ข้อมูลเบื้องต้น
#ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง
OPEN :: 07.09.2023
CLOSE :: 07.10.2023
=*=*=*=*=*=*=*=*=*=*=*=
เพราะเธอรู้สึกเบื่อกับงานที่ทำอยู่ จึงเริ่มมองหางานใหม่ ๆ ทำ
โชคชะตากลับส่งให้เธอได้เข้าไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับลูกชายของนักธุรกิจหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวเล็กสาวใหญ่
แต่เธอจะไม่ตกใจเลยสักนิดหากลูกชายเจ้านายเธอนั้น
ไม่ได้เรียกเธอว่า "แม่"
=*=*=*=*=*=*=*=*=*=*=*=
เรื่องนี้ไม่มีเซ็ตนะคะ อาจจะแวบๆ ไปหายัยจี้เล็กน้อย แต่โดยรวมเป็นเรื่องแยกเลยค่ะ
ฝากทุกคนเอ็นดูเด็กๆกันด้วยนะคะ เด็กน้อยน่ารักมากเลยค่ะ ช่างพูดช่างจาเหลือเกิน
ฝากกดหัวใจและคอมเมนต์ด้วยนะคะ ช่วงนี้ไม่ได้ตอบคอมเมนต์แต่อ่านตลอดเลยค่ะ
ขอให้สนุกนะคะ
_
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 1
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 1
ใจกลางเมืองที่เต็มไปที่รถหรูและตึกสูงใหญ่ การจราจรนั้นแสนติดขัดแต่กลับเป็นแหล่งที่สร้างเม็ดเงินให้กับเจ้าของร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียด เฟิร์ส หรือคนทั่วไปมักจะรู้จักเขาในนาม คุณนิธิส พาทิศ ลุคซ์ หนุ่มลูกครึ่งที่ได้รับตำแหน่งผู้บริหารไฟแรงหลายปีซ้อน จากการบริหารงานที่เฉียบขาดทำให้นักธุรกิจหลายต่อหลายคนสนใจที่จะเข้าร่วมด้วย แต่ก็เป็นเรื่องยากเมื่อนิธิสนั้นไม่ได้สนใจที่จะร่วมลงทุนกับใคร เพราะนอกจากโรงแรมทั้ง 28 สาขาทั่วโลก เขายังต้องดูแลสนามแข่งรถที่อยู่ฝั่งยุโรปอีกสามแห่ง เพียงแค่นี้ชีวิตเขาก็วุ่นวายมากพอแล้ว
“ผลประกอบการจากฝั่งภูเก็ตครับนาย” แฟ้มเอกสารเล่มโตถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้า คนที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงทำหน้านิ่ง ๆ คล้ายกับคนไร้ความรู้สึก และนั่นยิ่งทำให้พนักงานกลัวเขาจนไม่กล้าสบตา แต่ก็ยังมีคนที่ใจกล้าเข้าหาอย่างเปิดเผย แต่นอกจากจะไม่สมหวังแล้วยังต้องหางานใหม่เพิ่มเติมเพราะคนอย่างเขาเบื่อคนที่คอยเอาแต่เข้าหาเพื่อผลประโยชน์ ทำให้ตอนนี้เขาเป็นพ่อหม้ายลูกติดที่ฮอตที่สุดในตอนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“อย่าลืมไปรับ เติร์ด” เติร์ดที่ถูกเอ่ยถึงเป็นเพียงเด็กชายอายุ 7 ขวบ ที่อยู่ในวัยซุกซนแต่บางครั้งก็เหมือนจะโตมากกว่าวัยอยู่มากเพราะการบ่มเพาะของผู้เป็นพ่อ ทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกันพร้อมกับคนงานอีก 5 ชีวิต โดยไร้เงาของผู้เป็นมารดาของเด็กน้อย
“ครับนาย ผมสั่งคนขับรถไว้แล้วครับ” เลขาหนุ่มที่ทำงานมาด้วยกันเอ่ยแจ้งผู้เป็นเจ้านายอย่างรู้ใจ สิ้นประโยคสนทนาภายในห้องประชุมก็กลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อเจ้านายกำลังใช้สมาธิอ่านเอกสาร
