โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

คืนร้อนมัดใจนายคลั่งรัก (มี E-Book อ่านฟรีทยอยติดเหรียญ)

นิยาย Dek-D

อัพเดต 25 เม.ย. เวลา 16.48 น. • เผยแพร่ 25 เม.ย. เวลา 16.48 น. • TouchJai_writer
คืนร้อนมัดใจนายคลั่งรัก (มี E-Book อ่านฟรีทยอยติดเหรียญ)
เธอ ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีก หนุ่มหล่อที่พรากความสาวของเธอไปเพราะความเมา…ส่วนเขา ไม่เคยลืมเธอได้เลย สาวสวยหน้าหวานที่ร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างเขาทั้งคืน

ข้อมูลเบื้องต้น

คืนร้อนมัดใจนายคลั่งรัก

นิยายรักโรมานซ์ 25++

!!! คำเตือน !!!

นิยายเรื่องนี้มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ 18+

ใครไม่ชอบ รับเนื้อหาไม่ได้ สามารถกดออกได้เลยค่ะ

*** เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ***

ปล.1 เนื้อหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากจินตนาการเท่านั้น ไม่ได้อ้างอิงเรื่องจริงแต่อย่างใด อาจจะมีบางฉากที่ไม่เหมาะสมและไม่สมจริง

ปล.2 เนื้อหาไม่มีการนอกกายนอกใจ เน้นเรื่องราวความรักของคนสองคน เป็นแนวฟิลกู้ด เลิฟซีนดุเดือด และมีดราม่าบ้างเล็กน้อย ใครชอบพระเอกสายคลั่งรัก รักเดียวใจเดียว จ้องแต่จะจับนางเอกขึ้นเตียง เชิญอ่านเรื่องนี้เลยค่ะ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

แนะนำเรื่อง

ใครจะไปคิดว่าการไปเลี้ยงฉลองหลังเรียนจบกับเพื่อนๆ นั่นจะทำให้ มุกตาภา ถูกชายหนุ่มแปลกหน้าพรากความสาวของเธอไปเพราะความเมาและเผลอตัวเผลอใจไปกับรสสัมผัสแสนวาบหวามชวนร้อนรุ่ม

1 ปีต่อมา ติณณภพ ได้พบหน้าหญิงสาวอีกครั้ง หัวใจชายหนุ่มกระตุกวูบทันที เพราะเธอคือแม่สาวหน้าหวานที่เขาตักตวงความสุขจากเธอทั้งคืนก่อนจะหายตัวไปหลังคืนสวาทสุดเร่าร้อนจบลง

และเมื่อหญิงสาวต้องมาอยู่ในบ้านของชายหนุ่ม ในฐานะอาสาวของหนูน้อยเมรินทร์ที่อยู่ในความดูแลของเธอ มุกตาภาจึงแกล้งจำเขาไม่ได้ แต่ติณณภพกลับจำเธอได้ขึ้นใจ

แต่ไม่เป็นไร เมื่อเธอบอกว่าจำไม่ได้….เขาก็จะใช้ร่างกายทบทวนความทรงจำคืนนั้นให้กับเธอเอง

ตัวอย่าง

“ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน…มุกตาภา”

“แล้วคุณล่ะ คิดถึงผมบ้างไหม”

“เอ่อ…ฉันไม่รู้ คือฉัน…จำไม่ได้แล้ว”

“หึ ไม่เป็นไร…ผมจะทบทวนความจำให้คุณเอง”

เขากระตุกยิ้มมุมปากจนหญิงสาวเสียวสันหลังวาบ รู้สึกกลัวคนตรงหน้าขึ้นมา ไม่รอช้าปากหนาก้มลงมาบดจูบเรียวปากเล็ก ขบเม้มสลับดูดดึงกลีบปากนุ่มแผ่วเบาอย่างวาบหวาม ก่อนจะดุนดันลิ้นร้อนเข้าไปตวัดโรมรันลิ้นเล็กอีกครั้งด้วยความช่ำชอง เขารู้ดีว่ารสชาติโพรงปากนุ่มของเธอนั้นมันหอมหวานเพียงใด และก็ไม่ผิดหวังเพราะนี่คือรสสัมผัสที่ตราตรึงอยู่ในใจเขามาตลอด 1 ปีเต็ม

