ช่วงส่งท้ายปีที่อากาศเริ่มหนาวเย็น ดูเหมือนจะเป็นใจให้หลายๆ คู่เข้าสู่ประตูวิวาห์ เพราะนอกจากอากาศที่เป็นใจ ดูเหมือนว่าฤกษ์งามยามดีก็มารวมกันอยู่ในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน และเมื่อพูดถึงการแต่งงาน แน่นอนว่าเป็นงานรวมตัวเพื่อนฝูงคนสนิทญาติมิตรและอีกมากมาย เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทักทายและถามไถสารทุกข์สุกดิบไปจนถึงคำถามยอดฮิตเช่น… “เมื่อไหร่จะมีแฟน” หรือหากใครที่ควงแฟนออกงานก็อาจต้องเจอคำถามว่า “เมื่อไหร่จะแต่ง” ซึ่งหากฟังผ่านไปไม่คิดอะไรมากได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่บางทีคำถามเหล่านี้กลายเป็นแรงกดดันให้เกิดความอึดอัดไม่สบายใจ วันนี้เราได้รวบรวมเอาสารพัดเหตุผลที่อาจเป็นปัจจัยให้คู่รักบางคู่ที่คบกันมานานยังไม่ตัดสินใจแต่งงานกันสักที
1. ความพร้อมทางการเงิน
แค่คิดเรื่องงานแต่งที่ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ทุกอย่างล้วนเป็นเงินทั้งนั้น และด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ทำให้หลายๆ คู่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินกันไปก่อน ลำบากไปด้วยกันเพื่อความสุขในวันข้างหน้าไงล่ะ
2. มีอาการคล้ายจะ “กลัวฝน”
วัยรุ่นสมัยนี้อาจจะไม่เข้าใจคำนี้ นี่ไม่ได้หมายถึงฝนจริงๆ หรือผู้หญิงที่ชื่อฝนแต่อย่างใด แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เช่นการครองเรือนอย่างจริงจัง การคิดล่วงหน้าไปถึงการสร้างครอบครัว และการมีลูก เรียกว่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด แต่ก็ไม่อยากยุติความสัมพันธ์ จึงคบกันไปเรื่อยๆ ก่อน
3. มีความลับที่อยู่ในใจ
แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ แต่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีอยู่ไม่น้อยที่ในความสัมพันธ์ของบางคู่มีบางอย่างแอบแฝงเช่น ฝ่ายหนึ่งแอบคบซ้อน หรือยังสนุกกับการเที่ยวสนุกซุกซนตามสถานที่อโคจรต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของฐานะทางการเงินที่ฉาบไว้ไม่ใช่เนื้อแท้และกลัวอีกฝ่ายจะรับไม่ได้ และอีกมากมายที่เคยปกปิดไว้และยังไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องรับรู้
4. กลัวการหย่าร้าง
เป็นความจริงอันโหดร้ายที่การแต่งงานไม่ใช่ความสำเร็จสูงสุดของชีวิต หากแต่เป็นอีกก้าวหนึ่งของการใช้ชีวิตที่ย่อมมีทั้งคนที่สมหวัง และคนที่ผิดหวังต้องแยกทาง มีไม่น้อยที่เจ็บช้ำกับชีวิตคู่ที่เคยล้มเหลว จนกลัวการพาตัวเองกลับไปเจอจุดนั้นอีกครั้ง และเลือกที่จะไม่แต่งงานซ้ำอีก
5. “มันเลยจุดนั้นมาแล้ว”
