือนตอนใหม่ๆได้ที่นี่เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <

.

ขอแนะนำนิยายสนุกๆ คัดสรรค์มาเพื่อคุณท่านโดยเฉพาะ
อยากอ่านเรื่องไหน จิ้มได้เลย <3

บทที่ 1 จากต้องตายกลับกลายเป็นต้องโทษประหาร

ร่างกายถูกรถยนต์พุ่งชนจนกระเด็นลอยขึ้นฟ้าภายในชั่วพริบตา สมองของโม่จ้านถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวโพลน

หากจะให้โม่จ้านใช้หนึ่งคำอธิบายชั่วชีวิตนี้ของตัวเอง นอกจากคำว่า ‘น่าเบื่อ’ ก็คงจะไม่มีคำอื่นอีกแล้ว นี่ถ้าหากพวกเพื่อนของเขาได้ยินเข้า ปฏิกิริยาตอบสนองแรกจะต้องเป็นการกระโจนเข้ามาเตะต่อยเขาสักหนึ่งยกเป็นแน่ --- เอ็งเคยแบกปืน เคยไปเรียนต่อต่างประเทศ เคยทำธุรกิจ ตอนอายุสามสิบก็ได้ลองผ่านประสบการณ์ที่คนอื่นไม่เคยพบเจอ ถ้าแบบนี้ยังเรียกว่าน่าเบื่อ แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าเร้าใจ?

แต่โม่จ้านกลับไม่ได้คิดแบบนั้น อันที่จริงเขาไม่มีความคิดเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก จำความได้ก็ต้องก้มหน้าก้มตาตรากตรำร่ำเรียน ท้ายที่สุดสอบเข้าโรงเรียนตำรวจที่ไม่ค่อยชอบนักตามความเห็นของคนในครอบครัว แม้จะฝืนใจเรียนจนจบมาได้ ทว่าตัวเขาที่มีทุนทรัพย์และความสามารถอันน้อยนิดกลับไม่พอใจในชีวิตรากหญ้าที่ต้องหากินไปวันๆ เพื่อรอวันตาย สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกถอยออกมา หลังจากนั้นไม่นานโม่จ้านที่เป็นคนหนุ่มไฟแรงก็ไปต่างประเทศ อาศัยความหนักเอาเบาสู้เข้าสู่วงการธุรกิจเป็นเวลาสามปี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่กว่าจะหาเงินอันน้อยนิดมาได้ ซ้ำร้ายกลับต้องมาเผชิญหน้ากับวิกฤตทางการเงิน จนแล้วจนรอดก็ต้องกลับประเทศมาตัวเปล่า

แม้ว่าคนในครอบครัวจะไม่พูดอะไร ทว่าเมื่อเห็นผลการเรียนที่สูงจนน่าตกใจของน้องชายและน้องสาวที่คลุกคลีอยู่ในวงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จนพอมีชื่อเสียงก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกไม่ดีไม่ได้ กระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อน โม่จ้านเพิ่งจะเปิดร้านเล็กๆ ภายใต้ความช่วยเหลือทางการเงินของคนในครอบครัว นับว่าได้สิ้นสุดชีวิตของคนว่างงานเสียที

สาเหตุการตายของโม่จ้านในครั้งนี้ คือ ระหว่างทางไปซื้อสินค้าเข้าร้านมีเรื่องหนักใจจนไม่ได้สังเกตถนนหนทาง ถูกรถบรรทุกสินค้าที่ฝ่าไฟแดงมาด้วยความเร็วสูงพุ่งชนจนกระเด็นไปหลายสิบหมี่[1]

ถ้าให้พูดตามตรง จนกระทั่งก่อนตาย สหายโม่ของพวกเราก็ยังหาจุดมุ่งหมายของตัวเองไม่เจอ ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงทิศทางของความเพียรพยายาม

โม่จ้านเผยยิ้มขมขื่นก่อนที่ร่างกายจะร่วงหล่นสู่พื้น จบเห่ไปทั้งอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ใช่หรือไง อย่างน้อยชาติหน้าก็คงไม่มีทางย่ำแย่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว หากชาติหน้ามีจริง เขาขอแค่หาเงินได้สักเล็กน้อยให้พอมีเงินเก็บและใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว ไม่ต้องมัวนั่งคิดหาเป้าหมายของชีวิตตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพราะด้วยดวงชะตาของตัวเขาแล้วนั้น คาดว่าคงจะไม่มีอะไรสำเร็จลุล่วงเลยสักอย่าง

…….

…………

………………

…ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ทำไมพอผมหลับตาลงเตรียมเผชิญหน้ากับสภาพไส้แตก วิญญาณหลุดออกจากร่าง กลับรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองผมอยู่?

โม่จ้านที่รู้สึกขนลุกอยู่ในใจกระอักกระอ่วนอยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจลืมตาขึ้นมา

“…แม่เจ้า คุณเป็นใครเนี่ย!”