“อื้อ…”

มุกตาภาครางกระเส่าเมื่อเขาลิ้มรสเธออย่างแสนหวาน หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อรู้สึกได้ว่าเขากำลังร่ายมนตร์เสน่หาผ่านทางริมฝีปากและปลายนิ้วเพราะมือหนาของเขาได้ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง ก่อนจะเลื่อนมากอบกุมก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นใต้เนื้อผ้าที่กำลังเด้งสู้มือเมื่อถูกเขาบีบเคล้นหนักหน่วง รสจูบที่แสนนุ่มนวลและอ่อนหวานอย่างเรียกร้องนั้น ทำให้เธอคล้อยตามสนองจูบตอบเขาอย่างไม่ประสาด้วยความเผลอไผล

“อืมม…”

ติณณภพครางในลำคออย่างพอใจเมื่อได้รับการตอบสนอง แม้จะยังอ่อนเดียงสา…แต่ของแบบนี้มันสอนกันได้หากปฏิบัติบ่อย ๆ เธอจะเก่งขึ้นเองและมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะสอนเธอได้

เรื่องนี้ไรท์ปล่อยให้อ่านฟรีก่อนจนถึงตอนจบ และเริ่มทยอยติดเหรียญ หลังปล่อย e-book

ช่วงที่ลงนิยายฝากนักอ่านคอมเม้นท์ ช่วยแนะนำ ติดตาม และเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ^^

ลิขสิทธิ์

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามคัดลอก ทำซ้ำ ดัดแปลงบทความหรือนำบางส่วนในนิยายไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนไม่ว่ากรณีใด ๆ จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ทันที

E-Book

** ใน MEB สำหรับผู้ที่ใช้ระบบ iOS แนะนำให้กดซื้อผ่านลิงค์นี้ หรือเว็บไซต์ จะได้ราคาถูกกว่าซื้อในแอพค่ะ **

แนะนำตัวละคร

พระเอก : ติณห์ ติณณภพ อัครบวรโชติ อายุ 28 ปี

นักธุรกิจหนุ่มสุดหล่อไฟแรง บ้านรวย เป็นคนเด็ดขาด จริงจังกับการทำงานเลยไม่ได้มองหาคนมาเคียงข้างกาย ไม่ใช่คนเจ้าชู้ทว่าเรื่องบนเตียงกลับไม่เคยแพ้ใคร แต่เขาจะเลือกนอนกับผู้หญิงที่ถูกใจเท่านั้น และวันหนึ่งเขาก็มาสะดุดตากับสาวสวยคนหนึ่ง ยิ่งได้รู้ว่าเธอมีศักดิ์เป็นอาของหลานสาว ทำให้เขาต้องหาหนทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิดและหลอกล่อจนได้เธอผู้นั้นมาเป็นแฟน

นางเอก : มุก มุกตาภา เดชาธร อายุ 24 ปี

สาวสวยหน้าหวาน นิสัยน่ารัก จิตใจดี มองโลกในแง่บวก เป็นที่รักของเพื่อน ๆ และทุกคนที่ได้รู้จัก ชื่นชอบการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ และยังไม่เคยมีแฟน เพราะอยากช่วยเหลือการเงินของครอบครัว จึงตั้งใจเรียนและสอบชิงทุนจนได้ไปเรียนต่อด้านการทำอาหารที่ประเทศอังกฤษ และที่นั่นก็ทำให้เธอได้เสียตัวให้กับผู้ชายแปลกหน้าครั้งแรก สุดท้ายเขาคนนั้นกลับกลายมาเป็นลุงสุดหล่อของหลานสาว

นางร้าย : ริต้า เรนิตา วาณิชสกุลกิจ อายุ 25 ปี

ไฮโซสาวสวย ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส บ้านฐานะร่ำรวยแต่ขาดความอบอุ่น โหยหาความรัก สนิทกับบ้านพระเอก เพราะทั้ง 2 ครอบครัวอยู่แวดวงธุรกิจเหมือนกัน แอบชอบพระเอกมาตั้งแต่เด็ก แต่พระเอกคิดแค่น้องสาว

