สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบิน 320 แห่ง หรือคิดเป็น 83% ของการเดินทางทั่วโลก ออกรายงานสรุป ซึ่งพบว่าการเดินทางทางอากาศพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดในปี 2023 โดยขึ้นมาอยู่ที่ 94% เมื่อเทียบกับระดับการเดินทางทางอากาศในปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่โควิด-19 จะระบาด
IATA ระบุว่า ปัจจัยสำคัญมาจากการฟื้นตัวของการเดินทางในประเทศใหญ่ ๆ อย่าง จีน อินเดีย และสหรัฐฯ
หากดูจากปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสาร (RPK) ซึ่งหมายถึง จํานวนผู้โดยสารของเที่ยวบินแบบประจํา คูณระยะทางบินเป็นกิโลเมตร จะพบว่าการเดินทางทางอากาศ เฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 อยู่ที่ 98.4% ของระดับการเดินทางในปี 2019 แล้ว
มาตรการล็อกดาวน์ และการปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ที่หลายประเทศทยอยใช้กันตั้งแต่เดือน มี.ค.ปี 2020 กระทบกับอุตสาหกรรมการบินอย่างหนัก โดยปริมาณการเดินทางในปีนั้นทั้งปี ลดลงมาอยู่ที่ 34.2% ของระดับการเดินทางในปี 2019
หลังจากนั้นมา อุตสาหกรรมการบินก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ปี 2021 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 41.6% และปี 2022 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 68.5%
IATA ระบุว่า การเดินทางในประเทศจะฟื้นตัวเร็วกว่าการเดินทางข้ามประเทศ โดยจากสถิติ พบว่าปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสารของเที่ยวบินในประเทศ พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 104% ของระดับปี 2019 แล้ว หลังจากจีนผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง โดยถ้าดูเฉพาะแค่ที่จีนประเทศเดียว ปริมาณการเดินทางปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึงระดับ 139% จากปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ อินเดียและสหรัฐฯ ก็มีการเดินทางในประเทศกันอย่างคึกคักเช่นกัน และคาดว่าการเดินทางทางอากาศจะกลับมาเติบโตในระดับปกติ ปี 2024 นี้
ส่วนภาพรวมการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าฟื้นตัวได้ช้ากว่า ปีที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 88.6% ของระดับปี 2019
เที่ยวบินเข้าและออกจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อยู่ที่ 72.7% จากระดับปี 2019 ส่วนเที่ยวบินเข้าและออกจากยุโรป อยู่ที่ 93% เที่ยวบินเข้าและออกจากอเมริกาเหนืออยู่ที่ 101.4%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครบ 1 เดือนแผ่นดินไหวโนโตะ หนทางฟื้นตัวยังยาวไกล
