ข้อมูลเบื้องต้น
穿越远古携千亿物资帮反派养崽崽
ผู้แต่ง: 塔花树
จำนวนตอน: 634 รวมตอนพิเศษ
เจ้าของลิขสิทธิ์ต้นฉบับ: Beijing Gardenium Cultural Broadcasting Co., Ltd. (17k)
ภายใต้ความร่วมมือกับ TLL Literary Agency & Silkroad Publishers Agency Co., Ltd.
ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทย: สำนักพิมพ์เซียนอ่าน
นักวาด: ABC_Art
ผู้แปล: เสี่ยวเถียวนั่งหิวอยู่ริมคลอง
---------------------------------------------------------------------
เรื่องย่อ
เมื่อหูเจียวเจียวทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเรื่อง ‘แดนปีศาจมหัศจรรย์’ เธอก็ต้องตกตะลึงเพราะตนได้กลายเป็นตัวประกอบหญิงที่มีนิสัยชั่วร้าย แถมไม่พอนางยังมีจุดจบที่น่าอนาถสุด ๆ อีกด้วย!
นอกจากหญิงชั่วช้าคนนี้จะพลาดท่าไปหลับนอนกับเจ้าจอมวายร้ายที่เป็นลาสบอสแล้ว นางยังให้กำเนิดวายร้ายตัวน้อยแก่เขาอีก 5 ตน!
หญิงสาวผู้โชคร้ายจึงต้องต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกับคนอื่น และเผชิญหน้ากับเด็กทั้ง 5 คนที่ต้องการให้เธอตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
หูเจียวเจียว: ฉันต้องมีจุดจบแบบเดียวกับนางร้ายจริง ๆ เหรอ!
ทว่าพระเจ้าไม่ได้ใจร้ายกับเธอเสียทีเดียว เพราะเธอมาพร้อมกับมิติที่เต็มไปด้วยของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, เสบียงต่าง ๆ, เครื่องมือทำการเกษตร, สิ่งจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต, วัสดุก่อสร้าง, อาวุธ, เครื่องมือทางการแพทย์ ทุกอย่างที่เธอต้องการถูกจัดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว!
ขอบคุณสวรรค์! ฉันรักมิตินี้มาก!
ก่อนที่จะเอาชนะใจของลูกทั้ง 5 สำเร็จ หญิงสาวเฝ้าคิดอยู่เสมอว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีชีวิตไปได้ตลอดรอดฝั่ง?
แต่หลังจากที่เธอได้รับการยอมรับจากเหล่าเด็กน้อยแล้ว: ท่านพ่อ! ถ้าท่านกล้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมของท่านแม่ เราจะให้ท่านแม่หาพ่อคนใหม่!
เจ้าจอมวายร้าย: ???
นี่เขาพลาดอะไรไป? ทำไมลูก ๆ ถึงคิดที่จะให้ภรรยานอกใจเขาอยู่ทุกวัน?
---------------------------------------------------------------------
**Trigger Warning**
- การทำร้ายร่างกาย
- การทารุณกรรมเด็ก
- การกักขังหน่วงเหนี่ยว
- ความรุนแรงแบบเลือดโชก ถึงขั้นอวัยวะต่าง ๆ ฉีกขาด
---------------------------------------------------------------------
นักอ่านสายฟรีก็สามารถอ่านนิยายของเราจนจบได้!
ปลดล็อกให้อ่านฟรีวันละ 1 ตอน เวลา 12.00 น.
ติดตามข่าวสารหรือพูดคุยกับเราได้ที่เพจ Facebook: สำนักพิมพ์เซียนอ่าน - Xianaan
กลายเป็นนางร้ายในนิยาย
"ใครก็ได้ช่วยที…อย่าฆ่าข้า!"
ในยามราตรีที่มืดมิดคืนหนึ่ง
ภายใต้พระจันทร์สีแดงฉาน สตรีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดกำลังวิ่งหนีเข้าไปในป่าด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
"กร๊าซซซซซ!"