ลูกสาวของเมฆ+ตา : เมรินทร์ เดชาธร อายุ 4 ขวบ

ลูกสาวของนภทีป์ (พี่ชายนางเอก) และนรินทร์ตา (น้องสาวพระเอก) แก้วตาดวงใจของทุกคนในบ้าน และเป็นกามเทพตัวน้อยของลุงติณห์กับอามุก

บทที่ 1 บทนำ

ณ ประเทศอังกฤษ

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สถาบันสอนทำอาหาร ซึ่งเปิดสอนทั้งด้านการปรุงอาหาร การบริการและการท่องเที่ยวนั้นมีกลุ่มนักเรียนเป็นจำนวนมากกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นและดีใจที่ตนเองเรียนจบแล้ว

มุกตาภาก็เป็นหนึ่งในนั้นเธอเดินยิ้มแก้มปริออกมาหาณิชนันทน์และนนนท์เพื่อนคนไทยทั้งสองที่ได้ทุนมาเรียนด้วยกัน แม้ว่าทั้งสามคนจะมาเรียนด้วยกันแต่ก็เลือกเรียนต่างสาขากันไปตามความสนใจส่วนตัวและบางคนก็เลือกให้สอดคล้องกับธุรกิจของครอบครัว

“ในที่สุดพวกเราก็เรียนจบแล้ว วันนี้ฉันดีใจที่สุดเลย ยินดีกับพวกแกด้วยนะต้นฝ้าย นนนท์”

ทั้งสามยืนกอดคอกันถ่ายรูปยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจที่เรียนจบพร้อมกัน มุกตาภา ณิชนันทน์ และนนนท์ รู้จักกันตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและคบหากันจนถึงปัจจุบันจึงสนิทกันมาก

“ฉันก็ยินดีกับแกด้วยนะมุก แกโคตรเก่งเลยจบพร้อมกันตั้งสองคอร์ส”

ณิชนันทน์ชมเพื่อนสาวคนสนิทที่ทั้งสวย เก่ง และตั้งใจเรียนมาก แถมยังนิสัยดีเป็นที่รักของเพื่อน ๆ อีกต่างหาก เพราะมุกตาภาเรียนจบสองหลักสูตรพร้อมกันทั้งด้านการทำอาหารฝรั่งและขนมหวาน ควบคู่กับทักษะในการทำอาหารเบื้องต้นจนถึงทักษะขั้นสูงที่ใช้ทำอาหารทุกรูปแบบตั้งแต่การทำอาหารฝรั่งเศส อาหารนานาชาติและเทรนด์การทำอาหารที่เกิดขึ้นในโลกอีกด้วย

“พวกฉันเรียนแค่คอร์สเดียวก็แทบตาย…ขอบคุณแกมากนะมุกที่คอยช่วยเหลือพวกฉันตลอด ถ้าไม่ได้แก ฉันกับนนนท์คงแย่แน่ ๆ”

เมื่อนึกถึงตัวเองกับนนนท์แล้วณิชนันทน์ก็อดขอบคุณเพื่อนไม่ได้ เพราะถ้าไม่ได้มุกตาภาคอยตักเตือนไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางพวกเธออาจจะจบช้ากว่าที่หลักสูตรกำหนดก็ได้

“ไม่หรอก ฉันว่าเป็นเพราะตัวพวกแกด้วยต่างหากที่อดทน พยายามตั้งใจเรียนจนพวกเราเรียนจบพร้อมกัน”

มุกตาภาพูดอย่างถ่อมตัว เพราะเธอก็ทำได้แค่คอยเตือนถ้าเพื่อนไม่ฟังเธอก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แม้ฐานะทางบ้านของเพื่อนทั้งสองจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ด้วยความอยากเอาชนะครอบครัวที่ไม่ยอมให้ทั้งคู่มาเรียนต่อเพราะรู้ว่าณิชนันทน์และนนนท์ไม่ได้อยากไปเรียนจริง ๆ แต่แค่อยากตามเพื่อนและเที่ยวสนุกเท่านั้น ทำให้ทั้งสองต้องดิ้นรนหาทุนมาเรียนด้วยตัวเอง นั่นก็คือความพยายามของเพื่อนทั้งสอง