ด้วยใบหน้าที่อยู่ใกล้กันในระยะประชิดทำให้โม่จ้านถึงกับสะดุ้งตกใจถอยหลังหนีโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะพบว่ารอบด้านนั้นมืดสนิท ร่างกายของเขามีลักษณะกึ่งโปร่งใสลอยอยู่กลางอากาศ ไม่รอให้ได้ตั้งตัวโม่จ้านก็ถูก ‘คน’ ตรงหน้าคว้าลำคอเอาไว้ทันที

ตาขาวถูกแทนที่ด้วยสีดำ นัยน์ตาเรียวรีสีแดงดั่งโลหิต ผิวสีน้ำตาลคล้ำ บนหน้าผากมีเขาหนาใหญ่งอโค้งชี้ฟ้า กล้ามเนื้อแข็งแรงกำยำ ตลอดจนหมอกควันสีดำที่ล้อมรอบทั้งกาย…

…คือราชาปีศาจใช่ไหม คงเป็นราชาปีศาจไม่ผิดแน่นอน คือราชาปีศาจที่สังหารผู้คนมากมายและบีบบังคับให้ตัวเอกแทบเอาชีวิตไม่รอดในนิยายแฟนตาซีฝั่งตะวันตกใช่หรือไม่! กลิ่นอายแบบนี้ รูปร่างแบบนี้ ความรู้สึกหวาดหวั่นแบบนี้ ต่อให้โรงเรียนสอนแต่งหน้าพัฒนาไปอีกหลายร้อยปีก็ไม่มีทางทำได้!

โม่จ้านที่เริ่มเปิดโหมดวิจารณ์รูปร่างโดยไม่ได้ตั้งใจรู้สึกผ่อนคลายลงทันที เป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ หากเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้น เมื่อมองวิญญาณลอยเบาหวิวของตน คงเป็นเพราะร่างกายประสบอุบัติเหตุเมื่อครู่จนเสียชีวิต แล้วตอนนี้ยังต้องโดนถูกฆ่าอีกรอบหรือ?

ให้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่อาจฟันธงซี้ซั้ว เพราะเดี๋ยวไม่ช้าก็เร็วมันจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมา

“เจ้ามนุษย์ เจ้าอยากตายอีกหนหนึ่งหรือไม่?”

น้ำเสียงดุจระฆังใหญ่ดังกังวานแทรกเข้ามาในวิญญาณ โม่จ้านถึงกับสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ตายอีกรอบ? หมายความว่ายังไง? วิญญาณดับสลายงั้นหรือ? ลางสังหรณ์ในตัวสัมผัสได้ถึงอันตรายรุนแรง ไม่ทันให้สหายโม่ของพวกเราได้คิดวิเคราะห์ความหมายแฝงในคำพูดนั้นอย่างรอบคอบ ร่างเปี่ยมกลิ่นอายกดดันตรงหน้าพลันพุ่งเข้ามาหาตัวเขา โม่จ้านถูกชนเต็มอกโดยไม่ทันตั้งตัว แต่กลับพบว่าร่างของทั้งสองฝ่ายต่างไม่ใช่ร่างจริง เป็นเพียงร่างกึ่งโปร่งใสที่ซ้อนทับเข้าด้วยกัน

ส่วนลึกในใจของโม่จ้านกำลังขับไล่คนแปลกหน้า อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า ‘สัมผัสอันใกล้ชิดสนิทสนม’ ของราชาปีศาจหน้าแปลก ความขุ่นเคืองหลอมรวมเป็นพลังวิญญาณพุ่งตรงไปยังสมองของฝ่ายตรงข้าม ทว่ากลับต้องหยุดชะงักกลางคันเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งของอีกฝ่าย

“เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก ข้าเองก็ไม่มีเช่นกัน…”

โม่จ้านได้แต่ขบคิดปัญหาหนึ่งก่อนจะหมดสติไป ทั้งๆ ที่ราชาปีศาจแม้จะอยู่ในร่างวิญญาณก็ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ทำไมในเสียงหอบหายใจหนักที่ตนได้ยินกลับสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าและ…สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดกัน?

คาดไม่ถึงว่าจะได้คำตอบรวดเร็วถึงเพียงนี้

ครั้นโม่จ้านลืมตาขึ้นก็ถูกภาพเบื้องหน้าทำให้ตะลึงงันเสียแล้ว

กำแพงเบื้องหน้าเต็มไปด้วยภาพแกะสลักลายนูน แม้ว่าแสงไฟเหนือศีรษะจะขมุกขมัวเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจปิดบังความประณีตที่การแกะสลักลายนูนทั่วไปไม่อาจเทียบได้ด้วยตาเปล่า ห้องเล็กคับแคบไร้ซึ่งหน้าต่าง มีเพียงบานประตูหนาใหญ่ฉาบทองชั้นดี บนบานประตูถูกวาดไว้ด้วยวงเวทย์สลับซับซ้อน

