ซีเอ็นเอ็นรายงานเชิงวิเคราะห์ศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ2024ว่า การรณรงค์หาเสียงที่ราบรื่นมาโดยตลอดของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต จะเจอกับการท้าทายจากคู่แข่งทางการเมืองที่น่าเกรงขามมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ของสหรัฐฯคือ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งจะขึ้นเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ทางโทรทัศน์นัดแรกที่ศูนย์รัฐธรรมนูญแห่งชาติในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนียเวลา 21.00 น. ของวันนี้(10 ก.ย.67) ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเช้าวันพรุ่งนี้ (11 ก.ย.67)
ค่ำคืนนี้จะเป็นโอกาสเดียวที่ดีที่สุดสำหรับนางแฮร์ริสที่จะยกเหตุผลมาอภิปรายให้สาธารณชนในสหรัฐฯเข้าใจไร้ข้อสงสัยว่า เหตุใด นายทรัมป์ไม่ควรได้รับเลือกตั้งให้เข้ามาบริหารประเทศสมัยที่ 2 แต่ทั้งนี้ การดีเบตในคืนนี้ ต้องอาศัยวาทศิลป์ ซึ่งหลายคนรู้สึกสงสัยในตัวนางแฮร์ริส เนื่องจากเป็นรองนายทรัมป์อยู่มาก แม้ว่าเธอมีประสบการณ์การพูดต่อสาธารณะ เคยผ่านเวทีอภิปรายต่างๆและเวทีไต่สวนในที่ประชุมวุฒิสภามากมาย
แต่บางครั้ง นางแฮร์ริส มีปัญหาในการสื่อสารเรื่องนโยบายให้สาธารณชนเข้าใจอย่างชัดแจ้ง และไม่สามารถตอบคำถามทันทีในเจอกับสถานการณ์กดดัน นับตั้งแต่เป็นผู้สมัครประธานาธิบดีในนามพรรค เธอเข้าร่วมรายการสัมภาษณ์ของสื่อเพียงแห่งเดียวคือ สถานีโทรทัศน์ CNN ในเดือนที่แล้ว ก่อนมาเจอกับนายทรัมป์ในครั้งนี้ ส่วนนายทรัมป์เคยร่วมดีเบตอย่างโชกโชนในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯมา 3 ครั้ง รวมถึงศึกเลือกตั้ง2024 แต่จะเป็นการขึ้นเวทีดีเบตเป็นครั้งแรกของนางแฮร์ริส นับตั้งแต่การขึ้นเวทีดีเบตกับอดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ อดีตคู่หูของนายทรัมป์ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020
ถ้านางแฮร์ริสสามารถจะยืนหยัดกับกระแสกดดัน และเตรียมตัวอย่างดีกับการถูกวิจารณ์อย่างหนักจากนายทรัมป์ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าพูดจาตรงๆแบบขวานผ่าซาก การดีเบตครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญมากสำหรับนางแฮร์ริสในการดีเบตเรื่องนโยบายต่างๆว่าเธอจะบริหารประเทศให้แตกต่างจากรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไร ซึ่งความสำเร็จจากการขึ้นเวทีในครั้งนี้ อาจจะช่วยต่อยอดให้นางแฮร์ริสสามารถจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกใครในรัฐที่ทั้งสองพรรคมีคะแนนสูสี มีความเชื่อมั่นในตัวเธอว่ามีแผนการที่เชื่อถือได้ที่จะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขามีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจจะช่วยให้เธอชนะการเลือกตั้ง
จากผลสำรวจของนิวยอร์คไทม์ ร่วมกับ วิทยาลัยเซียนาเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แล้วบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่เธอจะมีคะแนนนิยมเพิ่มอีก เนื่องจาก ร้อยละ 28 ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ต้องการรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดและนโยบายการบริหารของนางแฮร์ริส ขณะที่เพียงร้อยละ 9 ระบุว่าต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายทรัมป์ ก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง 5 พ.ย.นี้
#ดีเบตวิสัยทัศน์
#เลือกตั้งสหรัฐ