“พวกเรานี่สุดยอด ฉันยินดีกับพวกแกด้วยนะ ว่าแต่เย็นนี้เราไปฉลองกันดีไหม…เอาเป็นร้านเดิมแล้วกัน ฉันจะฉลองให้สุดเหวี่ยงไปเลย พวกแกโอเคนะ” นนนท์ถามเพื่อน ๆ แล้วก็สรุปเลือกร้านเอง

ร้านเดิมของนนนท์ก็คงไม่พ้นสถานบันเทิงเพราะเจ้าตัวชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจ ถึงกับเลือกเรียนคอร์สเกี่ยวกับไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮออล์และที่บ้านของนนนท์ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มอีกด้วย

“ตามนั้นย่ะ…ถ้าร้านนี้ฉันพร้อมเสมอ”

สายปาร์ตี้ตัวแม่อย่างณิชนันทน์มีหรือจะพลาด เธอเลือกเรียนคอร์สการบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต ภัตตาคาร คาเฟ่ เน้นไปที่การบริการธุรกิจเพื่อนำไปใช้ในอุตสหกรรมท่องเที่ยวและอาหาร เพราะที่บ้านของณิชนันทน์ก็สนับสนุนให้เรียนด้านนี้ จะได้ไปช่วยดูแลธุรกิจของครอบครัวในฐานะลูกสาวคนเดียว

“แกห้ามปฏิเสธอีกนะมุก ถือว่าเลี้ยงส่งแกด้วยไง…นะ ๆ ไปด้วยกันนะ แกไม่ได้ไปเที่ยวผับกับพวกเรามานานแล้ว” เมื่อเห็นมุกตาภามีท่าทางครุ่นคิดสีหน้าลำบากใจ ณิชนันทน์จึงหันไปพูดออดอ้อนเพราะกลัวว่าเพื่อนสาวจะไม่ยอมไปด้วยอีกตามเคย

“เอ่อ…ไปก็ได้ แต่ฉันไปไม่นานนะ เพราะพรุ่งนี้ฉันต้องเดินทาง”

มุกตาภาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ แต่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนที่มองมา เธอจึงยอมตกลงแต่ก็ยังมีข้อแม้เพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้เธอได้แจ้งให้เพื่อน ๆ ทราบล่วงหน้าแล้ว

“ได้สิ…งั้นตอนเย็นเราเจอกันที่เดิมนะ เดี๋ยวฉันไปรับ โอเค๊” นนนท์พูดขึ้น

เมื่อถึงเวลานัดหมายทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังสถานบันเทิงซึ่งเป็นที่ประจำที่เคยมาเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ แต่มุกตาภาก็จะขอตัวกลับก่อนทุกครั้งเพราะเธอไม่ค่อยชอบเที่ยวสถานที่แบบนี้เท่าไหร่ หญิงสาวไม่ใช่คนชอบดื่มแต่ชอบบรรยากาศที่ได้เต้นสนุกกับเพื่อน ๆ ตามจังหวะเสียงเพลงเร้าใจ ทุกครั้งที่ไปเธอจะไปเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการเรียนเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวเองไหลไปกับแสงสีจนเสียการเรียน เพราะเธอมีคติในใจว่า…เที่ยวสนุกได้ก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้ด้วย

อีกมุมหนึ่งของประเทศอังกฤษชายหนุ่มทายาทเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับเครื่องเพชรและอัญมณี ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวอัครบวรโชติที่ได้มาขยายสาขาที่นี่ได้หลายปีแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หลังจากเรียนจบปริญญาโท ติณณภพจึงอาสามาบริหารงานที่นี่ด้วยตัวเอง เพราะอยากพิสูจน์ความสามารถให้คนอื่นยอมรับและเชื่อมั่นในตัวเขาหากต้องเป็นคนต่อไปที่จะมาสานต่อธุรกิจทั้งหมดของครอบครัวทั้งในไทยและต่างประเทศ เขาใช้เวลาแค่ 3 ปีกว่าธุรกิจก็เติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำจนมีผู้คนอยากร่วมลงทุนด้วยเป็นจำนวนมาก แถมยังถูกสังคมจับตามองว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงอยู่ในขณะนี้

“เออ ๆ กูเพิ่งประชุมเสร็จ กำลังออกไป”