สมัยนี้คู่รักบางคู่เลือกที่จะอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง ใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาจนเคยชินและมองข้ามพิธีกรรมอันยุ่งยากไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางคู่ที่อยู่กินด้วยกันจนความรักสุกงอมแล้วจัดงานเล็กๆ ไหว้ผู้ใหญ่ตามธรรมเนียม หรือจูงมือกันไปจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากโชคไม่เข้าข้างก็อาจจะกลายเป็นการอยู่ด้วยกันแบบสัญญาใจ ไม่มีหลักประกัน
6. ไม่เชื่อใน “ผัวเดียวเมียเดียว”
ประสบการณ์วัยเด็กมีส่วนไม่น้อย เด็กบางคนเคยเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีนักจนทำให้โตขึ้นมารู้สึกหมดศรัทธาในรักแท้ หรือไม่เชื่อว่าจะสามารถอยู่กับใครสักคนไปได้จนแก่เฒ่า จึงไม่ขอจริงจังกับใครเป็นดีที่สุด
7. มันก็แค่ “กระดาษแผ่นเดียว”
ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงไม่สิ้นสุด บางคนมองว่าการจดทะเบียนสมรสมันก็เป็นแค่ “กระดาษแผ่นเดียว” จะอยากได้ไปทำไม สิ่งสำคัญคือความรักที่มีต่อกัน เพราะถึงแม้ว่าจะจดทะเบียนสมรสแต่รั้งกายรั้งใจไว้ไม่ได้จะมีความหมายอะไร แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งนี่ยังมีความสำคัญอยู่อย่างมาก เพราะถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง “แค่กระดาษใบเดียว” น่าจะมอบให้กันได้ เพื่อความสบายใจของคนที่รักกัน
8. ยังมีความ รักสันโดษ
ขอเรียกคนกลุ่มนี้ว่ามี “โลกส่วนตัวสูง” และถึงแม้จะมีแฟนแล้ว แฟนของเขาหรือเจ้าหล่อน ก็ไม่สามารถข้ามกำแพงไปสู่โลกส่วนตัวนี่ได้ ดังนั้นการที่จะลงหลักปักฐานใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน จะต้องได้เจอทุกวัน เห็นกันเกือบตลอด 24ชั่วโมง จึงเป็นเรื่องที่แค่คิดก็เครียดแล้ว
9. กลัวงานแต่งไม่ได้ดั่งใจ
งานแต่งงานที่เป็นครั้งหนึ่งและมักจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ใครๆก็อยากให้ออกมาดีและมีที่ติให้น้อยที่สุด ยิ่งใครที่เป็นสายเพอร์เฟคชั่นนิสยิ่งไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดแม้แต่ข้อเดียว ดังนั้นการจัดงานแต่งงานที่เป็นอิเวนท์สำคัญจะต้องออกมาดีที่สุด และนั่นทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้สักทีว่าจะแต่งเมื่อไหร่ เพราะยังไม่มีอะไรถูกใจคุณเธอสักอย่าง
10. กลัวจุดอิ่มตัว
เป็นความกลัวที่เกิดจากการคิดจินตนาการไปล่วงหน้า หากชีวิตหลังแต่งงานที่มีแต่ความสุขจนเต็มอิ่ม กลายเป็นความเคยชินชาและน่าเบื่อ รู้สึกชีวิตอยากได้สีสันอันน่าตื่นเต้นตลอดเวลา นึกไปเองว่าการแต่งงานคือกุณแจที่จะไขประตูสู่ความสงบนิ่งของชีวิต เมื่อคิดไปแบบนี้ก็กลัวที่จะเบื่อจนต้องเลิกรา ดังนั้นจึงอยู่แบบเป็นแฟนกันไปแบบนี้ก็ดีแล้ว.. ขอบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป การแต่งงานคือการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต เชื่อเถอะว่าจะมีสิ่งท้าทายเข้ามาให้คุณได้ตื่นเต้นเรื่อยๆ เป็นแน่
11. คนนี้…ยังไม่ใช่