“สาขาภูเก็ตรายงานต่อเลย”
จากนั้นการประชุมที่น่าอึดอัดก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงใช้เวลาในห้องประชุมนานเกินครึ่งวัน ประชุมเสร็จเขาก็ยังมีนัดกับลูกค้าเพื่อเจรจาซื้อขายที่ดินที่อยากได้ หากเจ้าของที่ดินผืนนั้นไม่ลีลาอยากเจอเขาลูกน้องของเขาคงจัดการซื้อมันมาได้นานแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาไปมากขนาดนี้
“คืนนี้ไปดื่มกันต่อไหมคะ?” ร่างเล็กที่สวมชุดแนบเนื้อกำลังโชว์สัดส่วนที่อวบอิ่มของเธอภูมิใจ ทั้งยังบดเบียดร่างกายเข้าหาร่างสูงอย่างเย้ายวน เขามาตามนัดตั้งหลายนาทีแต่ยังไม่มีวี่แววที่จะได้คุยเรื่องการซื้อขายเลยสักนิด ตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเกินจะทนไหวแล้วเช่นเดียวกัน
“ผมว่าเรารีบคุยงานข้อเจรจาดีกว่านะครับ” คนถูกยั่วยวนเอ่ยบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดใจ
“แหม ใจร้อนจังเลยนะคะ ใจเย็น ๆ แล้วดื่มกันสักนิดดีไหม?” ปลายนิ้วที่เคลือบสีแดงสดกรีดตามแผ่นอกกว้าง ทั้งยังหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับเจ้าของแผ่นอกอุ่นอย่างยั่วยวน
“…” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่ยื่นมือไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับคนข้าง ๆ และดื่มอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คุณนิธิสอยากมีคนคลายเหงาไหมคะ คืนนี้ลีออนว่างอยู่…” เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็ต้องตกใจเมื่อร่างสูงขยับลุกขึ้นยืนปรายตามองเจ้าของร่างเล็กที่ยังมีทีท่าตกใจ ชายหนุ่มเรียกเลขาเข้ามาจัดการค่าใช้จ่ายก่อนจะเดินออกจากบริเวณนี้ไปทันที ไม่สนใจเสียงเรียกชื่อตัวเองที่ดังตามหลังนั้นมาเลยสักนิด
“เจ้านายครับ เรื่องที่ดิน…”
“ไม่เอา หาที่ใหม่ ลีลาพูดไม่พูดเรื่อง เสียเวลา” คนที่มีอารมณ์หงุดหงิดเอ่ยบอกเลขาเสียงขุ่น เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนรถได้ ก็สั่งคนขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้มีคนตัวเล็กกำลังรอเขาอยู่ทันที แม้จะล่วงเลยเวลากินมื้อเย็นแล้วแต่เด็กตัวน้อยก็มักจะนั่งรอผู้เป็นพ่อตัวเองด้วยความตั้งใจ
ใช้เวลาไม่นานรถคันหรูก็เคลื่อนเข้ามาหยุดจอดบริเวณหน้าบ้านที่ถูกเปิดไฟเอาไว้เพิ่มความสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถก็มีเด็กน้อยวิ่งเข้ามากอดขาด้วยความคิดถึง
“กินข้าวหรือยัง?” ชายหนุ่มที่น่ากลัวสำหรับคนภายนอกเอ่ยถามลูกชายเสียงนุ่มนวล ทั้งยังย่อตัวลงเพื่ออุ้มลูกชายไว้อย่างหวงแหน คนตัวเล็กใช้สองแขนโอบรอบคอผู้เป็นพ่อและเอ่ยตอบคำถามอย่างดีใจ
“กินแล้วครับ มีไก่ทอดที่พี่เติร์ดชอบด้วยนะ แต่ป้าบอกว่าพ่อทำงานเลยมากินด้วยไม่ทัน” เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อน้ำเสียงฉะฉาน ใบหน้าเล็กที่ถอดแบบมาจากเขาหนึ่งส่วนจากผู้เป็นแม่เด็กอีกหนึ่งส่วน นับได้ว่าเป็นลูกเสี้ยวที่หน้าตาดีไม่น้อย