สหายโม่ขยับตัวบิดร่างกาย แต่กลับไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย แขนทั้งสองข้างถูกโซ่เหล็กเส้นหนาพันธนาการ ตรึงเฉียงขึ้นด้านบน ล็อกไว้กับหิ้งทรมานรูปตัว Y ทำจากโลหะ มีโซ่เหล็กพันรอบหน้าอกและต้นขาของเขาอย่างแน่นหนา ร่างสูงใหญ่ถูกตรึงให้ลอยอยู่ด้านบนอย่างมั่นคง กระทั่งข้อเท้าก็ถูกพันธนาการไว้เช่นเดียวกัน ทั่วทั้งห้องขังเป็นพื้นดินที่ยุบตัวลงไป ประตูอยู่เหนือพื้นดินประมาณครึ่งตัวคน บริเวณหน้าประตูก่อเป็นขั้นบันไดไล่ระดับลงมาด้านล่างตามขอบกำแพงเพื่อให้ผู้ที่เดินเข้ามาสามารถมาอยู่ตรงหน้าผู้ที่ถูกคุมขังได้

กระนั้นเมื่อก้มหน้าลงมองผิวสีเข้มของตน ผู้รักในการอ่านนวนิยายออนไลน์อย่างโม่จ้านได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา เห็นทีตัวเขาคงจะข้ามมิติมาแล้ว ไม่ใช่แค่ถูกบังคับให้ข้ามมิติ แต่ยังถูก ‘กำหนดเป้าหมายในการข้ามมิติ’ อีกด้วยซ้ำ

ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนอื่นข้ามมิติมาพร้อมกับดัชนีทองคำ [3] อย่างพวกระบบไม่ใช่เหรอ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรมีพรสวรรค์ทักษะเชี่ยวชาญสักหน่อย หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็ควรจะเป็นคุณชายผู้สืบทอดตระกูลหรือศิษย์ผู้สืบทอดสำนัก แล้วทำไมเขาถึงถูกขังอยู่ที่นี่ นอกจากนั้นยังถูกมัดเอาไว้อย่างแน่นหนาแบบนี้อีก?

ในนาทีที่สองหลังมาถึงโลกนี้ โม่จ้านค้นพบปัญหาอันใหญ่หลวงอีกอย่างคือ ตนไม่มีความทรงจำของร่างนี้ ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ร่างกายใหญ่โตขนาดนี้จะต้องเป็นราชาปีศาจตนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สถานการณ์ตรงหน้าในตอนนี้มันคืออะไรกัน? โม่จ้านพยายามสงบสติอารมณ์ลง ไม่บ่อยนักที่เขาจะเปิดโหมดใคร่ครวญเรื่องชีวิต ทว่ากลับถูกคนที่เปิดประตูเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

ตราเครื่องหมายพื้นแดงขอบทองและแถบผ้าแสดงให้เห็นว่าผู้มาเยือนคืออัศวินของคณะแห่งพระวิหาร [3] ผู้มีฐานะสูงส่ง กระบี่หนักกระทบกับหมวกเหล็กและเสื้อเกราะจนเกิดเป็นเสียงเสียดสี สายตาหยิ่งยโสที่มองมานั้นคล้ายกับไม่เห็นทุกสรรพสิ่งอยู่ในสายตา นอกจากนั้นของขวัญในการพบกันครั้งแรกที่ท่านอัศวินมอบให้โม่จ้านก็ยังไม่เป็นมิตรนัก นั่นคือมือที่สวมถุงเกราะหนักๆ ชกลงบนหน้าท้องไร้ซึ่งการป้องกันของราชาปีศาจอย่างรุนแรง โม่จ้านทำได้เพียงเกร็งร่างกายพลางกัดฟันอย่างอดทนกับความเจ็บปวดที่ได้รับอย่างกะทันหัน

“หากไม่ใช่เพราะคำสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปา ข้าก็อยากจะบั่นหัวตัวอัปลักษณ์เช่นเจ้าทิ้งเสียเดี๋ยวนี้! เพื่อจับเป็นเจ้า คณะแห่งพระวิหารต้องเสียกำลังคนไปกว่าครึ่ง บาปกรรมครั้งนี้ ต่อให้หั่นเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นก็ไม่อาจทดแทน!”

ไร้สาระ จับคนอื่นมาแล้วยังจะไม่ยอมให้ขัดขืนอีกหรืออย่างไร? โม่จ้านลอบวิจารณ์ในใจ เศษสวะอย่างพระสันตะปาปาเพื่อที่จะได้จับเป็นราชาปีศาจ ถึงขั้นยอมสละชีวิตสุนัขรับใช้ของตนไปกว่าครึ่ง ก็คงจะไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน

“เผ่าปีศาจกับเจ้า…มีความแค้นอะไรต่อกันงั้นรึ?” โม่จ้านพบว่าเสียงของเขาแหบพร่าผิดปกติ ลำคอแห้งผากถึงขีดสุด ประโยคแรกที่เอ่ยหลังจากข้ามมิติมาช่างทรมานถึงเพียงนี้ ทว่าท่านอัศวินกลับไม่คิดเมตตา เริ่มโต้กลับเสียงดังด้วยท่าทางถูกต้องเที่ยงธรรม “เดิมทีพวกเผ่าปีศาจที่นำพาภัยพิบัติและความชั่วร้ายมาสู่มวลมนุษย์นั้นไม่สมควรปรากฏบนโลกใบนี้! ในฐานะที่ข้าไหลเจ๋อเอ่อร์เป็นหนึ่งในกลุ่มอัศวินผู้คุ้มครองพระวิหารและประชาชน แน่นอนว่าจะต้องกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!”