วินาทีนั้นเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านหลังของหญิงสาว
ในขณะเดียวกันสตรีนางนั้นก็รับรู้ได้ว่าเจ้าของเสียงคำรามหมายจะเอาชีวิตตนเอง นางรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ทว่าด้วยความตกใจลนลานนางจึงสะดุดล้มลงกับพื้น
“อย่าเข้ามานะ! ข้าไม่อยากตาย เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้…”
สตรีผู้ถูกไล่ล่ากรีดร้องเสียงหลงพลางคลานหนีไปข้างหน้า แต่นางกลับถูกเถาวัลย์สีดำพันข้อเท้าไว้แน่น
เนื่องจากนางถูกพันธนาการไว้ นางจึงหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยความสิ้นหวัง
ภาพตรงหน้าที่เห็นก็คือมังกรสีดำน่าสะพรึงกลัวกำลังอ้าปากเปื้อนเลือดอยู่ห่างจากหญิงสาวไม่ถึงคืบเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง แขนขาของสตรีผู้โชคร้ายก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ อย่างโหดเหี้ยม ทำให้เลือดเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่ว โดยที่เลือดบางส่วนกระเด็นเข้าใส่ดวงตาสีเข้มของมังกรสีดำที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"กรี๊ดดดดดดด!!"
แล้วเสียงกรีดร้องอันทรมานก็ดังก้องอยู่ในป่าเป็นเวลานาน…
เฮือก!!
หูเจียวเจียวสะดุ้งตื่นจากความฝันในสภาพที่มีเหงื่อโชกไปทั้งตัว
มันเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวมาก! เธอฝันว่าตัวเองกลายเป็นนางร้ายในนวนิยายแฟนตาซีที่เธออ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ แล้วในความฝัน เธอถูกมังกรยักษ์ฉีกเป็นชิ้น ๆ อย่างน่าสยดสยอง
ความฝันนี้เหมือนจริงมาก ทั้งความรู้สึกสิ้นหวังและความตื่นตระหนก ตลอดจนความเจ็บปวดที่ร่างกายฉีกขาด ประหนึ่งว่าเธอได้เผชิญกับมันด้วยตัวเองจนไม่สามารถแยกได้ว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่
“หูเจียวเจียว เจ้านี่มันไร้ยางอายจริง ๆ เจ้ากล้ามากนะที่วางยาอิงหยวน น่าขยะแขยงสิ้นดี!”
“อิงหยวนชอบเมี่ยนเอ๋อ ต่อให้เขาไม่มีเมี่ยนเอ๋อ เขาก็จะไม่หลงรักผู้หญิงอย่างเจ้าหรอก ออกไปซะ! อย่ามาทำตัวหน้าด้านที่นี่!”
เสียงตะคอกด้วยความโกรธปนดูถูกดังมาจากด้านหลังหูเจียวเจียว
เมื่อเธอหันกลับมาก็เห็นว่ามีผู้หญิงร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังชี้หน้าด่าเธออยู่
ผู้หญิงคนนั้นมีผมสั้นสีน้ำตาล หน้าตาธรรมดา ๆ และแต่งตัวแบบคนป่า พร้อมกันนั้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็ชี้ไปทางหนึ่ง แค่จินตนาการว่าแขนของอีกฝ่ายฟาดเข้าใส่หัวของเธอ ๆ คงจะสลบคาที่แน่นอน
“เอ่อ คุณ… กำลังคุยกับฉันอยู่หรือเปล่า?” หูเจียวเจียวชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความงุนงง
ทำไมชื่อ ‘อิงหยวน’ ถึงคุ้นหูกันนะ?
เธอคิดพลางหันมองไปรอบ ๆ แต่บริเวณนี้มีเพียงเธอและผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เท่านั้น
อีกทั้งเธอก็ไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมโดยรอบเช่นกัน ซึ่งที่นี่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม แล้วยังมีบ้านไม้ตั้งอยู่ข้าง ๆ รวมถึงมีเสียงแปลกประหลาดดังมาจากข้างในบ้าน แต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลามากพอที่จะไปสนใจเรื่องอื่น
“ฉันชื่อหูเจียวเจียวน่ะถูกแล้ว แต่ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร คุณจำคนผิดหรือเปล่า?” หญิงสาวพยายามพูดคุยกับคนตรงหน้าอย่างสุภาพ ก่อนจะถามคำถามที่เธอสับสนมากที่สุด
“ขอโทษนะ ที่นี่คือที่ไหนเหรอ?”