พ่อหน้าตาดี แม่มีดีกรีเป็นถึงนางแบบจะไม่ให้ลูกหน้าตาดีก็กระไรอยู่
“แล้วไปเรียนเป็นยังไงบ้าง” เอ่ยถามลูกชายต่อพร้อมกับอุ้มลูกเดินเข้าบ้านท่ามกลางสายตาเอ็นดูของเหล่าคนงานที่ออกมาต้อนรับเขาดังเช่นวันก่อน ๆ แต่ลูกชายเขาน่ะโตแค่ไหนก็ชอบให้พ่ออุ้มอยู่เรื่อย ๆ สินะ
“ไม่ค่อยชอบเลย ทุกคนมองพี่เติร์ดแปลก ๆ”
“หือ? ยังไง”
“ก็ทุกคนมองพี่เติร์ดแล้วยิ้มแปลก ๆ พี่เติร์ดกลัว”
“หล่อเกินไปหรือเปล่า คนเลยมองเยอะ” ชายหนุ่มแกล้งแซวลูกชาย
“เฮ้อ อยากหล่อน้อย ๆ จังเลยครับ คนจะได้ไม่มอง”
เสียงสนทนาของสองพ่อลูก เรียกรอยยิ้มจากคนงานที่รอรับอยู่ไม่น้อย มักเป็นที่คุ้นชินกันไปเสียแล้วสำหรับสองพ่อลูกที่มักจะพูดคุยกันแบบนี้ แต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณนิธิสนั้น ไม่เอาใครเลยนอกจากผู้เป็นพ่อ พี่เลี้ยงกี่คนก็เอาไม่อยู่ เปลี่ยนพี่เลี้ยงทุกเดือน หากมีพี่เลี้ยงเข้ามาทีไร เด็กน้อยน่ารักจะกลายร่างเป็นเด็กดื้อทันที และไม่มีใครหยุดได้เลยนอกจากผู้เป็นพ่อ
เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องหนักใจของคนงานในบ้าน แม้ตอนที่ไม่มีพี่เลี้ยงคุณหนูเติร์ดของพวกเธอจะไม่ได้ดื้อหรือซน แต่ในบางครั้งที่พ่อเจ้าตัวไม่อยู่ เด็กน้อยก็งอแงไม่เอาใครทั้งนั้น ทำให้พวกเธอลำบากใจอยู่ไม่น้อย เมื่อไหร่คุณนิธิสจะหาพี่เลี้ยงคนใหม่ให้คุณหนูพวกเธอได้นะ เหล่าคนงานได้แต่ขบคิดอยู่ภายในใจด้วยความสงสารคุณหนูตัวเอง
====
เปิดตอนแรก เฮงๆ ปังๆ คร้าบบบบ
ฝากคอมเมนต์กดหัวใจด้วยนะคะ _
เรื่องนี้เค้าชอบมากเลยค่ะ ตื่นเต้นมากๆ
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 2
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 2
อีกด้านหนึ่ง
ที่ท้องถนนคลาคล่ำไปด้วยรถ ริมถนนมีร้านค้า ร้านขายอาหารวางเรียงรายสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกำลังเดินเลือกร้านอาหารที่น่ากินอย่างตั้งใจ ข้างกายเธอนั้นมีเพื่อนสนิทเดินมาด้วยถัดไปด้านหลังเป็นแฟนของเพื่อนเธอที่ทำหน้านิ่งอยู่เสียทุกครั้งเวลาที่มีโอกาสเจอกัน
“กินนี่ไหม แจ่วฮ้อน” เมื่อมีร้านที่สนใจก็หันกลับไปถามความคิดเห็นเพื่อนสนิท
“เอาสิ หิวมากตอนนี้ร้านไหนก็ได้อะ”
“งั้นก็ไปกัน หิวเหมือนกัน” คนตัวเล็กเดินนำเพื่อนเข้าไปในร้านที่ถูกตกแต่งสไตล์อีสาน คนในร้านเยอะมากหญิงสาวแอบกังวลภายในใจกลัวจะไม่มีโต๊ะว่างให้เธอกับเพื่อน
“กี่คนคะ” กระทั่งมีพนักงานเดินออกมาต้อนรับ
“สามคนค่ะ”
“มีซุ้มนั่งด้านนอกค่ะลูกค้า คุณค้าจะนั่งเลยไหมคะ?” พนักงานถามความคิดเห็น แน่นอนว่าเธอไม่ได้เรื่องมากอยู่แล้ว
“เอาค่ะ” เพราะหิวจนเลือกอะไรไม่ได้แล้วต่างหาก เมื่อทุกคนนั่งลงที่เก้าอี้ ก็สั่งอาหารที่อยากกินมาเสียหลายอย่างรวมถึงชุดแจ่วฮ้อนเมนูขึ้นชื่อของที่ร้าน