พอกันที แม้แต่อัศวินก็ยังเป็นคนโง่หัวคร่ำครึที่ถูกคำสอนทางศาสนาน่ารำคาญล้างสมองไปอีกคน เห็นทีแล้วชีวิตเขาต่อจากนี้คงจะมีแต่ความทรมานให้ต้องเผชิญ โม่จ้านถอนหายใจหนึ่งเฮือก เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมรับความเจ็บปวดทรมานที่จะเกิดขึ้น

ทว่าท่านอัศวินกลับหยุดมือ ดวงตาสีทองอ่อนกดลงมองจากเบื้องหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคล้ายกำลังให้ทานราชาปีศาจผู้อ่อนแอ “จงซาบซึ้งใจเถิด อีกห้าวันให้หลังก็จะถึงพิธีตัดสินแล้ว ครานี้บรรดาผู้คนจะได้เห็นสมเด็จพระสันตะปาปาส่งเจ้าลงนรกด้วยตาของตนเอง ปีศาจชั่วร้ายเช่นเจ้าจักต้องถูกแสงศักดิ์สิทธิ์กลืนกินเท่านั้นจึงจะสามารถขจัดบาปที่เจ้าก่อเอาไว้ทั้งหมดได้”

…ให้ตายเถอะ!

เชิงอรรถ

[1] หมี่ 米 คือหน่วยวัดระยะ เท่ากับเมตร
[2] ดัชนีทองคำ金手指 หรือสูตรโกง เป็นคำที่เอาไว้ล้อไอเท็มโกงเหมือนติดแอ็กชันรีเพลย์ของพวกตัวละครเอก
[3] คณะแห่งพระวิหาร 圣堂骑士团 ทหารผู้ยากแห่งพระคริสต์และพระวิหารแห่งโซโลมอน (ละติน: Pauperes commilitones Christi Templique Solomonici) หรือที่รู้จักกันในชื่ออัศวินเทมพลาร์หรือคณะแห่งวิหาร (ฝรั่งเศส: Ordre du Temple หรือ Templiers) เป็นคณะทหารคริสเตียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด คือองค์กรที่คงอยู่เกือบสองศตวรรษในสมัยกลาง

----------------------

พลาดไม่ได้! อ่าน ‘นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ’
และนิยายจาก Jinovel ทั้งหมด ทุกเรื่อง ทุกตอน ไม่จำกัด
เพียง 99 บาท/ เดือน คลิกเลย > https://bit.ly/3TF2412

.

หากคุณท่านชอบนิยายเรื่องนี้ สามารถกดติดตาม
เพื่อรับการแจ้งเตือนตอนใหม่ๆได้ที่นี่เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <

.

ขอแนะนำนิยายสนุกๆ คัดสรรค์มาเพื่อคุณท่านโดยเฉพาะ
อยากอ่านเรื่องไหน จิ้มได้เลย <3

บทที่ 2 น้องชาย

หลังบานประตูหนักอึ้งถูกปิดลง ในใจของโม่จ้านเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายผสมปนเปกัน มิน่าทำไมวิญญาณเจ้าก้อน(สรรพนามในแบบฉบับโม่จ้าน) ราชาปีศาจตนนั้นถึงได้ถามเขาว่าอยากตายอีกรอบหรือไม่ ที่แท้เป็นเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย ต่างกันแค่จะตายตอนนี้หรืออีกห้าวันให้หลังเท่านั้น จริงอยู่ที่ว่ารสชาติของความตายมันไม่น่าอภิรมย์ แล้วรสชาติของการรอความตายมันน่าพิสมัยนักหรืออย่างไร?

ทว่าการที่ต้องถูกโซ่ตรวนเส้นใหญ่พันธนาการไว้ไม่ต่างกับปูขน ทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีอัศวินไร้สมองคนไหนเข้ามาทุบตีตนเองอีกเมื่อไหร่ หากเป็นเขาก็คงเลือกทำแบบเดียวกัน ยอมเดิมพันด้วยวิญญาณสักตั้ง แม้ว่าดวง วิญญาณจะต้องแตกสลายก็ดีกว่าทนถูกทรมานอยู่ที่นี่

ขณะที่โม่จ้านกำลังตำหนิติเตียนตนเองอยู่นั้น เสียงประตูถูกเปิดก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โม่จ้านถอนหายใจหนึ่งเฮือก ปิดเปลือกตาลงก่อนจะเริ่มทำตัวเป็นศพแข็งทื่อ

“ท่านพี่”

“……”

“ท่านพี่…”

โม่จ้านตอนนี้มิต่างกับภิกษุเฒ่าเข้าฌาน เอ่ยกับตนเองในใจด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ‘เมื่อใจสะอาด จิตเราย่อมสะอาดตาม’ ถือเสียว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ยินสิ่งใดเลยก็แล้วกัน

“ฮึกฮือ…ท่านพี่…” เสียงเล็กเจือเสียงสะอื้นไห้ของเด็กน้อยดังขึ้นอีกครั้ง

โม่จ้านเมื่อมั่นใจแล้วว่าเสียงที่ได้ยินไม่ใช่ภาพมายา จึงตัดสินใจเปิดเปลือกตาขึ้น ก็พบกับเด็กน้อยที่กำลังแหงนหน้ามองตนอยู่ตาแป๋ว

