รัสเซียวีโต้ มติ ‘ยูเอ็นเอสซี’ คัดค้านหมีขาวผนวกดินแดนยูเครน
จีนงดออกเสียง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมว่า รัสเซียวีโต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่ประณามการผนวกรวมดินแดนยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเมื่อวันที่ 30 กันยายน ขณะที่พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียอย่างจีน ได้งดออกเสียงในที่ประชุมดังกล่าว
ลินดา โทมัส กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ผู้เสนอร่างมติที่เรียกร้องให้รัฐสมาชิกไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสถานะใดๆ ของดินแดนยูเครน และบังคับให้รัสเซียถอนกองทัพของตนออกจากยูเครน กล่าวว่า การที่รัสเซียดึงดันผนวกรวมพื้นที่ 15% ของชาติอธิปไตยอย่างยูเครน เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของยูเอ็น และยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กำลังเฉลิมฉลองอยู่นั้น เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
โดยในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างข้อมติยูเอ็นเอสซีเมื่อวันที่ 30 กันยายนนั้น มีชาติสมาชิกที่ให้การสนับสนุน 10 ชาติ ขณะที่จีน กาบอง อินเดีย และบราซิล งดออกเสียง
ขณะที่วาสซิลี นาเบนเซีย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรรัสเซียประจำยูเอ็น ผู้ออกเสียงวีโต้เพียงหนึ่งเดียวในการประชุมครั้งนี้ ได้ต่อต้านข้อกล่าวหาที่บอกว่ารัสเซียผนวกรวมดินแดนยูเครนด้วยการบังคับและบอกว่า 4 แคว้นยูเครนเลือกที่จะเข้าร่วมกับรัสเซียเองผ่านการทำประชามติ อีกทั้งยังกล่าวอีกว่า จะไม่มีการถอยหลังกลับ อย่างที่ร่างมติในวันนี้จะพยายามที่จะกระทำก็ตาม
เซอร์กีย์ คิสลิตเซีย เอกอัครราชทูตผู้แถนถาวรยูเครนประจำยูเอ็น กล่าวว่า การที่รัสเซียวีโต้มติยูเอ็นเอสซีเพียงผู้เดียวนี้ เป็นหลักฐานที่ตอกย้ำความถูกโดดเดี่ยวของรัสเซีย และความดื้อรั้นที่สิ้นหวังที่จะปฏิเสธความจริงต่อความมุ่งมั่นร่วมกันของพวกเรา ที่เริ่มต้นจากกฎบัตรยูเอ็น
ด้านจีนที่งดออกเสียงต่อร่างมติที่ประณามการกระทำของรัสเซีย กลับยกข้อกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในยูเครนที่อาจยืดยาวและขยายวงกว้างขึ้น โดยจาง จุน เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจีนประจำยูเอ็น กล่าวว่า ขณะที่บูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของทุกประเทศควรได้รับรับการคุ้มครอง แต่ข้อกังวลทางความมั่นคงที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศต่างๆ ก็ควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังเช่นกัน ขณะที่ท่าทีของจีนก็มีความน่าสับสนเพราะจีนแสดงท่าทีเข้าข้างรัสเซียโดยการวิพากษ์วิจารณ์ชาติตะวันตกที่คว่ำบาตรรัสเซีย แต่กลับหยุดอย่างกะทันหันเมื่อต้องส่งความช่วยเหลือทางการทหารให้รัสเซีย แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะประกาศความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างไร้ข้อจำกัดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์