ถ้าบ่อยครั้งต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ชอบหน้าคุณ ก็คงนับเป็นทุกข์ชนิดหนึ่งในโลกได้
แต่ ‘ทุกข์ทางใจ’ ทุกชนิด จะเบาลงทันทีที่มี ‘ความเข้าใจ’ มาช่วยบรรเทา
กรณีนี้หมายความว่า ถ้าคุณเข้าถึงจิตถึงใจ รู้ว่าอารมณ์ชนิดไหนพาให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า คุณก็จะเห็นใจเขามากขึ้น ถือสาเขาน้อยลง หรือกระทั่งยิ้มเผื่อแผ่สุขให้เขาได้ (ซึ่งถ้าทำได้อย่างบริสุทธิ์ใจ ก็เรียกว่าเป็นการแผ่เมตตา เป็นสมาธิชนิดหนึ่งที่ฝึกได้ในชีวิตประจำวัน โดยเอาคนไม่ชอบกันมาเป็นแบบฝึกหัด)
การจะเข้าถึงและเข้าใจ ‘อารมณ์ไม่ชอบขี้หน้า’ ของมนุษย์ได้นั้น คุณต้องรู้จักมนุษย์ให้ลึกซึ้ง ซึ่งนั่นก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำความรู้จักตัวเอง ที่เป็นมนุษย์ทั้งแท่งอยู่แล้วคนหนึ่ง
ตอนคุณเจอหน้าใครแล้วนึกไม่ชอบใจ ขอให้สังเกตว่าเป็นไปได้ ๒ อารมณ์หลักๆ
หนึ่ง คือ ไม่ชอบอย่างมีเหตุผลรองรับชัดเจน เช่น ยายนี่ชอบโกหก เรื่องพูดตรงๆได้ก็แหลสร้างภาพเสียอย่างนั้น หรือเพื่อนคุณเคยแอบกระซิบว่าไอ้หมอนี่ชอบหลอกฟันแล้วทิ้ง แถมปอกลอกผู้หญิงก่อนตีตัวออกห่าง เป็นต้น อารมณ์ไม่ชอบที่เกิดขึ้นอย่างมีที่มาที่ไปนี้ มีผลให้เวลาเจอหน้าฝ่ายนั้นแล้ว จะเกิดอารมณ์เป็นลบนำขึ้นมา
จิตใจรู้สึกคล้ายถูกเสียดแทงด้วยของแหลมสีดำร้อนๆ จากนั้นถ้าต้องพูดคุยกัน ก็มักมีคำบางคำ หรือการทำสีหน้าสีตาบางอย่างของเขา ที่กระตุ้นให้นึกถึงพฤติกรรมแย่ๆ จะเป็นสิ่งที่คุณเคยเห็นมากับตา หรือเป็นคำบอกเล่าที่คุณเคยได้ยินได้ฟังก็ตาม
สอง คือ ไม่ชอบโดยมีเหตุผลที่ไม่ชัดเจน เช่น เห็นหน้าแล้วคล้ายเจอคลื่นรบกวนกระแทกใจ เกิดจากอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคุณไม่ได้แกล้ง แล้วก็ไม่ได้อุปาทานชั่วคราว เพราะยิ่งเจอยิ่งระคายหนักขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด
คุณอาจนึกสงสัยตัวเองว่า เขาไม่ได้มาทำอะไรให้สักหน่อย ทำไมต้องไปเกลียดเขาด้วย หรืออีกทีก็ขี้เกียจสงสัย ไม่รู้จะหาคำตอบจากไหน ช่วยไม่ได้ เกลียดแล้วเกลียดเลยก็แล้วกัน และทั้งหมดที่เกลียดก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าหน้าตาเดี๋ยวนี้ วิธีพูดเดี๋ยวนี้ ที่คุณเห็นและได้ยินจังๆนั่นแหละ ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายอันใดในอดีตเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
รู้จักไว้! อารมณ์มนุษย์เป็นอย่างนี้ สังเกตตัวเองบ่อยๆ ทำความรู้จักกับอารมณ์มนุษย์ให้ลึกซึ้ง และที่สำคัญคือ เมื่อเกิดความไม่ชอบหน้าใครขึ้นมา ให้สังเกตด้วยว่าน้ำเสียงของคุณเปลี่ยนไปอย่างไร หน้าตาตึงขึ้น มองหน้าเขาตรงๆหรือเหล่ๆท่าไหน เก็บรายละเอียดให้หมดและจำไว้แม่นๆ
