ใช้ทุน 3,000 บาท ขาย บัวลอยของย่า หวังพาให้หลุดพ้น จากความยากลำบาก
หลังเรียนจบ ป.6 ไอซ์-บุรัสกร พานอิน ตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพราะคิดว่าตัวเองเรียนไม่เก่ง และโรงเรียนไม่ใช่ที่ของเธอ อีกทั้งผลการเรียนก็ออกมาไม่ดี สู้คนอื่นไม่ได้ เมื่อบวกกับคำพูดเชิงลบของผู้ใหญ่บางคน เหตุผลแค่นี้ ก็มากเพียงพอที่จะทำให้ไอซ์ หลุดออกจากระบบการศึกษา ออกมาช่วยย่าขายขนม และตั้งใจว่าจะทำงานหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองให้ดีที่สุด และไม่ให้แพ้คนเรียนสูงๆ
แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง หรือต้องพิสูจน์อะไรสักอย่าง ช่วงแรกที่ไอซ์ ออกมาช่วยย่าขายขนมหวานที่เธอผูกพันมาตั้งแต่เด็กนั้น เธอขายขนมควบคู่ไปกับการเรียน กศน. และรับจ้างทำงานอื่นไปด้วย เหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี
แต่การทำ 3 อย่างในเวลาเดียวกันของเด็กสาววัย 16 ปี ทำให้เธอรู้สึกว่าอาจจะทำได้ไม่ดีสักอย่าง ท้ายที่สุดเธอจึงตัดสินใจหันหลังให้ระบบการศึกษาอย่างเต็มรูปแบบ และเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตามคำชักชวนของเพื่อน
เด็กสาวจากจังหวัดราชบุรี ไปทำงานรับจ้างขายก๋วยเตี๋ยว แต่ถูกเบี้ยวค่าจ้าง หางานใหม่ด้วยการไปรับจ้างสับไก่กับพม่า เพื่อหาเงินเป็นค่ารถกลับบ้าน
.”ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยคิดจะไปทำงานที่อื่นอีกเลย ทั้งเข็ด ทั้งกลัว” ไอซ์ บอก
และเล่าอีกว่า หลังกลับมาจากกรุงเทพฯ ก็ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะระบาด ร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่คึกคัก เต็มไปด้วยลูกค้า ได้ค่าแรงวันละ 150 บวกทิปอีกพอสมควรทำให้เธอมีรายได้มากพอที่จะแยกตัวออกมาเช่าหออยู่ลำพัง
แต่สถานการณ์โรคระบาดก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำกลับแย่ลงกว่าเดิม ร้านอาหารได้รับผลกระทบ พนักงานหลายคนถูกเลิกจ้าง เหลือไว้เฉพาะไอซ์กับเพื่อนอีก 1 คน แต่กระนั้นก็ตาม รายได้ 150 บาท แม้จะพอใช้จ่ายประจำวัน แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เธอคิดถึงอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงที่มืดมิดที่สุด ยังมีประกายแห่งความหวัง เพราะเป็นช่วงที่โครงการสนับสนุนการพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษา โดยเครือข่ายเชิงพื้นที่ : ภาคตะวันตกเขตตะนาวศรี เข้าไปค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กนอกระบบ ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และมีโอกาสพูดคุยกับไอซ์ถึงอนาคตและความฝันของเธอ
“ก็ไม่อยากคิดไปไกล เพราะกลัวผิดหวัง พี่เลี้ยงก็บอกว่าให้ค่อย ๆ คิด ไม่ต้องรีบ” ไอซ์ พยายามทบทวนเรื่องราวในวัยเด็ก
และ ‘ขนมของย่า’ ก็ผุดขึ้นมาในหัว
“ขนมหวานของย่า อาจเป็นทางรอดของวันนี้และในอนาคต” เธอบอก
และว่า “จริงๆ หนูเคยคิดอยากเปิดร้านขนมหวานนะ เพราะหนูเคยช่วยย่าทำขนม และช่วยขายเลยพอทำเป็นอยู่บ้าง เพราะรู้สูตร”
จากนั้น ไอซ์ จึงนำเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ จำนวน 3,000 บาท ไปเป็นทุนสำหรับการทำอาชีพเสริมในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร เธอคิดว่า ‘บัวลอย’ ของย่า จะพาให้เธอหลุดพ้นจากความยากลำบาก ได้อีกครั้ง
“อยากเปิดร้านขายขนมหวานเป็นของตัวเอง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเด็กที่จบเพียงชั้น ป.6 จะสามารถนำพาตัวเองจนประสบความสำเร็จในชีวิต สามารถทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้” ไอซ์ บอก
และนอกจากเงินทุนจำนวนหนึ่งที่ได้รับ เจ้าของร้านอาหาร ยินดีให้ใช้อุปกรณ์ในการประกอบอาหารโดยไม่คิดเงิน ไอซ์เริ่มเปิดตัวขนมบัวลอยผ่านเฟซบุ๊กรอรับออร์เดอร์จากลูกค้า
“วันแรกขายไม่ได้ แต่ก็ไม่เลิก คติของหนูคือทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุด วันต่อมาก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามา มีคนชมว่าอร่อย” นับแต่นั้น บัวลอยของไอซ์ (สูตรย่า) จึงเป็นที่รู้จักมากขึ้น
“ความฝันของหนูสำเร็จได้เพราะเงินทุน 3,000 บาท สำหรับคนอื่นอาจจะไม่มาก แต่สำหรับหนูมันเยอะมาก และโครงการฯ แบบนี้ควรเปิดโอกาสให้เด็กคนอื่นๆ ที่ขาดโอกาสแบบหนูได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”
ไอซ์ ใช้เงิน 3,000 บาท อย่างรู้ค่า กำไรจากการขายบัวลอยก็สะสมไว้สำหรับทำขนมหวานในความทรงจำชนิดอื่นๆ เช่น ขนมตะโก้ ขนมถ้วย กล้วยบวชชี เป็นต้น
ความเห็น 5
Jaw
เด็กๆสามกีบน่าศึกษาเป็นแบบอย่าง แทนที่จะเอาแต่เรียกร้องสร้างวาทกรรมไปวันๆ
26 ก.พ. 2565 เวลา 15.49 น.
มอส เมืองชุมแพ
ขอส่งกำลังใจครับ ขอให้น้องประสบความสำเร็จโดยเร็วครับ
26 ก.พ. 2565 เวลา 16.56 น.
老頑童
ทำใจสิ่งที่ตัวเองถนัด
26 ก.พ. 2565 เวลา 18.10 น.
Pojsible
ดีที่หนูอดทน ใช้ความรู้ ในการต่อยอด แต่อย่าไปปรามาส ทำงานแค่ค่าแรง 150 บาท ทำงานกับพม่า หนูสู้บากบั่น แต่อย่าไปดูถูกภูมิหลัง
26 ก.พ. 2565 เวลา 16.27 น.
MWongthanakunchorn
ขอส่งกำลังใจ...สู้ต่อไป
27 ก.พ. 2565 เวลา 03.48 น.
ดูทั้งหมด