อันที่จริงตั้งแต่ยังเด็ก โม่จ้านมักไม่อาจรับมือกับการร้องไห้ของเด็กและผู้หญิงได้ ขอเพียงอีกฝ่ายร้องไห้ โม่จ้านที่คิดว่าตนเองเป็นบุรุษจิตใจเข้มแข็งก็มักจะลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ที่ไหน ซึ่งตอนนี้ดวงตาเป็นประกายชุ่มหยาดน้ำตาคู่นั้นของเด็กน้อยก็กำลังจ้องมองมายังตัวเขา โม่จ้านที่กายเปลี่ยน แต่วิญญาณไม่ได้เปลี่ยนถึงกับคอตั้ง ก่อนจะเบนหน้าหนีเพื่อกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วนในใจของตน

“ฮึกฮือฮือ…ท่านพี่…ท่านยังเกลียดข้าจริงๆ ด้วย…”

น้ำตาของเด็กน้อยไหลรินลงมาไม่ต่างกับลูกปัดสายขาด เด็กน้อยสะอื้นไห้พลางใช้ชายแขนเสื้อกว้างปาดหยาดน้ำตา รอยยิ้มขมขื่นประดับอยู่บนใบหน้าอันเศร้าหมอง

“นั่นสินะ ท่านพี่ถูกสันตะสำนักจับมาลงทัณฑ์ และข้าก็เป็นหนึ่งในคนของสันตะสำนัก หากท่านพี่จะเกลียดข้าก็นับว่าสมควร…”

โม่จ้านจนใจ ทำได้เพียงเบนหน้ากลับมามองเด็กน้อยที่ร้องไห้จนน้ำตาเปรอะเปื้อนใบหน้าอย่างจนปัญญา เด็กชายตัวน้อยที่ใบหน้ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมสวมชุดเครื่องแบบของสันตะสำนัก จีบผ้าบนหน้าอกและชายแขนเสื้อล้วนปักลายด้วยด้ายทองหรูหรา ทว่ายามนี้กลับถูกน้ำตาและน้ำมูกเปรอะเปื้อนจนยับยู่ยี่

โม่จ้านเห็นเด็กน้อยสูดจมูกด้วยท่าทางกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม แล้วนึกอยากเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า--- เขาต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมยิ่งกว่าเสียอีก! เขาไม่มีความทรงจำในอดีตของราชาปีศาจ เขาจำอะไรไม่ได้! ต่อให้มาหลอกว่าเป็นลูกชายเขา เขาก็ไม่รู้สักนิด!

เด็กน้อยเมื่อเห็นโม่จ้านก้มหน้าลงมองตน จากที่ร้องไห้ก็กลับกลายเป็นเผยยิ้มแล้วกอดเอวโม่จ้านเอาไว้ “ที่แท้ท่านพี่ก็ยังเชื่อข้า”

เชื่อแล้วมีประโยชน์อันใด เจ้าจะพาข้าออกไปจากที่นี่ได้หรืออย่างไร?

“หมีเอ๋อร์เพียงอยากจะอยู่กับท่านพี่ให้มากสักหน่อย” เด็กน้อยนั่งอิงต้นขาของโม่จ้านแล้วถอนหายใจเสียงเบา “เวทกาลักพลังปีศาจส่งผลร้ายต่อเผ่าปีศาจถึงเพียงนั้น จะต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่ แต่ข้ากลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง…”

“ท่านพี่ถูกใส่เครื่องจองจำวิญญาณและถูกกักขังไว้ในคุกนอกรีต ข้าได้ยินเหล่าอัศวินบอกว่าท่านพี่ขัดขืนรุนแรง กระทั่งสมเด็จพระสันตะปาปายังไร้หนทางทำให้ท่านพี่สงบลง…ตลอดหลายวันมานี้ท่านพี่ไม่มีกระทั่งเสียงร้อง ข้ายังคิดว่า ยังคิดว่า…”

เด็กน้อยเอ่ยไปเอ่ยมา น้ำตาก็เริ่มไหลรินออกมาอีกครั้ง

อดีตราชาปีศาจตนนี้น่าเวทนาถึงเพียงใดกัน…โม่จ้านลอบจุดเทียนไขให้ผู้อาวุโสในใจอย่างเงียบเชียบ เดิมทียังคิดอยากลูบหัวเด็กน้อย ทว่านอกจากลำคอ ร่างทั้งร่างของตนไม่มีส่วนใดขยับเขยื้อนได้เลยสักอย่าง ดังนั้นจึงทำได้เพียงปล่อยผ่านไป

“จองจำวิญญาณของเผ่าปีศาจ ภายหลังค่อยดูดกลืนพลังปีศาจไปทีละนิด ยามปกติพระสังฆราชเหล่านั้นคอยสอนสั่งให้ข้าใจคอกว้างขวางมีเมตตาอารี นึกไม่ถึงว่าลับหลังจะใช้วิชาโหดเหี้ยมเช่นนี้กับท่านพี่” เด็กน้อยกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือด แววตาฉายชัดถึงความเกลียดชังอันยากบรรยายเป็นคำพูด

