'รถแห่' แรง โตสวนกระแส รากหญ้าฟุบ

*************************

สมรภูมิรถแห่ดนตรีสดยังแข่งขันกันดุเดือด จากข้อมูล "ชมรมรถแห่ดนตรีสดแห่งประเทศไทย" พบว่าในชั่วโมงนี้มีรถแห่ 356 คัน แยกเป็นภาคอีสาน 340 คัน และภาคอื่น 16 คัน

จุดขายของรถแห่ดนตรีสดคือ "เครื่องเสียงดี ดนตรีเด่น นักร้องดัง" ถ้ามีครบสูตรตามนี้ก็สามารถเรียกราคาให้สูงได้

รถแห่ดนตรีสดได้รับความนิยมในเวลาอันรวดเร็วเพราะเป็นสิ่งแปลกใหม่ในรูปแบบความบันเทิงเคลื่อนที่ รถแห่วิ่งไปได้รอบหมู่บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาตั้งเวที หรือปรับจูนเครื่องเสียง นักร้อง นักดนตรีพร้อมเล่นสดทันที ขอเพลงได้ ทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ เอาใจแฟนทุกกลุ่ม

ที่น่าสนใจร้อยละ 90 ของรถแห่ดนตรีสด จะติดตั้งเครื่องเสียงและตกแต่งแบบรถบัสที่บริษัท เอกซาวด์ ชัยภูมิ จำกัด และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เอกซาวด์จะปล่อย "โคตรรถแห่" ออกมาจากอู่เอกซาวด์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีนักลงทุนเลือกใช้รถบรรทุก 18 ล้อ มาทำรถแห่คอนเทนเนอร์

รถแห่คอนเทนเนอร์ กำลังต่ออยู่ที่เอกซาวด์

สมัยก่อนธุรกิจรถแห่ก็จะเริ่มต้นที่รถกระบะใส่เครื่องเสียง ไม่มีนักดนตรี ไม่มีนักร้อง ต่อมายกระดับเป็นรถหกล้อบรรทุกนักร้องนักดนตรีบรรเลงไปทั่วหมู่บ้าน จนมาถึงรถบรรทุกดัดแปลงหรือต่อแบบรถบัสที่มีการตกแต่งและติดตั้งเครื่องเสียงราคาชั้นดี

ปี 2540 ในยุทธจักรรถแห่ดนตรีมีการบันทึกไว้ว่ารถแห่ "ดาราทอง มิวสิค" ของคำนวณ ชูพงศ์ เป็นรถแห่ดนตรีสดวงแรกของภาคอีสานและมีสำนักงานอยู่ที่บ้านหนองตราดน้อย ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

ดาราทอง มิวสิค รถแห่คันแรกเมื่อปี 2540

ย้อนหลังไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว จึงมีการดัดแปลงและตกแต่งรถบรรทุก 6 ล้อเป็นรถแห่ดนตรีสด การลงทุน 1-3 ล้านบาทต่อคัน แต่ระยะหลังแข่งขันกันสูงต้องปรับปรุงรถแห่ทุกปี

เนื่องจากมีผู้ประกอบการหน้าใหม่ลงทุนตกแต่งสวยงามเหมือนต่อรถบัส และใช้เครื่องเสียงราคาแพง ต้นทุนก็ทะลุคันละ 3 ล้านบาทต่อคัน ถ้าเป็นรถสิบล้อหรือรถสิบแปดล้อ อาจต้องลงทุนถึง 5 ล้านบาทต่อคัน

วันนี้ ชมรมรถแห่ดนตรีสดแห่งประเทศไทย มี "หนิง ดาวเคียงเดือน" หรือ ทรงวุฒิ สะอิ้งรัมย์ เป็นประธาน ซึ่งตัวเขาจะเป็นผู้ประสานกับเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงอย่างท็อปไลน์ หรือแกรมมี่