ติณณภพตอบกลับคนปลายสาย หลังจากเดินออกมาจากห้องประชุมก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่เขากดเปิดเครื่อง ซึ่งก็เป็นเพื่อนของเขานั่นเองที่โทรตาม วันนี้เขาเหนื่อยล้าและเคร่งเครียดกับการทำงานมาหลายชั่วโมงจึงอยากไปปลดปล่อยด้วย จึงรีบไปตามนัดอย่างรวดเร็ว

บทที่ 2 แรกเจอ

ณ สถานบันเทิง PTK

บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยแสง สี และเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มสุดเร้าใจ นักท่องราตรีต่างออกมาขยับโยกร่างกาย ปลดปล่อยความตึงเครียดไปกับแอลกอฮอล์และจังหวะที่สนุกสนาน ทางด้านติณณภพเมื่อมาถึงเขารีบเดินขึ้นไปชั้นสองโซนวีไอพีที่มีเพียง 13 โต๊ะเท่านั้น เขาเดินเข้าไปนั่งโต๊ะประจำที่มีเพื่อนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งโต๊ะที่พวกเขานั่งถือว่าเป็นมุมดีที่สุดเพราะสามารถมองเห็นบรรยากาศเบื้องล่างได้ทั้งหมด

“มาได้แล้วเหรอว่ะ กูนึกว่าจะเทกันซะแล้ว”

เสียงทักทายกวน ๆ นั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสียงภารันต์เพื่อนสนิทที่โทรตามเขานั่นเอง

“ขอโทษทีว่ะ งานยุ่งนิดหน่อย” คนรู้ตัวว่ามาช้าเอ่ยขึ้น

“ไม่น่าจะนิดแล้วมั้ง กว่าจะเจอตัวได้” ภารันต์ยังบ่นไม่หยุด

“เอาน่า นาน ๆ เราจะได้เจอกันที เอา…แบบนี้ต้องหมดแก้ว”

เสียงคริสเตียนเพื่อนสนิทอีกคนพูดขึ้นพร้อมส่งแก้วเหล้าให้กับคนมาทีหลัง พวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนอยู่ไทยจนแยกย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วก็ยังติดต่อกันอยู่จนถึงปัจจุบัน ทำให้สนิทกันมาก แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้นาน ๆ ทีถึงจะได้เจอกันครบกลุ่ม

ติณณภพรับแก้วเหล้ามาจากเพื่อน ก่อนจะชนแก้วกันและนั่งดื่มพูดคุยกันไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน ปกติเขาไม่ค่อยได้มาสถานที่แบบนี้เท่าไหร่ จะมาผ่อนคลายบ้างในช่วงทำงานหนักและอยากมาปลดปล่อยตามประสาผู้ชายบ้างก็เท่านั้น แต่ครั้งนี้เห็นว่าคริสเตียนมาทำธุระที่ประเทศอังกฤษด้วยพอดี เขาจึงออกมาพบปะเพื่อนสนิท แถมสถานที่แห่งนี้ยังมีภารันต์เป็นเจ้าของ และเขากับคริสเตียนก็เป็นหุ้นส่วนร่วมอยู่ด้วยกึ่งหนึ่ง

ระหว่างนั่งดื่มติณณภพมองลงไปยังเบื้องล่างตามปกติ ก่อนสายตาคมจะไปหยุดที่สาวสวยคนหนึ่งในชุดเดรสสั้นสีแดงเพลิงกำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างพริ้วไหวอยู่กับเพื่อนของเธอ ด้วยท่าเต้นที่ออกแนวโก๊ะ ๆ ไม่ได้ยั่วยวนเหมือนคนอื่นนั้นแต่มันกลับสะดุดตาเขาทันทีที่เห็น หญิงสาวช่างดูน่ารัก เซ็กซี่ และมีเสน่ห์มากเมื่อทำมันออกมา เขาเผลอมองอยู่นานและอดยิ้มตามไม่ได้ จนเพื่อนร่วมโต๊ะรู้สึกถึงความผิดปกติเลยหันไปมองตาม คริสเตียนและแมธทิวหันมาสบตาและส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กันเมื่อเห็นท่าทีของติณณภพที่น้อยครั้งจะเป็นแบบนี้