สิ่งที่เจ้ายังไม่เคยพบเห็นมีมากมายนัก ในโลกก่อนหน้าที่สงบสุขถึงเพียงนั้น ยังมีการลอบใช้แผนการน่าสะอิดสะเอียน นับประสาอะไรกับที่นี่ โม่จ้านมองเด็กน้อยตรงหน้าก่อนเผยสีหน้าขมขื่นออกมาอย่างอดไม่ได้ ผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาทั้งยังมีนิสัยใจคอบุ่มบ่ามเช่นตนยังถูกเงินเดือนอันน้อยนิดนั่นลับความสามารถจนทื่อ

…เดี๋ยวสิ เหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ในเมื่อเป็นน้องชายของเขา แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นราชาปีศาจ แต่เด็กนั่นกลับเข้าสันตะสำนัก?

ทว่าสีหน้าแค้นเคืองของเด็กน้อยที่แสดงออกไม่เหมือนกับเสแสร้งแกล้งทำ ยิ่งไปกว่านั้นเด็กน้อยคนหนึ่งจะมาหลอกราชาปีศาจที่ใกล้จะตายทำไมกัน? ดูท่าแล้วความเป็นมาของเรื่องนี้คงจะสลับซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิด

โม่จ้านนึกอยากเอ่ยปากถาม ทว่าเมื่อคำพูดมาอยู่ที่ริมฝีปากกลับต้องถูกกลืนกลับลงไป — จะถามยังไง? ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แล้วพ่อกับแม่เล่าไปอยู่ที่ไหน?

ทันทีที่คำถามเหล่านี้หลุดออกไป เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะต้องสงสัยเขาเป็นแน่ หากรู้ว่าในร่างราชาปีศาจไม่ใช่วิญญาณดั้งเดิม เด็กน้อยจะถือมีดพุ่งเข้ามาเพื่อ ‘แก้แค้น’ ให้พี่ชายหรือไม่…

โม่จ้านรู้สึกอัดอั้นตันใจ อยากที่จะพูดบางอย่างแต่กลับต้องชะงักเอาไว้ ให้เขาไปแบกปืนสังหารศัตรูหรือขายของทำบัญชีอะไรก็ได้ แต่เขาไม่ถนัดเรื่องใช้ลูกไม้ เล่นสงครามประสาท หรือใช้คำพูดจาหว่านล้อมจริงๆ ! ยามนี้เวลานี้ โม่จ้านนึกเสียใจภายหลังเหลือเกินที่เมื่อชาติก่อนไม่ได้ดูละครการเมืองหรือบทละครในวังหลัง อย่างน้อยคงพอได้เรียนรู้วิธีการพูดจามาบ้างไม่มากก็น้อยใช่หรือไม่?

ความคิดยุ่งเหยิงตีพันกันในหัวอยู่หลายรอบ จนในที่สุดโม่จ้านก็ตัดสินใจเอ่ยปากออกไป

“…สถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” ในเมื่อกลัวว่าการถามแบบเจาะลึกจะเผยพิรุธ เช่นนั้นก็เอาไปแบบคลุมเครือเถอะ อย่างไรการถามออกไปแบบนี้ก็คงจะได้รับข่าวคราวที่เป็นประโยชน์กลับมาบ้าง

เด็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายจึงเงยหน้าขึ้นเผยสีหน้ายินดีระคนประหลาดใจ ก่อนจะโบกมือสื่อให้รอครู่หนึ่ง จากนั้นวิ่งหายออกไปข้างนอก ขณะที่โม่จ้านกำลังมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กน้อยก็ยกจอกน้ำชาวิ่งเข้ามา พยายามเขย่งปลายเท้าส่งไปจรดริมฝีปากของราชาปีศาจพร้อมทั้งเงยหน้าเอ่ยพึมพำเสียงเบา

“นี่คือน้ำชาที่เอามาจากในตัวเมืองเพื่อใช้รับแขก ข้าไม่กล้าเอาน้ำของสันตะสำนักให้ท่านพี่ดื่ม…”

น้ำรสหวานสดชื่นไหลผ่านลำคอแห้งผาก โม่จ้านรู้สึกซาบซึ้งใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา เหตุใดน้องชายจึงว่านอนสอนง่ายถึงเพียงนี้ เทียบกับน้องชายในชาติก่อน คนคนนั้นกลับชอบตีหน้าขรึมใส่ทุกคน วันทั้งวันเอาแต่เปิดปากพล่ามถึงเรื่องเงินเดือนไม่ก็เรื่องงาน?

