หากใครเคยออกไปเดินจ่ายตลาดสดยามเช้า เชื่อว่าต้องเคยเห็นปลาตัวยาวๆ รูปร่างคล้ายงู นอนแช่อยู่ในกะละมังน้ำตื้นๆ แน่ และคงมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ที่อดสงสัยไม่ได้ว่า “ปลาไหลนา” พวกนี้ นอกจากนำมาปล่อยสะเดาะเคราะห์แล้ว ยังเอามาทำประโเยชน์อย่างอื่นได้ด้วยหรือ งั้นเอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักกับเจ้าปลาตัวลื่นๆ ที่ว่านี้กันสักหน่อยดีกว่า
ปลาไหลนา (Asian swamp eel) เป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งมีรูปร่างเรียวยาวคล้ายงู มีดวงตาขนาดเล็ก มีอวัยวะช่วยหายใจอยู่ในคอหอยซึ่งช่วยให้หายใจได้โดยไม่ต้องผ่านซี่กรองเหงือกเหมือนปลาทั่วไป และยังสามารถขุดรูในดินเพื่อจำศีลในช่วงฤดูร้อนได้ด้วย
ลักษณะทั่วไปของปลาไหลเป็นปลาที่ไม่มีครีบใดๆ ยกเว้นบริเวณปลายหางแบนยาวคล้ายใบพาย แต่เมื่อยังเล็กจะมีครีบอก ซึ่งจะหายไปเมื่อโตขึ้น ลำตัวลื่นมาก สีลำตัวปกติเป็นสีเหลืองทอง ใต้ท้องสีขาว ในบางตัวอาจมีจุดกระสีน้ำตาล แต่ก็มีพบมากที่สีจะกลายไป เป็นสีเผือก สีทองทั้งตัว หรือสีด่าง มีความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 1.01 เมตร
ปลาไหลนา จัดเป็นปลาในวงศ์ปลาไหลนาที่พบมากที่สุดในประเทศไทยและเป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดด้วย สามารถพบได้ทุกภาค ทุกแหล่งน้ำ ดำรงชีพด้วยการกินเนื้อเป็นอาหารสัตว์เป็นอาหาร และกินได้แม้กระทั่งซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย ซึ่งคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะนิยมบริโภคกันมาแต่โบราณ อีกทั้งยังมีความเชื่ออีกว่า หากปล่อยปลาไหลนาแล้วจะช่วยให้ทุกข์โศกไหลไปตามชื่อ ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงกันในเชิงพาณิชย์ โดยนิยมเลี้ยงในบ่อปูน ในปลาที่มีสีกลายออกไป นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม
นอกจากนี้ ปลาไหลยังมีวงจรชีวิตแปลกๆ นั่นคือเมื่อยังเล็กจะเป็นตัวเมีย และจะกลายเป็นตัวผู้เมื่อโตขึ้น ผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน และมีความสมบูรณ์สูงสุดในการวางไข่ คือ เดือนสิงหาคม โดยไข่จะมีเพียง 1 ฝัก เป็นลักษณะไข่จมไม่สัมผัสกับวัสสุใด ๆ ใต้น้ำ เมื่อสัมผัส จะมีความยืดหยุ่นมาก มีลักษณะสีเหลืองสดใส ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3 เซนติเมตร ไข่ที่ได้รับการผสมมีลักษณะกลม สีเหลืองทอง ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะมีสีขาวใส ไข่จะใช้เวลาในการฟักประมาณ 3 วัน ลูกปลาเมื่อฟักออกใหม่ ๆ มีความยาว 2.5 เซนติเมตร มีถุงไข่แดง 2 ใน 3 ส่วน และมีครีบอกเมื่ออายุได้ 5 – 6 วัน ถุงไข่แดงยุบพร้อมครีบอกหายไป และเริ่มกินอาหารได้