"ปดิพัทธ์" ชี้แจง อาคารรัฐสภายังส่งมอบไม่ได้ เพราะยังมีความเห็นแย้ง คาดสิ้นเดือนนี้ชัดเจน นอกจากนี้ พรรคก้าวไกล เชื่อว่า "ช่อ พรรณิการ์" โดนกลั่นแกล้งถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดไป ถามรธน.ฉบับปราบโกงหรือปราบใคร
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แถลงถึงการตรวจรับอาคารรัฐสภา ว่า อาคารรัฐสภาไม่แล้วเสร็จตามสัญญาในปี 2563 และเกี่ยวข้องกับมติ ครม. รวมถึงการแก้ไขสัญญาหลายจุด ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อให้กรรมการตรวจรับ โดยทามไลน์จะต้องตรวจรับเมื่อวันจันทร์ ที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา แต่กรรมการยังมีความเห็นแย้งกันอยู่ทำให้ต้องได้ข้อมูลความเห็นแย้งก่อน โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้
ส่วนข้อกังวลที่ว่าอาคารรัฐสภาสมบูรณ์พอที่จะตรวจสอบหรือไม่ ตรงตามเงื่อนไขในสัญญาหรือไม่นั้น เป็นความรับผิดชอบของกรรมการตรวจการจ้าง ฝ่ายเลขาธิการสภาเป็นผู้รับผิดชอบ หากใครยังเห็นว่าอาคารรัฐสภาแห่งนี้ยังมีจุดต้องสงสัย หรือคาดว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถตรวจรับได้ก็สามารถส่งเรื่องมายังตนเองได้ จะได้ทำการตรวจสอบร่วมกัน
สำหรับเรื่องค่าปรับที่ส่งมอบอาคารล่าช้า ซึ่งผ่านหลายห้วงเวลาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 และมีมาตราเกี่ยวโยงกับ ครม.นั้น จะรวบรวมข้อเท็จจริงส่วนนี้แล้วเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับความโปร่งใสที่ต้องให้สังคมรับทราบ ทั้งนี้ หากตรวจรับได้ภายในเดือนกันยายนนี้ ก็จะได้เปิดใช้อาคารรัฐสภาได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งเรื่องค่าปรับนี้ ในเงื่อนไขของ ครม. และสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มอาจจะต้องจ่ายน้อยลง หรืออาจจะไม่ต้องจ่าย แต่ขอศึกษาข้อมูลเรื่องนี้ก่อน
ขณะที่นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษาน.ส.พรรณิการ์ วาณิช ถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ในฐานะที่เป็นคนอภิปรายถึงแนวนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม รวมถึงปัญหาโครงสร้างประเทศที่ใช้นิติสงครามเข้ามาจัดการนักการเมือง โดยตั้งคำถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่เรียกว่า “ฉบับปราบโกง” เป็นการปราบโกงหรือปราบใคร เพราะพบว่ามีปัญหาแฝงในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ที่เรียกว่า “ฉบับปราบโกง” เป็นการปราบโกงหรือปราบใคร เพราะพบว่ามีปัญหาแฝงในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นการให้อำนาจองค์กรอิสระ ออกมาตรฐานจริยธรรมของแต่ละองค์กรขึ้นมา มีผลให้ สส. สว. และรัฐมนตรีอยู่ภายใต้มาตรฐานจริยธรรมนี้
พร้อมกล่าวด้วยว่า ความผิดของน.ส.พรรณิการ์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นก่อนมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเชื่อว่านี่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐธรรมนูญกลั่นแกล้งนักการเมือง ปราบนักการเมืองที่ไม่ยอมจำนน และนักการเมืองที่ไม่สยบยอมอยู่ภายใต้กฎหมายนี้
ส่วนมองว่าเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวหรือไม่ นายปิยรัฐมองว่าไม่ใช่การเขียนเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล หรือคดีมาตรา 112 เท่านั้น ขณะที่น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในแง่ของกฎหมาย ไม่ควรมีกฎหมายลงโทษย้อนหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากเทียบทางอาญาถือเป็นโทษประหารชีวิต ถือเป็นโทษสูงหากเทียบพฤติการณ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
ความเห็น 2
เอกยุทธ น้อยบุตร
ตอนปารีณาโดนทำไมพวกคุณไม่โวย
21 ก.ย 2566 เวลา 09.51 น.
ดูทั้งหมด