ใครชอบตั้งกดเวลา Snooze นาฬิกาปลุกกันบ้างคะ
ตั้งเวลาตื่นไว้ล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง เผื่อตื่นแล้วจะได้ผัดเวลานอนต่อ
แต่รู้ไหมว่า…การกด Snooze ไม่ได้มีผลเสียแค่ทำให้ตื่นสายเท่านั้น !
ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าการทำแบบนี้มีผลเสียต่อร่างกายโดยตรง
เพราะการล้มตัวลงนอนใหม่อีกครั้งหลังจากตื่นแล้วทำให้สมองเริ่มเข้าสู่โหมดหลับใหม่อีกรอบ
เมื่อต้องลุกตื่นขึ้นจริงๆอีกครั้งในเวลาไม่นานหลังจากนั้นจึงทำให้รู้สึกว่านอนไม่พอ และอ่อนเพลียยิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อฟังก์ชั่น Snooze ของนาฬิกาปลุกยุคนี้กลับสร้างความยุ่งยากมากขึ้น
เป็นเรื่องน่าคิดว่า แล้วชีวิตที่มี Notification ตั้งเวลา “เตือน” ได้ 24 ชั่วโมงแบบในยุคนี้
ทำให้เราใช้เวลาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือเปล่า
หรือทำให้เราผัดวันประกันพรุ่ง กด Snooze สิ่งที่ควรทำหลายอย่างในชีวิตมากขึ้นกันแน่
“สักครู่” ของคนยุคใหม่
“สักครู่” ของคนยุคใหม่นั้นอาจกินเวลา “ยาวนาน" กว่าที่เราคิด
นักวิจัยจาก The Johannes Gutenberg University of Mainz ได้บัญญัติศัพท์คำหนึ่งขึ้นมาเรียกว่า
“Facebocrastination” (Facebook + Procrastination)
หรือการผัดวันประกันพรุ่งที่มีสาเหตุมาจากการเล่น Facebook เป็นหลัก อาการ คือ แรกเริ่มตั้งใจว่าจะทำงาน แต่พอทำถึงจุดหนึ่งที่เริ่มรู้สึก เบื่อหน่าย เหนื่อยล้า
ในใจเริ่มรู้สึกอยาก “พักสักครู่” และได้กดเข้าไปใน Facebook ระหว่างพัก
ก็จะเล่นเพลินจนลืมเวลาและจบด้วยการใช้เวลาในโซเชียลมีเดียนานกว่าที่ตั้งใจไว้
ความจริงแล้ว ไม่ใช่แค่ Facebook เท่านั้นแต่โซเชียลมีเดียอื่นๆ ทั้ง Twitter และ Instagram
ต่างถูกออกแบบมาให้เราใช้เวลานานๆกับมัน
ทั้งยิงโฆษณาในสิ่งที่เราสนใจ ปรับ Feed ให้เห็นเนื้อหาเพื่อนที่เราสนิทเยอะๆ
ยิ่งมีเพื่อนมาก ยิ่งมี Notification เยอะและเนื้อหาสำหรับเสพมากตามขึ้นไป
ทำให้เวลาที่ใช้นานเพิ่มขึ้นไปด้วย
แล้วถ้านำเวลา “สักครู่” ที่ใช้ไปกับการเล่นโซเชียลมีเดียมารวมกันเยอะๆ จะเกิดอะไรขึ้น ?