“อ้าย แกจะรับงานแปลเพิ่มไหม?” มะลิเพื่อนสนิทเอ่ยถามกับหญิงสาวที่ตื่นตาตื่นใจกับเมนูอาหารไม่หยุดเสียที
“อะไรนะลิ” คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยความสงสัยพร้อมกับส่งยิ้มอ้อน ๆ ให้เพื่อน ก็แน่ล่ะประโยคเมื่อกี้ไม่ได้เข้าหัวเธอเลยสักนิดเดียว
“แกนี่นะ งานแปลจะรับเพิ่มไหม” มะลิถามย้ำ มือก็ยื่นไปหยิบน้ำอัดลมเทใส่แก้วให้แฟนหนุ่มเมื่อเห็นว่าแฟนเธอนั้นดื่มน้ำไปเสียอึกใหญ่
“เสร็จงานนี้จะหยุดก่อนน่ะ เบื่อยังไงไม่รู้” อ้าย หรือ อ้ายเหริน เฟย หญิงสาวที่ทำงานฟรีแลนซ์รับแปลงานตั้งแต่เรียนจบ ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็กแม้จะมีธุรกิจมากมายของครอบครัวแต่เธอนั้นก็ไม่ได้สนใจและไม่คิดที่จะกลับเข้าไปยุ่ง เมื่อหนีจากความวุ่นวายนั้นได้เธอก็ขออยู่แบบนี้ต่อไปเสียยังดีกว่า
“เบื่อ? ยังไง” มะลิถามเพื่อนต่อด้วยความสงสัย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเพื่อนพูดคำว่าเบื่อ ปกติงานแปลเป็นงานที่เพื่อนชอบมากแล้วยังทำออกมาได้ดีแต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะเบื่อ
“ไม่ใช่เบื่องานนะ แต่เบื่อที่ทำอะไรเดิม ๆ แบบนั้นน่ะ แต่ถามว่ายังทำได้ไหม ฉันทำได้แต่มันก็เอื่อย ๆ หน่อย” หญิงสามเอ่ยตอบคำถามเพื่อน
“เหนื่อยหรือเปล่าอาการแบบนี้น่ะ” มะลิยังชวนเพื่อนสาวอย่างอ้ายเหรินคุยต่อ กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟ ทั้งสามถึงได้เริ่มลงมือกินข้าวและได้พูดคุยกันมากยิ่งขึ้น เพราะอาหารที่มีรสจัดทำให้สองสาวเอ็นจอยอยู่ไม่น้อย ต่างจากชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่กินได้เพียงอาหารรสอ่อน ๆ เพราะเพิ่งจะหายป่วยแฟนของเขาเลยสั่งกับข้าวอ่อน ๆ มาให้แทน
“เอาไว้เสร็จงานนี้แกก็ค่อยพัก แต่ถ้ามีงานที่ลูกค้าต้องการแก ฉันจะบอกแกอีกทีแบบนั้นดีไหม?”
“ดี ๆ ฉันน่ะอยากพักสายตาด้วย ช่วงนี้จ้องคอมนานแสบตาและเมื่อยตามาก”
“งั้นก็ถือเสียว่าพักผ่อนไปด้วยแล้วกัน”
“ที่รัก สั่งอย่างอื่นเพิ่มไหม อิ่มหรือเปล่า” มะลิหันกลับไปถามแฟนหนุ่ม นั่งจึงทำให้อ้ายเหรินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดตอบข้อความของเหล่าพี่ชายที่ส่งข้อความมาหาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน แต่เธอก็ไม่ได้ตอบในทันทีเพราะยังคุยกับเพื่อนไม่เสร็จ ตอบคนนี้หวังว่าจะไม่โดนดุอะไรนะ
อยากรวย (3)
Han F.
อ้าย อยู่ไหน เฮียโทรหาไม่ยอมรับสาย
Hai F.
น้องทำงานอยู่หรือเปล่า
Han F.
ไม่น่าใช่ เพราะเวลานี้น้องไม่ทำงาน
เดี๋ยวโทรหาก่อน
Hai F.
เป็นไง ถ้าไม่รับเฮียส่งคนไปหาแล้วนะ
Airen
ใจเย็นหนุ่มๆ
Hai F.
ไปไหนมา เฮียโทรก็ไม่รับ
Airen
ออกมากินข้าวกับมะลิ
เฮียมีอะไรเหรอ?
Han F.
เฮียมีหนึ่งเรื่อง
Hai F.