“ชื่อมุกตาภา สนใจเหรอ”

คำพูดของภารันต์ดึงความสนใจของติณณภพได้เป็นอย่างดี พอได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็หันมาหาเพื่อนแทบจะทันที ก่อนย้อนถาม

“มึงรู้จักเหรอ”

“ไม่เชิงรู้จัก เธอเป็นเพื่อนของคนรู้จักอีกที มึงโชคดีมากนะที่มาเจอเธอวันนี้ ปกติเธอไม่ได้มาบ่อย ๆ ถ้าสนใจเดี๋ยวกูช่วยติดต่อให้”

ภารันต์บอกออกไปเท่าที่รู้จากลินินผู้หญิงที่เขากำลังคุยอยู่ ว่าเพื่อนของเธอคนนี้ไม่ค่อยชอบเที่ยวสถานที่แบบนี้ ซึ่งก็เหมือนกับติณณภพ แต่ไม่รู้เพราะความบังเอิญ โลกกลม หรือพรหมลิขิต ที่ทำให้ทั้งสองมาเที่ยวในวันเดียวกัน

“ไม่ต้อง…เธอก็แค่น่ารักดี”

ติณณภพปฏิเสธ แม้จะถูกใจหญิงสาวผู้นี้เป็นอย่างมากแต่ก็แค่มองตามประสาหนุ่มโสดที่พบเจอสาวสวยถูกใจก็เท่านั้น เพราะเขายังไม่อยากมีใครเป็นตัวเป็นตนและอยากทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานเสียก่อนจึงไม่ได้รีบหาคนมาเคียงข้างกาย

“ไม่แค่น่ารักแล้วมั้ง มองเขาขนาดนั้น”

เป็นเสียงคริสเตียนที่เอ่ยแซวอีกคน เพราะติณณภพไม่ใช่คนเจ้าชู้ที่ขึ้นเตียงกับผู้หญิงเป็นว่าเล่น แต่จะเลือกนอนกับคนที่ถูกใจเท่านั้น ซึ่งสาวน้อยคนนี้คงถูกใจเพื่อนเขาไม่น้อย ถึงได้มองไม่ละสายตาแบบนั้น ติณณภพไม่ตอบแต่ยักคิ้วส่งกลับไปให้เพื่อน เมื่อเห็นเพื่อนเงียบไปพวกเขาจึงหยุดแซวเพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ชอบให้ใครยุ่งเรื่องส่วนตัวมากนักถ้าเจ้าตัวไม่อยากพูด แต่พฤติกรรมของติณณภพที่ปิดยังไงก็ไม่มิดก็ไม่สามารถลอดพ้นสายตาพวกเขาไปได้

ชายหนุ่มที่ทำเป็นไม่สนใจแล้ว แต่ก็คอยลอบมองหญิงสาวอยู่เป็นระยะ ดวงหน้าสวยหวานนั้นสะกดสายตาเขาให้ดูได้อย่างไม่รู้สึกเบื่อ ยามเธอยิ้มโลกใบนี้มันช่างดูสดใสเหลือเกิน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาเขาให้หยุดมองไม่ได้จริง ๆ ในชีวิตเขาเจอผู้หญิงสวย ๆ มาก็เยอะแต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจเขาวูบวาบแบบนี้มาก่อน

จังหวะดนตรีครื้นเครงของเสียงเพลงในสถานบันเทิงนั้น ปลุกให้หนุ่มสาวเต้นกันอย่างเมามันออกรสชาติ บ้างก็นั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะแต่ไม่ใช่กลุ่มเพื่อน ๆ ของมุกตาภาแน่นอนที่แอลกอฮอล์เข้าปากแล้วจะให้อยู่เฉยได้ยังไง สองสาวสวยกับหนึ่งหนุ่มต่างออกมาวาดลวดลายประชันท่าเต้นกันอย่างไม่มีใครยอมใครด้วยความสนุกสุดเหวี่ยง