ใบปอ รัตติยา นักร้องรถแห่ค่าตัวแพงที่สุดในประเทศไทย

ในจำนวนรถแห่ดนตรีสด 356 คัน แยกเป็นรถแห่บุรีรัมย์ 34 คัน รถแห่สุรินทร์ 30 คัน รถแห่ชัยภูมิ 67 คัน รถแห่ร้อยเอ็ด 36 คัน รถแห่นครราชสีมา 35 คัน รถแห่ขอนแก่น 43 คัน รถแห่มหาสารคาม 56 คัน รถแห่ศรีสะเกษ 14 คัน รถแห่อุดรธานี 18 คัน และรถแห่อุบลราชธานี 7 คัน นอกนั้นก็เป็นรถแห่ในภาคอื่นๆ อีก 16 คัน

รถแห่ดนตรีสดทั่วไปราคาค่าจ้างประมาณ 16,000-17,000 บาท ใช้เวลาแสดง 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกฎตายตัว และรับงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ยกเว้นรถแห่ดนตรีสด ที่มีนักร้องดัง ราคาค่าจ้างจะขยับเป็น 25,000 *บาท *

กรณีของราชินีรถแห่ "ใบปอ รัตติยา" ถ้าเจ้าภาพจะว่าจ้างในชั่วโมงนี้ก็ต้องคุยกันในราคาพิเศษเพราะ "ใบปอ รัตติยา" รับงานโชว์ตัวร้องเพลงกลางคืนคิวละ 40,000 บาท

"อดุลย์ เวียงดินดำ" รถแห่ซาวา อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ให้สัมภาษณ์ "เนชั่น" ศูนย์ข่าวภาคอีสานเกี่ยวกับกรณีที่ถูกฝ่ายปกครองและตำรวจห้ามรถแห่เปิดการแสดงว่า การแก้ไขปัญหาดีขึ้นเพราะทุกพื้นที่เปิดให้รับงานได้เนื่องจากก่อนเปิดงานแสดงแต่ละครั้งเจ้าภาพต้องไปขออนุญาตใช้เสียง และขอตำรวจมาดูแล ไม่อย่างนั้นรถแห่จะไม่สามารถไปแสดงได้

"ธุรกิจรถแห่ออกมากันเยอะมาก รุ่นใหม่ๆ ก็ลงทุนกันไปเยอะคันละ 3-4 ล้าน บางคนไม่ใช่ทำเป็นแค่รถบัสแล้ว ตอนนี้ออกมาเป็นตู้คอนเทนเนอร์เลยก็มี คาดว่า อีกไม่กี่ปีก็ถึงจุดอิ่มตัว เพราะยิ่งแข่งขันเยอะก็ตัดราคากันลง ทำให้ราคาต่ำ คนที่จะเดือดร้อนคือคนที่ลงทุนมากเป็นหนี้หาเงินจ่ายไม่ทัน" อดุลย์ กล่าว

ตลาดรถแห่ยังไปได้อีก

แหล่งข่าวในธุรกิจบันเทิงก็มีความเห็นไม่ต่างจากอดุลย์ เป็นเรื่องธรรมดาของวงจรธุรกิจ เมื่อมีรถแห่ออกมาจนล้นตลาด ประกอบกับปีนี้สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ เจ้าภาพจะว่าจ้างรถแห่ก็ต้องคำนึงถึงราคาค่าจ้าง แพงมากก็ไม่เอา

อีกด้านหนึ่ง อดุลย์มองว่า "รถแห่มันเหมือนโรงเรียนฝึกการแสดงดนตรี และเหมือนเวทีแสดงออกของน้องๆ นักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่ หลายคนได้เป็นศิลปินเพราะเป็นนักร้องรถแห่ก็เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น ใบปอ รัตติยา, เบียร์ พร้อมพงษ์, ออย แสงศิลป์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยแสดงและร้องเพลงบนรถแห่ทั้งนั้น"

สงกรานต์นี้คงได้เห็นโคตรรถแห่คอนเทนเนอร์ 18 ล้อ ออกมาอาละวาดในตลาดรถแห่ดนตรีสด

***************************