ความลับของสมอง คือ การใช้สมาธิ หรือ โฟกัสของคนเรานั้นมีจำกัด
การคิดว่า หากเสพเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ไขว้เขว (Distraction) เพียงชั่วครู่ไม่เสียเวลาและพลังงานมากนั้นเป็นเรื่องไม่จริง เพราะเมื่อใช้สมาธิแตกไปในเรื่องเล็กๆน้อยๆมากมายแล้ว
เราจะเหลือพลังในการใช้สมาธิกับเรื่องหลักในชีวิตที่ตั้งใจอยากทำลดลง
ส่งผลให้เกิดการผัดวันประกันพรุ่งในที่สุด
กิจวัตรเลื่อนลอย
พูดได้ว่าหลายครั้งที่เปิดโซเชียลมีเดียขึ้นมา เราไม่ได้มีเป้าหมายว่าอยากเสพอะไรเป็นพิเศษ
แค่ลองกดเข้าไปดูเผื่อมีอะไรน่าสนใจ
ยิ่งทำเป็นประจำ ยิ่งติดเป็นนิสัยที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ต้องหยิบมือถือขึ้นมาดูในช่วงเศษเวลาที่ยืนรอคิว รอรถ โดยไม่ได้เจาะจงว่าอยากเสพอะไร
เข้าสู่โหมด “เลื่อนลอย” ไร้จุดหมาย ดั่งกึ่งหลับกึ่งตื่น
เวลาที่เราอยู่ในโหมดนี้ เราจะมีการควบคุมตัวเองต่ำ (Low self-control)
คล้ายๆกับการกินเยอะไป ช้อปปิ้งเยอะไป หรือ เลื่อนเวลาตื่นนอนไปเรื่อยๆ
รู้ว่าไม่ดี แต่ห้ามใจตัวเองไม่ได้
“ตื่น” ก่อนที่จะ “สาย” เกินไป
ทางแก้ง่ายๆในการออกจากโหมดเลื่อนลอย คือ “ตื่น”
ถ้าโลกโซเชียลเปรียบดั่งโลกในความฝัน
ที่เราควบคุมเรื่องราวไม่ได้ แล้วแต่ Algorithm จะพาเราท่องไป
อีกทั้งมี Notification มากมาย ยื้อให้เราสนุกสนานกับเพื่อน
ลอยไปลอยมาในโลกออนไลน์ แอบดูเรื่องราวของคนนั้นคนนี้จนไม่อยากตื่น
การ “ตื่นรู้” มีสติเสมอเวลาเล่นมือถือ
จะช่วยให้เราตื่นมาเจอโลกแห่งความเป็นจริงและสนุกในโลกออนไลน์แต่พอดี
…
ทุกๆเช้า แม้ตั้งเวลา Snooze ในนาฬิกาปลุกมากมายเท่าไหร่
เมื่อถึงเวลา ณ จุดๆหนึ่งที่รู้ว่า สายแล้วแน่ๆ เราก็ต้องลุก
ชีวิตจริงในแง่มุมอื่นๆ เราอาจเห็น Deadline ของชีวิตไม่ชัดเหมือนการตื่นนอนว่า เมื่อไหร่ที่สายเกินไป
เราจึงควรตั้ง Notification ในใจตัวเองให้มีขอบเขตเวลาในการท่องโลกออนไลน์ด้วย
ลองเริ่มฝึกง่ายๆจากการไม่กด Snooze ตอนเช้าก่อนก็ได้นะคะ
ที่มา:
https://www.huffpost.com/entry/snooze-button-sleep_n_4509581?utm_hp_ref=healthy-living
About Me
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube:http://www.youtube.com/faunglada
ความเห็น 4
ยากดู
13 เม.ย. 2562 เวลา 14.13 น.
N_Tansuwannarat
ข้อมูลบอกว่า "คนไทยใช้มือถือเล่นในโลกโซเชียลประมาณ 7 ชม. ต่อวัน" นี่ก็ยังไม่ได้นับรวมเวลากิจกรรมชีวิตอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
เวลาเราเล่นอะไรมาก ๆ มันจะติด แล้วเราก็จะออกจากพันธนาการอะไรบางอย่างไม่ได้ อย่างเช่น กินของหวานก็จะกินไปอยู่อย่างงั้น อยากได้มือถือใหม่ก็จะซื้อใหม่ทุกปี เป็นต้น
ฉะนั้น ผมมองว่าเราต้อง "หักดิบ" ต้องใช้คำที่คนเลิกบุหรี่มักใช้กัน "เล่นโซเชียลให้มีขอบเขตในเวลาที่ควรจะเล่น เสพการแจ้งเตือนต่าง ๆ ให้มีขอบเขตความเหมาะสม" แล้วเราก็จะบริหารชีวิตและเวลาบนสองโลกได้อย่างพอดีครับ
12 เม.ย. 2562 เวลา 05.10 น.
Boi
เขียนได้ดีครับ
11 เม.ย. 2562 เวลา 21.59 น.
ทุกวันนี้หน้าที่การงานเป็นตัวช่วยกระตุ้นได้ดีที่สุด จึงไม่จำเป็นทึ่ต้องใช้ตัวช่วยอย่างอื่นเลย.
11 เม.ย. 2562 เวลา 16.36 น.
ดูทั้งหมด