เฮียเองก็หนึ่ง
Airen
ว่ามาเลยน้องพร้อมแล้ว
Hai F.
ปู่ให้กลับจีน
Han F.
ปู่บอกให้กลับจีน
Airen
หนูไม่อยากกลับ
หนูไม่อยากเจอคนพวกนั้น
Han F.
แต่ใกล้วันครบรอบแม่แล้วนะ
ป๊าเองก็อยากให้มา
Airen
55555555555555
เขาน่ะเหรออยากให้หนูกลับไป
ไปหลอกคนอื่นเถอะค่ะ
หนูไม่กลับไป
วันครบรอบแม่หนูจะทำบุญให้แม่ที่นี่เอง
ส่วนปู่ เดี๋ยวหนูคุยกับปู่เอง
Han F.
ป๊าอยากเจอจริงๆ นะอ้าย
ลดทิฐิลงบ้าง ป๊าง้อเรามาหลายปีแล้วนะ
Hai F.
หานหยุดพิมพ์
Han F.
ทำไมวะเฮีย ก็น้องมันเอาแต่หนี
ป๊ายอมให้ตั้งเท่าไหร่
แค่เขาแต่งงานใหม่ก็ต้องโกรธจนลำบากคนอื่นแบบนี้เลยเหรอ
Hai F.
หาน!! เฮียบอกให้หยุดไงวะ!
Airen
ถ้างั้นก็ขอโทษด้วยแล้วกันนะคะ ที่ทำให้ลำบาก
แต่หนูเองก็ไม่พอใจเหมือนกัน
แม่หนูเสียไม่นานเขาก็แต่งผู้หญิงใหม่เข้ามา
ถ้าต่างคนต่างอยู่จะไม่อะไรเลย
แต่ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่พูด
ว่าทำไมหนูไม่ตายไปพร้อมกับแม่
ก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อนักหรอก
ถ้าอยู่ต่อแล้วทำให้คนอื่นลำบากแบบนี้น่ะ
น่าจะตายๆ ไปเลยก็ดีทุกคนถึงจะดีใจ
Han F.
อ้าย ใจเย็นๆ เดี๋ยวเฮียรีบบินไปหา
Airen
ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องมา
ไม่ได้อยากเจอ
Hai F.
อ้าย เฮียขอโทษ
เดี๋ยวเฮียรีบไปหานะ
Airen
ไม่ต้องมา
ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น
ถ้ามาฉันจะหนีไปอยู่ที่อื่น
Turn off notifications
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” มะลิที่เงยหน้าขึ้นมาเจอก็ออกอาการตกใจที่จู่ ๆ เพื่อนสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามมีหยาดน้ำตาอาบแก้ม คนที่ร้องไห้รีบเช็ดน้ำตาและส่งยิ้มให้เพื่อน
“ไม่มีอะไร กัดพริกไปเลยเผ็ด”
“ให้จริง ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจก็ให้บอก” ตามนิสัยของอ้าย มะลิรู้ดีว่าไม่มีทางที่อ้ายจะยอมเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้ฟังหากไม่ถึงขั้นสุดจริง ๆ เพราะอ้ายไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจแต่เธอจะรู้ไหมนะว่ามะลิเพื่อนเธอคนนี้ยังคงเป็นห่วงเธออยู่เสมอ
เกือบห้าทุ่มทุกคนถึงได้แยกย้ายกันกลับไปพัก อ้ายเหรินมีบ้านหลังหนึ่งที่ซื้อด้วยตัวเอง เป็นบ้านหลังขนาดกลางในหมู่บ้านจัดสรร บ้านสองชั้นที่ถูกออกแบบสไตล์เดียวกันทั้งโครงการ ครั้งแรกเธอกังวลไม่น้อยแต่เมื่อได้ลองย้ายเข้ามาอยู่ถึงได้รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเพื่อนบ้านเธอน่ารักมากด้านหนึ่งเป็นครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันสามคน ผู้หญิงสองคนและน้องผู้ชายหนึ่งคน ส่วนอีกหลังเป็นบ้านของใครสักคนที่ไม่มีคนย้ายเข้ามาอยู่แต่ก็ส่งคนมาทำความสะอาดบ้านทุกเดือนเป็นปกติ เมื่อจอดรถที่โรงจอดรถเธอก็เดินกลับออกไปปิดประตูรั้วบ้านแล้วกลับเข้าบ้านอย่างคุ้นชิน
ภายในบ้านนั้นไม่มีอะไรมากนอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกตกแต่งตามความชอบ ส่วนชั้นสองที่มีห้องนอนสามห้อง และเป็นห้องนอนที่เธอนอนเป็นประจำหนึ่งห้อง และอีกสองห้องคือห้องที่เวลาพี่ชายเธอมาก็จะพักที่นั่น แต่เหมือนตอนนี้เจ้าของบ้านคงจะไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองมาเท่าไหร่นัก
เมื่อล้างหน้าทำความสะอาดร่างกายเสร็จ หญิงสาวก็เปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำงานแปลที่เธอรับมาให้เสร็จ หวังว่าจะพักหลังจากเสร็จสิ้นงานเสียหน่อย ยิ่งมีเรื่องที่เธอเพิ่งทะเลาะกับเหล่าพี่ชายเธอยิ่งไม่มีแรงในการแปลงานให้ออกมาดี หรือระหว่างนี้เธอจะหางานเสริมอย่างอื่นทำกันนะ เผื่ออาการเบื่อ ๆ ของเธอจะลดน้อยลงไปบ้าง
=====
เปิดตัวนุ้งน้อยของเรากับน้องอ้าย เย้!!!