คุณจะประหลาดใจว่า พอทำความรู้จักกับอารมณ์ไม่ชอบชนิดต่างๆของตัวเองได้ ก็จะช่วยให้มองแล้วรู้ว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณนั้น เขาไม่ชอบแบบมีเหตุผล หรือไม่มีเหตุผล เขาเข้าใจผิด หรือเข้าใจถูกอยู่แล้ว
คุณมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์แก้ความเข้าใจผิดของเขา คุณจะรู้ว่าคนไหนควรปล่อยเขาออกไปให้พ้นๆใจคุณแบบไม่ต้องไยดี แล้วก็รู้ว่าคนไหนที่สมควรให้เวลา ทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนทัศนคติของเขาที่มีต่อคุณเสียใหม่
เปลี่ยนความเสียใจที่ถูกเกลียด ให้กลายเป็นความเข้าใจอารมณ์เกลียดของมนุษย์ แล้วคุณจะเป็นสุขอยู่ท่ามกลางความพร้อมจะเกลียดแบบไม่ต้องมีเหตุผล โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียอาละวาดอยู่อย่างร้อนแรงเหมือนเดี๋ยวนี้!
ความเห็น 12
ญาณนี แก้ว อินสุริยา
เราห้ามคนอื่นไม่ชอบหน้าและสิ่งที่เราเป็นและทำไม่ได้แต่ตรงกันข้ามเราสามารถห้ามตัวเราเองได้ เริ่มต้นจากความคิด แค่คิดทุกอย่างในแง่บวกไว้ก่อนและความคิดจะนำมาซึ้งสติ ปัญญาและพาจิตใจเราผ่านเรื่องแบบนี้ไปได้ค่ะ.รองคิดบวกและยิ้มให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะเปลี่ยนจากปัญหาเป็นปัญญาและทางออกที่ดีได้นะค่ะ
12 มี.ค. 2562 เวลา 20.30 น.
gift_donlaporn
ก้อปล่อยไป ปล่อยทั้งตัวเราและตัวเขา จะได้ไม่ต้องผูกกรรมกันต่อไป
12 ก.พ. 2562 เวลา 13.07 น.
นักสู้ ผู้ไม่ยอมแพ้
หากันจนเจอชอบอ่านหนังสือของคุณมาก
22 ม.ค. 2562 เวลา 12.28 น.
Dr.หมู สุขฤทัย 01
การที่เขาไม่ชอบเรายังมีอีกหลายเหตุผลค่ะย่างเช่นเกิดจากการเข้าใจผิดเพราะได้รับข้ออมูลมาแบบผิดๆยังไม่ทันได้กลั่นกรองเพราะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ที่ใช้กุศโลบายมาหลอกเพื่อหวังทำลายฝ่ายตรงข้ามเลยทำให้เกลียดกันไว้ก่อน
กับอีกเหตุผลหนึ่ง คือมีเจตนาที่จะจงใจทำให้ตนเองเเละใครๆไม่ชอบเขาเพราะว่ากลัวจะเสียผลประโยชน์จากการที่มีคนไปชอบเขาเยอะแยะมากมายก็จะกลายเป็นความแตกออกมาที่ความนั้นที่ไม่น่าจะถูกต้องนักก็จะทำให้ตัวเองเขาเองหมดสภาพในการสร้างงเรื่องราวขึ้นมาเอง
22 ม.ค. 2562 เวลา 02.43 น.
👑 kwancy👑
รู้ว่าไม่ชอบยิ่งอยากเข้าหา ยิ่งอยากทำดีด้วย ให้มันรู้กันไปเลยจะได้ให้เค้าคนนั้นระอาจใจว่า ขนาดไม่ชอบหน้าเค้าๆก็ยังพยายามช่วยเหลือคุณ ไม่ใช่เพราะอยากได้หน้าน่ะ...แค่สงสาร
22 ม.ค. 2562 เวลา 01.46 น.
ดูทั้งหมด