มุกตาภาที่ถูกชวนแกมบังคับให้มาด้วย แต่ไหน ๆ ก็มาแล้วเธอจึงขอปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มที่ให้สมกับความเหน็ดเหนื่อยจากการเรียน น้ำเมาถูกส่งเข้าปากหญิงสาวครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อรู้ตัวว่าทนฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่ไหวและรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับการเต้นครั้งนี้ ทำให้เธอพะอืดพะอมอยากอาเจียนจึงขอตัวไปจัดการตัวเองให้รู้สึกดีขึ้น

“ต้นฝ้าย นานนท์ ฉาน…ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หญิงสาวพยายามประคองสติตัวเองบอกเพื่อนทั้งสองคนให้รับรู้

“เดี๋ยวฉาน…ไปเป็นเพื่อน”

ณิชนันทน์ที่เริ่มเมาแล้วได้ยินจึงขันอาสาเพราะรู้ดีว่าเพื่อนสาวคออ่อนแค่ไหนกลัวว่าจะไปไม่ถึงห้องน้ำ ครั้งนี้มุกตาภาดื่มเข้าไปเยอะกว่าปกติ คงเพราะอยากฉลองที่เรียบจบก็เลยจัดหนักกว่าทุกครั้ง

“ไม่เป็นไร ฉะ…ฉันไปได้”

“แกแน่ใจนะ ว่าไปคนเดียวได้” นนนท์ถามขึ้นอีกคน ซึ่งจัดว่ายังมีสติมากที่สุดในกลุ่มแม้จะเหลือไม่เต็มร้อยแล้วก็ตาม

“แน่ใจซี…พวกแกเต้นกันต่อเถอะ ไม่ต้องห่วงฉาน”

พูดจบมุกตาภาก็รีบเดินออกไปทันทีเพราะกลัวว่าอาการท้องไส้ปั่นป่วนจะระบายออกมาเสียก่อนที่เธอจะไปถึงห้องน้ำ และกว่าร่างบางสมส่วนของมุกตาภาจะเดินฝ่าผู้คนออกมาได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร เธอแอบขึ้นมาใช้บริการห้องน้ำโซนวีไอพีชั้น 2 เพราะคนไม่เยอะ

“ว้าย…”

เมื่อใกล้ถึงห้องน้ำด้วยความรีบร้อนจนไม่ทันได้ระวังตัวทำให้เดินเซไปชนเข้ากับร่างสูงของใครคนหนึ่งเต็มแรง ความพะอืดพะอมที่พยายามอดกลั้นเอาไว้ถูกปล่อยพรวดออกมาทันที

‘อ้วก อ้วกกก…แหวะ’

“เฮ้ย!”

ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายเดินมาเข้าห้องน้ำพอดีเป็นต้องหยุดชะงัก แขนแกร่งตวัดคว้าเอวเธอไว้ได้ทันตามสัญชาตญาณก่อนที่เธอจะเซล้ม กลิ่นเหล้าผสมปนเปกลิ่นอ้วกเหม็นหึ่งทำให้เขาต้องเบือนหน้าหนี

“ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยว่ะ”

ติณณภพสบถออกมาเบา ๆ อย่างหัวเสีย อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นวิธีเรียกร้องความสนใจแบบใหม่หรือเปล่านะ การมีสาวสวยเข้าหาเขาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ละคนต่างใช้มารยาสารพัดวิธีเพื่อได้เข้าใกล้เขา แต่ยังไม่เคยมีใครใช้วิธีได้น่าสะอิดสะเอียนเท่านี้มาก่อน…ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ สมองของเธอมีปัญหาอยู่หรือไง

เขาก้มลงมองคนตัวเล็กด้วยแววตาขุ่นเคือง แล้วคิ้วหนาเข้มก็ต้องยกสูงด้วยความสงสัยเมื่อรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่นั้นคุ้นตาเหมือนกับเคยเห็นมาก่อนแต่นึกไม่ออก และก่อนจะได้นึกหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ทำให้เขาได้เห็นใบหน้านวลแดงก่ำเต็มตา

“คุณ!”