"หูเจียวเจียว! ไม่ต้องมาเสแสร้ง! อิงหยวนกับเมียนเอ๋อกำลังมีสัมพันธ์กัน คนหน้าไม่อายแบบเจ้าเหมาะกับตัวซวยอย่างหลงโม่เท่านั้น ตัวซวยกับอีตัวเหมาะสมกันแล้ว!"
ที่ผ่านมาหู่จิงเคยเห็นหูเจียวเจียวแกล้งบ้ามาก่อนจึงคิดว่ามันเป็นกลอุบายใหม่ของอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของนางบูดบึ้งมากยิ่งกว่าเดิม
หลงโม่?
ชื่อนี้เป็นตัวร้ายในนิยายเรื่อง ‘แดนปีศาจมหัศจรรย์’ ไม่ใช่เหรอ!? ในฐานะภูตมังกรที่ทรงพลัง หลังจากที่เขากลายเป็นมารร้าย พลังของเขาก็พุ่งทะยานไปสู่จุดสูงสุดของโลกแห่งนี้!
อย่าบอกนะว่าฉันทะลุมิติเข้ามาในนิยาย!?
ทันทีที่หูเจียวเจียวคิดได้เช่นนั้น เธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว จากนั้นเธอเดินโซเซไปข้างหน้าและถามผู้หญิงร่างใหญ่อย่างกระตือรือร้นเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนคาดเดา "คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชื่อหูเจียวเจียว หูที่คุณพูดถึงคือหูที่แปลว่าจิ้งจอกหรือหูที่แปลว่าหนวดเครา?"
ตอนที่เธออ่านนิยาย เธออดไม่ได้ที่จะบ่นว่านามสกุลของเธอออกเสียงเหมือนกับนางร้ายในเรื่องที่อ่าน ดังนั้นเธอจึงจำเรื่องราวของตัวละครนี้ได้ชัดเจนมาก
‘หูเจียวเจียว’ ในหนังสือทั้งนิสัยเสีย เห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ นางชอบอิงหยวนผู้เป็นพระเอกในเรื่องมากจนถึงขั้นใช้วิธีการสกปรกหลายครั้งเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง
แต่เขาเป็นถึงพระเอก ส่วนนางเป็นแค่ตัวประกอบงี่เง่าตัวหนึ่ง!
ด้วยเหตุนี้ ลู่เมี่ยนเอ๋อที่เป็นนางเอกของเรื่องจึงโกรธมาก นางจึงวางแผนให้หูเจียวเจียวได้เสียกับตัวร้ายในนิยาย ต่อมานางก็กำเนิดลูกออกมา
จิ้งจอกสาวแค้นเคืองมากถึงขนาดที่ว่าปฏิบัติไม่ดีกับลูกของตนเอง อีกทั้งเด็ก ๆ ยังถูกนางทารุณกรรมทุกวันจนชาวบ้านรังเกียจซึ่งทำให้นอกจากครอบครัวของนางแล้วก็ไม่มีใครชื่นชอบนางอีก
เมื่อหูเจียวเจียวคิดว่าภาพในความฝันก่อนหน้านี้จะกลายเป็นความจริง เธอก็สั่นเทาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
ความจริงแล้วหญิงสาวได้อ่านเนื้อเรื่องช่วงหลังของนิยายมาก่อน หลังจากที่ ‘หูเจียวเจียว’ ถูกสามีฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางก็ได้รับการช่วยเหลือจากลูก ๆ
พวกเขาไม่ได้ช่วยชีวิตผู้เป็นแม่เพราะความเมตตา แต่กลับกลายเป็นว่านางถูกลูกในไส้ทรมานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ส่งผลให้ชีวิตของนางเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตาย และไม่ว่านางจะอยากตายมากแค่ไหน ลูก ๆ ของนางก็ไม่ยอมให้นางตายง่าย ๆ ซึ่งจุดนี้ทำให้ ‘หูเจียวเจียว’ เป็นตัวละครที่น่าสังเวชที่สุดในเรื่อง!
