โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

เปิดเทคนิค “ซื้อ” หุ้นปันผล ลงทุนช่วงไหนได้ผลตอบแทนดี?

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 00.44 น. • เผยแพร่ 25 ม.ค. 2565 เวลา 02.15 น. • This’s Alano

ในช่วงที่ตลาดผันผวน หุ้นปันผลจึงเป็นคำตอบสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลุมหลบภัย ดังนั้นจึงเกิดคำถามมากมายตามมาว่า หุ้นปันผลควรเข้าซื้อในช่วงไหนจะเหมาะสม และหุ้นตัวไหนบ้างที่โดดเด่น น่าเข้าลงทุน วันนี้ทีมข่าวWealthy Thai หาคำตอบพร้อมกับเหตุผลมาให้นักลงทุนแล้ว
สะท้อนจากนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกมาประเมินหุ้นปันผลไว้อย่างน่าสนใจ โดยบอกว่า ฝ่ายวิจัยประเมินหุ้นปันผลมีโอกาส Outperform ตลาดในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า จาก 3 เหตุผล คือ 1.ปัจจัยด้านฤดูกาล โดยได้วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ 5 ปี ย้อนหลังผ่าน Index Ratio ระหว่าง SETHD : SET พบว่า SETHD จะเคลื่อนไหวดีกว่า SET ในเดือน ก.พ. และ มี.ค. ของทุกปีที่ระดับ 1.9% และ 2.6% ตามลำดับ
2.หุ้นปันผลสามารถดูดซับแรงกดดันจาก Earning Yield Gap ที่ลดลง จากผลของ Bond Yield ที่ไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องได้บางส่วน ทำให้หุ้นที่จ่ายปันผลสูง เสมอมักถูกใช้เป็นแหล่งพักเงิน ในช่วงเริ่มต้นของวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น และ3.หลายบริษัทมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลของรอบปี 2564 สูงกว่าค่าเฉลี่ย จากผลประกอบการที่ฟื้นตัวเร็ว และเป็นการชดเชยเงินปันผลที่ไม่ได้จ่ายหรือจ่ายได้น้อยกว่าปกติในปี 2563

คัด 9 หุ้นน่าลงทุน

ดังนั้นได้คัดกรองหุ้นที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูงช่วงที่เหลือของปี 2564 จาก Universe พบว่า มี 7 กลุ่มที่น่าสนใจลงทุน คือ พลังงาน, ปิโตรเคมี, ธนาคารพาณิชย์,อสังหาริมทรัพย์, การแพทย์ , ยานยนต์และ Small Cap. ซึ่งถ้าพิจารณาร่วมกับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/64 ที่ต้องมีการเติบโตเมื่อเทียบไตรมาสก่อน หรือช่วงเดียวกันของปีก่อน และธีมการลงทุนในปี 2565 ที่ให้ความสำคัญกับ Value Stock ผสานกับหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยขาขึ้นจำกัด จึงประเมินว่ามี 9 หุ้นที่ น่าสนใจลงทุนคือ TISCO, KKP, BBL, BCP, IRPC, AP, ORI, NER, STI โดยนักลงทุนสามารถ พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากตารางสรุปหุ้นปันผลนี้

ดักเก็บช่วงท้ายม.ค.นี้

จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณโดยอิงข้อมูลสถิติ 5 ปีย้อนหลังระหว่างปี 2560-2564 พบปัจจัยฤดูกาลในการเคลื่อนไหวของ SETHD Index หรือ SET High Dividend 30 Index ที่เป็นตัวแทนของหุ้นจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ 30 หลักทรัพย์เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของ SET Index ซึ่งได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ผ่าน Index Ratio ระหว่าง SETHD : SET ของข้อมูลรายสัปดาห์ เพื่อพิจารณาภาวะ Outperform และ Underperform ของ SETHD เมื่อเทียบกับ SET
โดยได้ ข้อสรุปเบื้องต้นว่า SETHD จะ Outperform เมื่อเทียบกับ SET ใน 2 ช่วงเวลา คือ มี.ค.-เม.ย. และ ส.ค.-ก.ย. ตามฤดูกาลประกาศจ่ายปันผลของบริษัท แต่ภาวะ Outperform ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย. ของแต่ละปี เพราะเป็นฤดูกาลจ่ายปันผลของเกือบทุกบริษัทที่มีศักยภาพในการจ่ายปันผลได้
ทั้งนี้ถ้าพิจารณาผลตอบแทนเชิงเปรียบเทียบ พบว่า SETHD จะเคลื่อนไหวดีกว่า SET (ขึ้นมากกว่า หรือลงน้อยกว่า) ในระดับ 0.6-2.6% บนสมมติฐานการซื้อหุ้นใน SETHD สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ม.ค. แล้วไปขายสิ้นเดือน ก.พ.(+1.9%), สิ้นเดือน มี.ค.(+2.6%), และสิ้นเดือน เม.ย.(+0.6%) ตามลำดับ จึงพบว่าการถือไปขายปลายเดือน มี.ค. จะเป็นช่วงเวลาที่ชนะตลาดได้มากที่สุด ด้วยความน่าจะเป็นในการชนะ SET Index สูงถึง 100%
เพราะฉะนั้น จึงได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าการลงทุนในหุ้นปันผลสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ม.ค. 2565 จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเอาชนะตลาดที่กำลังเข้าสู่วงจรของความผันผวนตลอด 1-2เดือนข้างหน้านี้ได้
ขณะที่อิงข้อมูลคาดการณ์เงินปันผลปี 2565 ของ SET Index จาก Bloomberg ที่ระดับ 2.6% ต่อปี ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั้งโลก แต่ถ้าเทียบกับประเทศแถบเอเชียโดยเฉพาะ กลุ่ม TIPs ถือว่าอยู่ในระดับ Outperform โดยทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ให้เงินปันผลเฉลี่ยเท่ากันคือ 1.9% ต่อปี ซึ่งถ้าพิจารณาประกอบกับปัจจัยเสี่ยงด้านภาวะเงินเฟ้อและการลดสภาพคล่องของ FED และ ECB ที่ล้วนเป็นตัวแปรหนุนให้ Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น และ กดดัน Earning Yield Gap ให้อ่อนตัวลง
ทั้งนี้คาดว่าตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าค่าเฉลี่ย จะผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำกว่า เนื่องจาก สามารถชดเชยผลกระทบจาก Earning Yield Gap ที่อ่อนตัวลงได้บางส่วนนั่นเอง เพราะฉะนั้น หุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ จึงควรจะได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวน้อยกว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลต่ำและไม่สม่ำเสมอด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่า ปัจจัยด้านผลตอบแทนจากเงินปันผล จะเป็นตัวแปรหนุนให้ กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในช่วง 1-2เดือนข้างหน้า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0