ฝากเอ็นดูเด็กๆด้วยนะคะ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้เข้ามาอัพนะคะทุกคน
ปล. เค้าอยากสอบถามว่ามีใครสนใจแบบเล่มหนังสือไหมคะ หากเค้าจะทำเรื่องนี้เป็นรูปเล่มซึ่งแน่นอนว่าราคาสูงกว่าอีบุ๊คค่ะ อันนี้เค้าแค่สอบถามไว้นะคะ รบกวนทุกคนแจ้งหน่อยนะคะ _
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 3
ขอรักได้ไหมคุณพี่เลี้ยง 3
อากาศร้อนอบอ้าวชวนให้น่าหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย อ้ายเหรินหยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาหมายมั่นตั้งใจจะไปเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน หลังจากที่เธอส่งงานชิ้นล่าสุดไปแล้วเรียบร้อยเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้เธอเองก็เป็นอิสระและต้องการชานมเย็น ๆ สักแก้วเพื่อเยียวยาความเมื่อยล้านี้ให้หายไป
ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้นโทรศัพท์เธอก็มีสายเรียกเข้ามาเป็นพี่ชายคนโตของเธอที่ติดต่อเข้ามาในตอนนี้ แต่ทว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะคุยแม้เรื่องนี้จะผ่านมาแล้วเกือบสองสัปดาห์ก็ตาม ความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจที่เคยเกิดขึ้นในครั้งนั้นเมื่อถูกสะกิดแผลเป็นอีกครั้งเธอยังคงรับรู้ความเจ็บปวดนั้นได้อย่างดี
“โห รถติดมาก” ริมฝีปากเล็กเอ่ยบ่นไม่จริงจังมากนักกับสภาพการจราจรที่แสนติดขัดในวันหยุดเช่นนี้ สักพักใหญ่หญิงสาวก็มุ่งหน้าเข้าสู่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่เป็นปลายทางของเธอ สิ่งแรกที่จะทำหลังจากมาถึงคือไปที่ร้านชานมที่เธออยากกิน
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?” พนักงานสอบถามยามที่คนตัวเล็กเดินไปหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์ร้าน
“สวัสดีค่ะ เอาชาเย็นหวานหนึ่งร้อยแก้วใหญ่ค่ะ แล้วก็เอาเค้กอย่างละหนึ่งชิ้นกลับบ้าน”
“ได้ค่ะ ทั้งหมด…”
เมื่อได้รับเครื่องดื่มหวาน ๆ เธอก็ดื่มและเดินเลือกซื้อของเข้าบ้านไปพลางอย่างสบายใจ เพราะเพื่อนสนิทยังทำงานอยู่ทำให้วันนี้เธอต้องมาเดินเล่นคนเดียว
ก็ถือว่าปกติละนะ เพราะปกติเธอก็มาคนเดียวบ่อย ๆ
ได้แต่คิดกับตัวเองราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป อ้ายเหรินเดินซื้อของจนครบและตั้งใจที่จะเดินทางกลับบ้าน ทว่าระหว่างที่เธอกำลังย้ายของจากรถเข็นไปเก็บที่ท้ายรถก็มีเด็กคนหนึ่งวิ่งมุ่งหน้ามาทางเธอด้วยความเร็ว จะก้าวหลบก็ไม่ทันเมื่อร่างเล็กนั้นชนเธอจนล้มลงกับพื้น พร้อมกับใบหน้าบิดเบี้ยว
