ย้อนกลับไปสมัยเด็กหนุ่มจบชั้น มศ.3 ลพบุรี เป็นเมืองทหาร เพื่อนๆ ผู้ชายหลายคนมีความฝันอยากเป็นทหาร เลยชวนเด็กหนุ่มไปสอบเตรียมทหาร เด็กหนุ่มพยายามออกกำลังกายจากเด็กอ้วน น้ำหนักเยอะ สูง 165 ซม. เมื่อได้ออกกำลังกายทำให้น้ำหนักหายไปมาก แต่สูงขึ้นเป็น 175 ซม. แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้สมัคร เพราะติดที่ว่ายน้ำไม่เป็น เนื่องจากมีการทดสอบว่ายน้ำ 50 เมตร แต่ในปีนั้น เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ จากที่เขาเปิดรับคนที่จบ มศ.3 เป็นรับจบ มศ.5 แทน ทำให้มีเวลา 2 ปีในการเตรียมตัวเพิ่ม เมื่อขึ้น มศ.4 เด็กหนุ่มได้อยู่ห้อง 1 ซึ่งเขาจัดเรียงตามคะแนนจาก มศ.3 ผู้ชายทั้งหมดเลยมีแค่ 11 คน ลงเรียน รด. ทั้งหมด รวมทั้งเด็กหนุ่ม
เพื่อการเตรียมตัวไปสอบเตรียมทหารด้วยกัน ยกเว้นกังจิว ที่มีเชื้อสายจีน สมัครไม่ได้ แต่ก็ไปเรียน รด.ด้วยกัน
ตอนเปิดเทอมแรกที่เริ่มเรียน รด. คุณปู่ของเด็กหนุ่มเสีย จึงบวชหน้าไฟ พาหัวโล้นไปฝึก รด. หลังจากครูฝึกเดินผ่านหน้า
ครูฝึก : วิดพื้น 50 ที
เด็กหนุ่ม : ผมผิดอะไรครับ
ครูฝึก : หัวโล้น
เด็กหนุ่ม : หัวโล้นก็ผิดหรือครับ ?
ครูฝึก : ผิด โทษฐานไม่รีบปฏิบัติตามคำสั่ง วิดพื้น 100 ที
เด็กหนุ่ม : รับทราบ ปฏิบัติ !!!
หลังจากนั้น เด็กหนุ่ม จะโดนลงโทษ บ่อยๆ เพราะชอบมีคำถาม แล้วคิดว่า ตัวเองไม่เคยผิด จากที่เคยตั้งใจไปหัดว่ายน้ำ ก็ไม่ไป เริ่มไม่ชอบวงการทหาร ดูไม่มีเหตุผล ไม่อยากไปเรียนเตรียมทหารแล้ว จนกระทั่งหมดเทอมแรก มีการปิดกองการฝึกรด.ชั่วคราว เด็กหนุ่มมีโอกาสเจอครูฝึก เมื่อเลิกกอง
เด็กหนุ่ม : ครูฝึกครับ ครูฝึกไม่ชอบผมมากหรือครับ ทำไมผมต้องโดนประจำ
ครูฝึก : ใช่ มีอะไรมั้ย
เด็กหนุ่ม : ไม่มีครับ ผมเคยคิดอยากเป็นทหาร อยากแข็งแรง อยากช่วยชาติ แต่ตอนนี้ ผมล้มเลิกความตั้งใจแล้วครับ
ครูฝึก : ไอ้หนุ่ม ครูถามจริงๆ วันแรก เอ็งวิดพื้นได้ครบ 100 ทีมั้ย ใช้เวลาเท่าไหร่
เด็กหนุ่ม : ครบครับ แต่ผิดท่า หลังๆ ผมไม่ไหว แต่ผมทำครบ 100 ทีนะครับ แม้จะนานหน่อย
ครูฝึก : แล้วตอนนี้หล่ะ
เด็กหนุ่ม : ครบครับ ถูกท่าทุกครั้งครับ ไม่เกิน 3 นาที
ครูฝึก : นั่นหล่ะ วิธีการฝึกร่างกาย ถ้าร่างกายอ่อนแอ ไปสอบเข้าเตรียมทหารก็ตก อีกอย่าง เป็นการฝึกทำตามคำสั่ง บางครั้งในเวลาฉุกเฉิน ในสนามรบ ถ้าทหารไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา มัวแต่ถาม เราจะทันสู้ศัตรูมั้ย เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเองเสมอ เราสงสัยได้ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์นั้นแล้วค่อยถาม
เด็กหนุ่ม : แล้วทำไมครูทำท่าเหมือนไม่ชอบผม
ครูฝึก : คนเรา ถ้ามีพลังฮึด ไม่ว่า โกรธ แค้น หรือมีเป้าหมาย คนๆ นั้นจะทำสิ่งที่ยาก ให้สำเร็จได้ โดยสภาพร่างกาย ไม่กลัวอุปสรรค จริงๆแล้ว กำลังใจ มีส่วนอย่างมาก
เด็กหนุ่ม : แล้วทำไมผมโดนบ่อยครับ
ครูฝึก : ลองดูเพื่อนๆ เขาแข็งแรงกว่าเอ็งมั้ย ดูเอ็งสูงใหญ่ก็จริง แต่ดูไม่มีแรง อ่อนแอ ถ้าไม่ลงโทษ เอ็งจะกลับไปฝึกร่างกายมั้ย
เด็กหนุ่ม : ขอบคุณมากครับ ผมเข้าใจแล้วครับ
เด็กหนุ่มทำความเคารพแล้วเดินออกจากค่ายทหารแบบโล่งใจ รู้เหตุผล ในสิ่งที่เขาคิดว่าไร้เหตุผล
ตั้งแต่นั้นมา เด็กหนุ่มก็โดนแกล้งประจำ แต่เขายิ้มเสมอ เพราะอย่างน้อย เขาก็รู้ว่า ครูฝึกรักเขา อยากให้เขาแข็งแรง แล้วเด็กหนุ่มก็มองบวกให้กับวงการทหาร แต่ผลสุดท้าย เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ไปสอบเตรียมทหาร เพราะพอได้ผ่านการฝึก รด. 2 ปี ก่อนสอบเตรียมทหาร เด็กหนุ่มยังว่ายน้ำไม่เป็น พอเอาตัวรอดได้ และรู้ตัวเองแล้วว่า ไม่ใช่แนวที่เขาชอบ แต่การเรียน รด. สอนให้เด็กหนุ่ม มีร่างกายที่แข็งแรง มีความเป็นระเบียบวินัยสูง และตรงเวลาตั้งแต่นั้นมา และทำให้วิธีคิดเปลี่ยนไปเยอะ บางครั้งเจอคนไม่มีเหตุผล ก็พยายามมองว่า เขาอาจจะมีเหตุผลอื่น และไม่ถือโทษเขา ซึ่ง เมื่อเรามองบวก อย่างน้อย เราก็ทำอะไรได้สบายใจขึ้น
------------------------------------------------
ปล. ไม่ว่าการเรียน การทำงาน การฝึกอะไรก็แล้วแต่ เราต้องเปิดใจ รับในสิ่งใหม่ๆ อย่าปิดโอกาสตัวเองเพราะความคิดด้านลบ กลัวการเรียน กลัวงาน กลัวหนัก ในทุกๆ การฝึก การเรียนรู้ มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นเสมอ