“ได้ยินหัวหน้ากองอัศวินบอกว่าหลังจากพี่ใหญ่ถูกจับ ปู้ไหลเต๋อเจ้าคนทรยศได้ถูกเจี๋ยหลัวกับอามู่ไล่ต้อนไปจนถึงริมหน้าผา จากนั้นจึงกระโดดลงไปเพื่อฆ่าตัวตายแล้วขอรับ”

เด็กน้อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางกำจอกน้ำชาในมือแน่น กระทั่งข้อต่อกระดูกยังกำเข้าหากันจนเกิดเป็นรอยแดง

“คนผู้นั้นถึงตายก็ไม่อาจชดใช้บาปกรรมได้ ทั้งๆ ที่ท่านพี่เป็นคนคอยดูแลเขามาโดยตลอด กระทั่งทักษะการต่อสู้ ท่านพี่ก็ยังเป็นคนสอน นึกไม่ถึงว่าเขาจะเปิดโปงความลับต่อโถงพิพากษาในยามคับขัน”

“อีกทั้งยามนี้เผ่าปีศาจก็แทบจะสูญสิ้นหมดแล้ว…เฮ้อ เจี๋ยหลัวถูกกองอัศวินทำให้บาดเจ็บสาหัส จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ส่วนอามู่หนีไปทางฝั่งตะวันออก คาดว่าคงกำลังเร้นกายอยู่ในป่าแล้วกระมัง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นภูตความมืด เผ่าภูตน่าจะยอมรับเขา” หมีเอ่อร์ถอนหายใจอีกครั้ง “กองทัพทั้งสี่เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆ ของกองทัพที่สามที่หนีไปยังตรอกขี้เถ้า ส่วนคนอื่นๆ ข้าก็ไม่รู้แล้วเช่นกัน ทั้งยังไม่มีสิทธิ์รู้ด้วยขอรับ”

โม่จ้านลอบจดจำชื่อคนไม่กี่คนและสถานที่เอาไว้ในใจ จากนั้นจึงเอ่ยคำถามที่สองออกไป “…ระยะนี้ ข้างนอกมีเรื่องใหญ่อะไรหรือไม่?”

ยังไม่ทันเอ่ยคำสุดท้ายจบ ดวงตาของเด็กน้อยที่เพิ่งปาดน้ำตาออกก็เริ่มแดงก่ำอีกครั้ง “หลังจากพี่เกอลี้ย่าได้ยินว่าท่านถูกจับก็เอาแต่ร้องไห้และเก็บตัวอยู่ในบ้าน ข้าพยายามเกลี้ยกล่อมนาง แต่นางบอกว่า ‘เพราะพวกสัตว์เลิศเลอเช่นเจ้าทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบ’ ก่อนจะถีบข้าออกไปนอกประตู กว่าท่านป้าหากุญแจพบ นางก็ดื่มยาแปรธาตุปลิดชีพตนเองแล้ว”

เจ้าของร่างเดิมไม่ได้มีแค่แฟนสาว แต่แฟนสาวยังเป็นคนรักมั่น สหายโม่ผู้เป็นโสดมาสามสิบปีรู้สึกกลัดกลุ้มใจยิ่งนัก ประกายไฟแห่งความอิจฉาดวงเล็กของโม่จ้านลุกโชนขึ้นมา

“ฮือๆๆ ล้วนแต่เป็นความผิดของข้า ล้วนแต่เป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น!” เมื่อเห็นสีหน้าอึมครึมของพี่ชาย หมีเอ่อร์ก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม “หากมิใช่เพราะเมื่อสามปีก่อนข้าอยากเข้ามาเที่ยวเล่นในเมืองก็คงไม่ต้องบังเอิญพบพระสังฆราชเหล่านั้น ยิ่งไม่มีทางถูกจับมาเป็นพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสามอะไรนั่น สายเลือดของท่านพี่ก็คงไม่ถูกล่วงรู้เข้าเช่นกัน…ยามนี้ครอบครัวถูกทำลาย กระทั่งพี่เก๋อเหลยเกอหลี่ยังหายตัวไปด้วย…ฮึกฮือๆ…ฮือๆๆๆ”

โม่จ้านที่กำลังปวดหัวจะปลอบใจก็ไม่ได้ จะไม่ปลอบใจก็ไม่ได้ ถูกกวนใจจนในหัวกลายเป็นความยุ่งเหยิงอีกครั้ง ได้แต่หวังให้มีคนเข้ามาขัดจังหวะการร้องไห้ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ของเด็กน้อย

คล้ายเทพเซียนจะได้ยินเสียงวิงวอนของโม่จ้าน เสียงระฆังดังแผ่วจากด้านหลังบานประตูทำให้เด็กน้อยที่กำลังเอามือปิดดวงตาสะดุ้งตกใจ รีบปาดน้ำตาบนใบหน้าให้สะอาด จากนั้นเงยหน้าเอ่ยกับโม่จ้านว่า “ระฆังเปลี่ยนเวรยามดังขึ้นแล้ว หากยังไม่ยอมกลับไปพวกเขาจะสงสัยเอาได้ วันหลังหมีเอ่อร์จะมาอยู่เป็นเพื่อนท่านพี่อีกขอรับ”

เด็กน้อยวิ่งเหยาะขึ้นบันได จากนั้นใช้พลังมหาศาลดึงประตูใหญ่ฉาบทอง มิวายยังหันกลับมามองโม่จ้านอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ปิดบานประตูเข้าหากันอย่างอาลัยอาวรณ์