ติณณภพพูดเสียงแผ่วราวกับละเมอด้วยความตกใจเขานึกออกทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร หัวใจแกร่งกระตุกไหววูบ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากก็ตามแต่การเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเธอน่ามองน่าพิศวาสมากนัก

“เฮ้ย! คุณไหวหรือเปล่า”

เขารีบจับตัวคนเมาออกห่างแล้วให้หันหน้าไปทางถังขยะเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะโก่งคออาเจียนออกมาอีกรอบ มือหนายกขึ้นมาช่วยลูบหลังให้หญิงสาวไปมา

“อึก…ฉันจะไม่ดื่มมากแบบนี้แล้ว แหวะ…อร่อยก็ไม่อร่อย อึก”

หญิงสาวบ่นพึมพำออกมาเป็นระยะ ด้วยความเมาจึงพูดออกมาเป็นภาษาไทยตามจิตใต้สำนึกของเธอ ติณณภพได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย พลางตำหนิคนเมาในใจ เพราะฟังจากคำพูดก็รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่นักดื่ม ถ้ารู้ว่าคอไม่แข็งก็ไม่ควรอวดเก่งดื่มจนเมามายขนาดนี้

หลังจากระบายออกมาจนหมดไส้หมดพุง ดวงหน้าสวยหวานแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาจากถังขยะ เขาจึงได้มองสำรวจหญิงสาวอีกครั้งเมื่อพิจารณาหน้าตาเธอชัด ๆ เห็นว่ามาทางฝั่งเอเชีย แต่ก็ยังไม่มั่นใจจึงตัดสินใจถามออกไป

“เอ่อ…คุณเป็นคนไทยเหรอ”

“ช่าย ฉานเป็นคนทาย…ทำมาย พื้นมานถึงเอียงแบบนี้”

หญิงสาวตอบกลับเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงยานคาง ร่างบางหอบเหนื่อย รู้สึกมึน ๆ ยืนโอนเอนไปมาเหมือนจะเซล้ม โชคดีที่ได้คนร่างสูงช่วยประคองตัวไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้ไปนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้น

“คุณไหวหรือเปล่า”

เขาถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนเหมือนจะยืนไม่ไหว สองแขนเล็กยกขึ้นมาเกาะบ่าแกร่งของเขาเอาไว้ พยายามปรือตาขึ้นมามองเขาแวบหนึ่งแต่ก็เห็นเป็นภาพซ้อนแล้วก็หลับตาลงยืนนิ่งไม่ไหวติง

“ม่าย หวาย” เธอบอกเสียงยานคางอีกครั้งดวงตาแทบจะปิดอยู่แล้ว ก่อนจะล้มคอพับซบหน้ากับอกแกร่งของเขา

“เฮ้ยคุณ…อย่าหลับนะ ตื่นขึ้นมาก่อน”

ติณณภพเห็นแบบนั้นจึงเขย่าตัวปลุกเรียกคนเมาให้ได้สติ แต่ก็ได้ความเงียบตอบกลับมา…เฮ้อ ให้ตายสิ…ทำไมเธอถึงดื่มจนเมามายไม่ได้สติแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายแค่ไหน นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งเขาจะฟาดให้ก้นลายเลย ยิ่งได้รู้ว่าเธอเป็นคนไทยด้วยกันแล้วต้องมาอยู่ต่างถิ่นแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วงเธอขึ้นมา

“ผมจะทำยังไงกับคุณดีนะ”

ชายหนุ่มก้มมองคนตัวเล็กในวงแขนแกร่งสลับกับคราบสกปรกบนเสื้อตัวเองแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง…เนื้อตัวเหม็นขนาดนี้เขาไม่มีอารมณ์ไปดื่มต่อแล้ว จะปล่อยเธอไว้อย่างนี้ก็คงไม่ดี สวย ๆ แบบนี้ใครเห็นเข้าอันตรายแน่ จะให้ไปส่งคืนเพื่อนของเธอก็คงเมามายไม่ต่างกันและไม่รู้ว่าเขาจะโดนข้อหาทำมิดีมิร้ายผู้หญิงด้วยหรือเปล่า เห็นทีเขาคงปล่อยเธอเอาไว้ไม่ได้ สายตาของคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองเขาและเธอแล้วก็ยกมือป้องจมูกตัวเอง เมื่อไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจอุ้มร่างไร้สติของหญิงสาวไปที่รถ…เอากลับไปด้วยกันนี่แหละ

พระเอกเค้าจะพานางเอกของเราไปไหน…มาติดตามกันได้ในตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน้าา ????❤️

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0