"นังบ้า ไสหัวไปซะ!" สีหน้าของหู่จิงแสดงออกถึงความเกลียดชังพร้อมกับผลักหูเจียวเจียวออกไปอย่างหยาบคาย
"เจ้ามันโง่มากจริง ๆ"
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย…"
หูเจียวเจียวที่ยังตั้งตัวไม่ทันถูกผลักลงไปกระแทกกับก้อนหินที่อยู่บนพื้นจนเกิดแผลถลอกหลายจุดบนร่างกาย ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะอยู่ชั่วขณะ
ต่อมา หญิงสาวยกมือขึ้นแตะหลังศีรษะของตัวเองเนื่องจากมันเป็นจุดที่มีอาการเจ็บปวดที่สุดก่อนจะเลื่อนมือนั้นมาดู
เลือด! นี่ฉันหัวแตกตั้งเมื่อไหร่!?
ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง "หู่จิง ช่างมันเถอะ ปล่อยนางไป"
หูเจียวเจียวพยายามฝืนทนต่อความเจ็บปวดพลางหันไปมองทางต้นเสียง
เธอเห็นว่ารูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้นอ่อนโยนพอ ๆ กับน้ำเสียงของเจ้าตัว ใบหน้าที่บอบบางแดงระเรื่อราวกับเพิ่งปัดแก้มมาใหม่ ๆ ประกอบกับริมฝีปากบวมเจ่อสีแดงฉ่ำของนาง
สตรีร่างเล็กกระทัดรัดแต่งกายด้วยชุดหนังสัตว์สีเหลือง ซึ่งมันขับให้ผิวสีขาวที่แต่งแต้มด้วยร่องรอยสีกุหลาบโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
"เมี่ยนเอ๋อ เจ้ากับอิงหยวนเสร็จกิจแล้วหรือ?"
เมื่อหู่จิงได้ยินเสียงของหญิงสาวผู้มาใหม่ นางก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแบบหน้าชื่นตาบาน
"อื้อ" ลู่เมี่ยนเอ๋อพยักหน้าตอบรับอาย ๆ
หลังจากที่หู่จิงได้รับคำตอบยืนยันก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจะหันไปจ้องหูเจียวเจียวเขม็ง "เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหมว่าตอนนี้อิงหยวนเป็นสามีของเมี่ยนเอ๋อแล้ว ฉะนั้นเจ้ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย!"
พอหูเจียวเจียวได้ยินบทสนทนาที่เคยเห็นผ่านตา ในที่สุดเธอก็เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง ณ ตอนนี้
ปัจจุบันเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ตัวเอกชายและหญิงกำลังครองคู่กัน
เจ้าของร่างเดิมของเธอไม่ชอบสามีที่เป็นตัวร้ายมาก แม้ว่านางจะให้กำเนิดลูกแก่เขาแล้ว ทว่านางก็ยังคิดถึงอิงหยวนอยู่เต็มหัวใจ ต่อมา นางบังเอิญพบดอกมั่นถัวหลัว*ที่มีสรรพคุณเป็นเหมือนยาปลุกกำหนัด แล้วนางก็ล่อลวงให้อิงหยวนกินมันก่อนจะจัดการรวบหัวรวบหางเขา
*ดอกมั่นถัวหลัว = ดอกลำโพง
แต่หูเจียวเจียวไม่คาดคิดว่าลู่เมี่ยนเอ๋อจะเข้ามาพบเหตุการณ์โดยบังเอิญ นางจึงถูกผลักล้มหัวฟาดพื้นจนสลบ จากนั้นลู่เมี่ยนเอ๋อก็เข้ามาแทนที่ตนเอง
ถัดมา นางเอกก็ช่วยพระเอกบรรเทาพิษที่เขาได้รับแล้วลงเอยกันด้วยดี
ผลสุดท้ายเจ้าของร่างเดิมเลยเป็นตัวละครที่น่าอนาถที่สุด…
หูเจียวเจียวคนปัจจุบันเย้ยหยันในใจขณะที่สายตาจับจ้องไปยังร่องรอยบนร่างกายของลู่เมี่ยนเอ๋อพลางคิดว่า
จุ๊ๆๆ พระเอกเรื่องนี้ดุดันเหลือเกิน! เฮ้อ~!