หากเป็นเหตุผลนี้ถือว่าคุณเข้าข่ายอำมหิตใช้ได้ ที่ดึงรั้งให้อีกฝ่ายเสียเวลาของเขาไปโดยไม่อาจทวงคืนกลับมา มันมีอยู่จริงกับการที่คบใครสักคนอยู่แล้ว แต่ก็ยังมองหาคนที่น่าจะดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฐานะที่เชื่อว่าตัวเองสามารถหาได้ดีกว่านี้ … ไม่รู้ว่าคนนี้เขา “ดีไม่พอ” หรือใครกันแน่ที่ “ไม่พอดี” หากคุณหรือเพื่อนของคุณกำลังมีความคิดนี้ ทางที่ดีควรปล่อยให้คนที่ยังไม่ใช่ ไปมีชีวิตของตัวเองดีกว่าเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย เพื่อคุณเองจะได้หา “คนที่ใช่” ได้อย่างเต็มที่ยังไงล่ะ
12. กลัวการมีเซ็กส์
ฟังดูอาจเป็นเรื่องขำขันแต่มันมีอยู่จริง คนที่ไม่นิยมการมีเซ็กส์ด้วยเหตุผลส่วนตัว อาจเพราะมีประสบการณ์แย่ๆ และเมื่อการแต่งงานเท่ากับการสร้างครอบครัวและยกระดับความสัมพันธ์ การหลีกเลี่ยงเซ็กส์จึงเป็นไปไม่ได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วจะแต่งไปทำไมให้ต้องอึดอัดล่ะ
เชื่อว่ายังมีอีกหลายเหตุผลมากมายที่ทำให้หลายคู่ที่คบกันนานแต่ก็ยังไม่มีวี่แววลั่นระฆังวิวาห์เสียที ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงของทั้งคู่จะเป็นอะไร คำตอบยอดฮิตที่ถูกใช้คือ “ยังไม่พร้อม” ซึ่งแน่นอนว่าหากได้ยินคำตอบนี้ คนที่ถามควรหยุดซักไซ้เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ทุกฝ่าย เอาเป็นว่าถ้าเขาจะแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวก็ได้รู้กันแน่นอน เตรียมเงินใส่ซองไว้แน่นๆ เลยดีก็แล้วกัน
ข้อมูลบางส่วนจาก buzzfeed.com
ความเห็น 31
คำว่าแต่งงาน ก็ต้องคู่คำว่า ครอบครัว
หลายๆคนเลยกลัวในความไม่พร้อมมากสุด
โดยเฉพาะเรื่อง ฐานะและการเงิน มาเป็นอันดับ 1
รองมาคือ ความเข้าใจกันมีรสรัก เสมอกัน
ถ้าไม่ใช่ก็ยาก
แต่อุปสรรคมากๆพอกันคือ การศึกษา อันเป็นเหตุให้คนคิดมากเกินจริง กลัวไปต่างๆ จนอายุล่วงเลยวัยเจริญพันธุ์ไป คนยิ่งมีการศึกษาสูงจึงมักเลือกที่จะอยู่คนเดียว ไม่สนใจคำว่า การดำรงเผ่าพันธุ์แต่อย่างใด
15 พ.ย. 2563 เวลา 03.06 น.
อย่าแต่ง..เอ้ย..ตกนรกชัดๆๆ555555
15 พ.ย. 2563 เวลา 02.46 น.
Pannaka🥝
อยากทดสอบถึงการอยู่คนเดียวว่าจะเป็นยังไงบ้างต่างหาก แล้วผลจากการทดสอบดีเกินคาด เลยอยู่แบบโสดๆดีฝ่าอ่ะจร้า😁😁😁
14 พ.ย. 2563 เวลา 23.05 น.
พร้อมทุกอย่างทั้งการงานการเงินอาชีพมั่นคงแน่นอนแต่แปลกตรงที่จีบใครไม่เคยติดซักคนหรือจะเป็นเพราะ...กรรมเก่า
15 พ.ย. 2563 เวลา 17.07 น.
Th
อ้ายพวกคิดเยอะ ก็รอขึ้นคานไป หรือไม่ก็เลี้ยงลูกตอนแก่ ชีวิตบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องคิดเยอะ นับถือคนสมัยก่อน อยู่กินกัน รักกันยาวนานจนแก่เฒ่า เด็กสมัยนี้มั่วกันจนไม่เหลือชิ้นดี ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
15 พ.ย. 2563 เวลา 02.37 น.
ดูทั้งหมด