ด้านนอกช่องประตูสว่างไสวอย่างมาก คล้ายกับแสงเทียนส่องสว่างยิ่งกว่าแสงตะวัน ในขณะที่ห้องขังและโลกภายนอกถูกตัดขาดจากกันอีกครั้ง ในที่สุดโม่จ้านผู้เหน็ดเหนื่อยหัวใจก็ได้มีเวลาประมวลข่าวสารที่เพิ่งได้รับมา

ร่างกายของตนยามนี้คือราชาปีศาจไม่ผิดแน่ ถูกสันตะสำนักจับตัวมาไว้ที่นี่ อัศวินผู้นั้นบอกว่าอีกห้าวันให้หลังจะมีพิธีตัดสิน เวลาที่เหลือให้ตนมีไม่มากแล้วจริงๆ

‘เขาเป็นใคร’ และ ‘เขาอยู่ที่ไหน’ ได้รับคำอธิบายแล้ว ส่วน ‘ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น’ สามารถใช้สมองคิดเพิ่มเติมได้ว่า พี่น้องสามคน มีสองคนเข้ามาเที่ยวเล่นในเมือง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคนหนึ่งถึงเข้าสันตะสำนัก อีกคนกลายเป็นราชาปีศาจ หลังทั้งสองฝ่ายเริ่มทำสงครามทำให้คนทรยศอย่างปู้ไหลเต๋อหักหลังกองทัพปีศาจ น้องชายที่เหลืออยู่อีกคนหายตัวไป ผู้บัญชาการระดับสูงทั้งสองคน คนหนึ่งตาย คนหนึ่งหายสาบสูญ กองทัพทั้งสี่เหลือทหารเพียงน้อยนิดที่หนีรอดไปยังสถานที่ที่เรียกว่าตรอกขี้เถ้า คู่หมั้นสาวของราชาปีศาจคนก่อนยอมตายถวายความรัก ตอนนี้เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้

ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการหนีรอดของตัวเขาเลยสักนิด โม่จ้านเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าที่เป็นแค่ฝ้าเพดาน

คล้ายกับความรู้สึกของเด็กน้อยจะไม่ใช่เรื่องโกหก แต่คาดว่าคงจะอับจนหนทางเพราะสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ดูจากชื่อ ‘พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ลำดับสาม’ ก็เดาได้แปดส่วนแล้วว่าจะต้องมีลำดับหนึ่งลำดับสองอยู่เหนือกว่าเขา นอกจากนั้นเมื่อเป็นนักโทษถูกจองจำก็ต้องมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา เพียงสายโซ่เส้นใหญ่ไม่กี่เส้นที่พันธนาการอยู่ในยามนี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นแล้ว ราชาปีศาจคนก่อนจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนมากเป็นแน่ ทว่าท้ายที่สุดยังทำได้เพียงใช้วิญญาณแลกวิญญาณ มิน่าเล่าถึงได้บอกกับตนว่า ‘ตายอีกรอบ’

มีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ว่าอะไรสักอย่าง? ชีวิตก็เหมือนกับการข่มขืน ในเมื่อไม่อาจต่อต้าน เช่นนั้นก็จงเสพสุขเถิด? โม่จ้านคิดในใจ

ขอร้องล่ะ ให้เสพสุขจากการรอความตาย? มันจะไปเสพสุขได้อย่างไรกันเล่า…

แม้จะพูดเช่นนี้ ทว่าโม่จ้านกลับไม่ได้ผิดหวังมากนัก อีกทั้งวันนี้มีแต่เหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นมากมาย ทำให้นอกจากความรู้สึกเหนื่อยแล้วสหายโม่ของพวกเราก็ไม่รับรู้อะไรอีก เดิมทีชีวิตนี้ที่ควรจบสิ้นไปแล้ว ก็กลับกลายเป็นได้มีชีวิตต่ออีกห้าวันเพื่อทนรับความทรมาน เช่นนั้นอยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ

ชีวิตนั้นสำคัญ แต่การนอนสำคัญกว่า [1] หนังตาบนและล่างต่อยตีกันไม่ยอมหยุด ความง่วงงุนค่อยๆ เข้าครอบงำสติสัมปชัญญะของโม่จ้านไปทีละน้อย

เชิงอรรถ
[1] ชีวิตนั้นสำคัญ แต่การนอนสำคัญกว่า 生命诚可贵,睡眠价更高 ดัดแปลงมาจาก ชีวิตนั้นสำคัญ ความรักสำคัญยิ่งกว่า 生命诚可贵 爱情价更高

----------------------

พลาดไม่ได้! อ่าน ‘นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ’
และนิยายจาก Jinovel ทั้งหมด ทุกเรื่อง ทุกตอน ไม่จำกัด
เพียง 99 บาท/ เดือน คลิกเลย > https://bit.ly/3TF2412

.

หากคุณท่านชอบนิยายเรื่องนี้ สามารถกดติดตาม
เพื่อรับการแจ้งเตือนตอนใหม่ๆได้ที่นี่เลยค่า~ >/\<

> จิ้มตรงนี้เพื่อติดตาม <

.

ขอแนะนำนิยายสนุกๆ คัดสรรค์มาเพื่อคุณท่านโดยเฉพาะ
อยากอ่านเรื่องไหน จิ้มได้เลย <3

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น