“หนู เป็นอะไรไหมคะ เจ็บตรงไหนบ้าง” เธอนั่งลงพร้อมกับจับตามแขนขาเมื่อดูเด็กน้อยว่าบาดเจ็บตรงไหนไหม
“ไม่ ไม่เจ็บ”
“เดินไหวไหม แล้วผู้ปกครองอยู่ไหนทำไมวิ่งมาคนเดียวแบบนี้” ยังคงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หากแต่เด็กน้อยส่ายหน้ากลับมาให้ พร้อมกับหัวใจที่หนักอึ้ง
หรือเด็กจะพลัดหลงกับผู้ปกครองกันนะ
“เดี๋ยวพี่พาไปจุดประชาสัมพันธ์นะ จะได้ประกาศหาผู้ปกครอง” ตอนนี้ผู้ปกครองเด็กก็คงจะห่วงอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ ลูกหลานก็หายไปแบบนี้
“ไม่เอา ไม่ไป”
“ทำไมล่ะ” อ้ายเหรินทวนถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ผม…”
“คุณหนู!!!” เสียงตะโกนดังจากด้านหลังพร้อมกับกลุ่มคนที่วิ่งกรูเข้ามา เด็กน้อยตกใจรีบวิ่งมาหลบด้านหลังหญิงสาวพร้อมกับกอดขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
“คุณหนูจะวิ่งออกมาแบบนี้ไม่ได้นะครับ มันอันตราย”
“ไม่!!”
“ไปกันเถอะครับ เจ้านายรออยู่”
“ไม่ไป!! เราไม่เอาคนใหม่” ครั้งแรกฉันนึกกลัวว่าคนพวกนี้จะทำร้ายเด็กน้อย แต่พอเห็นว่าเด็กน้อยนั้นต่อกรได้ก็พอจะวางใจว่าพวกเขาคงจะรู้จักกันจริง ๆ ก็ท่าทีอ่อนน้อมของคนตัวใหญ่ตรงหน้าทำให้ฉันพอจะดูออกบ้างว่าเด็กน้อยคนนี้คงไม่ต่างจากเจ้านายพวกเขา
“ค่อยไปคุยกับเจ้านายนะครับคุณหนู” คนตัวใหญ่ยังพยายามหลอกล่อคนที่เรียกว่าคุณหนูให้กลับไปพร้อมกับตน เมื่อเห็นท่าทางไม่ดีจึงส่งให้ผู้ช่วยอีกสองคนเข้ามาอุ้มเด็กน้อยนี้ไป แม้จะเด็กจะร้องไห้งอแงหรือดีดดิ้นมากเพียงไรก็ยากที่จะต้านทานแรงของผู้ใหญ่ได้
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ พอดีคุณหนูชอบเล่นสนุกแบบนี้น่ะครับ” คนที่ทำหน้าที่ต่อรองกับเด็กน้อยก่อนหน้านี้เอ่ยบอกกับหญิงสาวที่ยังยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้อยู่
“อ้อ ค่ะ แต่เด็กน่ะ ถ้ามีแต่ใช้ความรุนแรงแล้วบังคับเขาจะยิ่งต่อต้านนะคะ”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมขอตัวก่อนครับ”
คล้อยหลังกลุ่มคนเหล่านั้นเดินหายไป อ้ายเหรินถึงได้สติรีบกลับขึ้นรถตัวเองเพื่อเดินทางกลับบ้าน แม้ภายในใจลึก ๆ จะเป็นห่วงเด็กน้อยคนนั้น แต่ก็เข้าใจว่านั่นเป็นลูกคนรวยที่จะเอาแต่ใจก็ไม่แปลก แต่แววตาเศร้า ๆ ของเด็กกลับทำให้เธอจดจำภาพนั้นได้อย่างดี และหวนคิดถึงอยู่เสียเรื่อยไป
หวังว่าเธอจะมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่นะเด็กน้อย
อธิษฐานขอพรให้กับเด็กน้อยคนนั้น…
======
เราเสียใจมากๆเลยค่ะ เราไม่สามารถกดบัตรไปหาแรงบรรดาลใจของตัวเองได้ เป็นซึมและเศร้ามากไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ ขอกอดทุกคนได้ไหม T_T
ความเห็น 0