กระเป๋าแบรนด์เนม ที่ถูกเรียกเก็บภาษีจากกรณีนี้ กรมศุลกากร ชี้แจงว่า เป็นการสุ่มตรวจ แม้ว่าเจ้าของจะนำมาออกมาใช้แล้ว แต่พบว่าเป็นสินค้าใหม่ที่นำเข้ามา เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบกล่องของสินค้าในกระเป๋า และการสอบถามผู้ใช้ยอมรับว่า กระเป๋าใบนี้ซื้อมาจากต่างประเทศจริง ทำให้ต้องเรียกเก็บภาษี ตามกฎหมายการเสียภาษี ที่ระบุไว้ว่า สินค้าติดตัวที่ซื้อจากต่างประเทศ หากมีราคาเกิน 20,000 บาท จะต้องเสียภาษีอากรขาเข้าร้อยละ 20 และภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 จากราคาเต็มของสินค้า โดยกรมศุลกากร ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะที่แนวทางการเสียภาษี สำหรับสินค้าส่วนตัว มีหลักเกณฑ์กำหนดไว้ว่า จะยกเว้นการเสียภาษี หากสินค้านั้นมีมูลค่าไม่ถึง 20,000 บาท โดยประชาชน 1 คน จะนำเข้าสินค้าที่เป็นของใช้ส่วนตัวกี่ชิ้นก็ได้โดยไม่ต้องเสียภาษีแต่หากสินค้าชินใดมีราคาเกิน 20,000 บาท จะเสียภาษีเป็นรายชิ้นโดยไม่นำมานับราคารวมกัน
กรมศุลกากร ยืนยันว่า สำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ และมีของมูลค่า 2 หมื่นบาทขึ้นไป ต้องแจ้งข้อมูลแก่กรมศุลกากรทุกครั้ง โดยนำของสิ่งนั้น ไปทำเอกสารที่ห้อทำการศุลกากร บริเวณห้องผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ เพื่อลงทะเบียน โดยดอกสารที่ต้องเตรียมไป คือภาพถ่ายของสิ่งนั้น 2 ชุด จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารไว้ เพื่อยื่นแสดงช่วงเดินทางกลับ แต่ในกรณีที่ไม่แจ้ง แล้วถูกสุ่มตรวจ จะต้องหาหลักฐานมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่านำติดตัวออกไปจากประเทศตั้งแต่แรก ไม่ได้ซื้อเข้ามา ซึ่งอาจเสี่ยงเสียภาษีหากไม่สามารถยืนยันได้