เดี๋ยวก่อน!
ตอนนี้เธอคือหูเจียวเจียวคนนั้น เธอต่างหากที่น่าอนาถที่สุด!
หญิงสาวรู้สึกสับสนอยู่ในใจ
ฉันไม่อยากถูกลาสบอสในเรื่องฉีกร่างนะโว้ย!!
ถึงแม้ว่าเธออยากจะร้องไห้แทบตาย แต่เธอก็จำใจต้องพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้น
ทางด้านของหู่จิงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหูเจียวเจียวอย่างระแวดระวังโดยคิดว่าอีกฝ่ายจะแผลงฤทธิ์อย่างไรต่อไป
"เอ่อ… ข้ามีอีกคำถามหนึ่ง พอได้คำตอบแล้วข้าจะไปทันที" เมื่อจิ้งจอกสาวรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอย่างรังเกียจ เธอก็รีบยกมือขึ้นอย่างอ่อนแรงพร้อมกับถามว่า "เจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าบ้านของข้าไปทางไหน…"
หูเจียวเจียวจำได้ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ตัวร้ายกลายเป็นมารคือเจ้าของร่างเดิมไม่ชอบเขาและมองว่าเขาเป็นคนไร้ค่า นางจึงทิ้งเขากับลูก ๆ ไป ดังนั้นสิ่งแรกที่สามีทำหลังจากที่แข็งแกร่งขึ้นก็คือลงมือฆ่านางเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง
ตราบใดที่สามีของหูเจียวเจียวไม่เข้าสู่ด้านมืด เธอจะสามารถเปลี่ยนแปลงตอนจบอันน่าเศร้าได้หรือไม่?
ตอนนี้อย่างแรกที่เธอต้องทำก็คือรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อไปแก้ปัญหาเกี่ยวกับจอมวายร้ายและลูก ๆ
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเธอรู้เพียงแค่โครงเรื่องคร่าว ๆ เท่านั้น แล้วเธอไม่รู้ว่าในระหว่างกระบวนการทะลุมิติเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น เธอจึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมเลยสักกะติ๊ดเดียว!!
เมื่อหู่จิงได้ยินคำถามไร้สาระนั้น นางก็โกรธจนเส้นเลือดปูดที่ขมับ แล้วนางก็ชูกำปั้นขึ้นข่มขู่อีกฝ่าย "หูเจียวเจียว! มันจะมากเกินไปแล้วนะ ออกไป๊!!"
"ข้าไปแล้ว ๆ"
คนถูกตวาดกุมหัวพร้อมกับวิ่งเตลิดหนีไปอย่างไม่รู้ทิศทาง…
เด็กเกเรรังแกลูกของเธอ
หลังจากที่หูเจียวเจียวเดินคลำทางมาอย่างยากลำบาก ในที่สุดเธอก็พบบ้านของเจ้าของร่างเดิมกับจอมวายร้าย
ระหว่างทาง หญิงสาวได้พบกับภูตชายที่กำลังถืออาวุธไว้ในมือหลายคน แต่พอคนเหล่านั้นเห็นเธอ พวกเขากลับทำหน้าเหมือนเห็นผีก่อนที่จะเดินเลี่ยงเธอไป
เดิมทีเธอคิดว่าจะถามทางกลับบ้านกับพวกเขาสักหน่อย เพราะแบบนี้เธอเลยไม่มีโอกาสได้ถามใครแม้แต่คนเดียว
ทว่ายังโชคดีที่ผู้เขียนเคยบรรยายในหนังสือไว้ว่า เจ้าของร่างเดิมกับตัวร้ายถูกชาวบ้านรังเกียจจึงอาศัยอยู่ได้เฉพาะในส่วนที่ห่างไกลที่สุดของเผ่า เธอจึงเดินไปในทิศทางตรงข้ามกับภูตเหล่านั้น
แน่นอนว่าจิ้งจอกสาวถูกหลอก
เนื่องจากตรงหน้าของเธอคือบ้านทรุดโทรมหลังหนึ่งที่มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา เธอไม่รู้ว่าถ้าลมพัดแรง ๆ บ้านหลังนี้จะพังลงหรือเปล่า อีกทั้งเธอบอกได้เลยว่าคงไม่มีบ้านหลังไหนในเผ่าภูตที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้แน่นอน
"ในที่สุดฉันก็หาเจอสักที" หูเจียวเจียวพึมพำพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก ณ ตอนนี้คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหนหากจะต้องลากสังขารอันบอบช้ำเดินไปทั่วเผ่าแบบนี้
ในขณะที่หญิงสาวตั้งท่าจะเดินเข้าไปในบ้านซอมซ่อ เธอก็ได้ยินเสียงโต้เถียงที่ดังอยู่ไม่ไกล
“ไม่! นี่คืออาหารที่ท่านพ่อให้เรา เจ้าเอาไปไม่ได้!”
"ไอ้คนน่ารังเกียจ เอาอาหารของเราคืนมา…"
“พวกเจ้าเป็นแค่คนตาบอดแล้วก็ปีศาจอัปลักษณ์ ไม่สมควรต้องกินเนื้อหรอก พวกเจ้าไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ รีบ ๆ อดตายไปซะ!”
“นี่หูหนวกหรือไง รีบ ๆ ส่งเนื้อมาให้ข้ากินซะ!!”
ในระหว่างที่เสียงโต้เถียงยังดังขึ้น หูเจียวเจียวก็เดินไปตามเสียงนั้น ก่อนจะเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ 2-3 คนกำลังถูกกลุ่มเด็กวัยรุ่นผลักจนล้มไปกองกับพื้น
เด็กตัวเล็กเหล่านั้นดูซูบผอมไม่ต่างจากลูกไก่ที่อดอาหารมาครึ่งเดือน พวกเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้อีกฝ่ายเลย เด็กน้อยที่น่าสงสารจึงทำได้เพียงขดตัวป้องกันตัวเองในระหว่างที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นขว้างโคลนใส่พวกเขา
ในยามที่โคลนสกปรกโดนตัวของฝ่ายที่ถูกกดขี่ข่มเหงมันไม่เจ็บเท่ากับความคับแค้นที่คอยทิ่มแทงหัวใจเลย
ขณะนี้ความเกลียดชังแล่นผ่านดวงตาของเด็กน้อยที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบกลุ่มนั้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว หูเจียวเจียวจำได้ว่าเจ้าของร่างเดิมมีลูก 5 คน โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นคนตาบอดแล้วอีกคนเสียโฉม
การถูกรังแกเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ลูก ๆ ของภูตจิ้งจอกกลายเป็นปีศาจร้าย
ถัดมา หญิงสาวรีบเดินไปตะคอกใส่กลุ่มเด็กที่มารังแกลูกของตนทันที
"พวกเจ้าทำอะไรน่ะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"
ทว่าเมื่อฝ่ายที่ถูกกลั่นแกล้งได้ยินเสียงของหูเจียวเจียว พวกเขากลับยิ่งตัวสั่นสะท้านมากกว่าเดิม จากนั้นเหล่าเด็กน้อยก็มองไปที่เจ้าของเสียงด้วยสายตาหวาดกลัวสุดขีด
นางจะมาซ้ำเติมพวกเราอีกแล้วงั้นหรือ!?
ในอดีต เวลาที่พวกเขาถูกรังแกหรือมีความขัดแย้งกับเด็กในเผ่า แม่ใจยักษ์จะตีพวกเขาซ้ำโดยไม่สนว่าลูกของตัวเองจะผิดหรือถูกก็ตาม แล้วเหตุผลที่นางมักจะพูดออกมาก็คือ พวกเขามันไร้ประโยชน์จนทำให้นางต้องอับอายขายหน้า
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้าอิงหยวน หูเจียวเจียวไม่เคยตำหนิเด็กที่รังแกพวกเขาเลยสักครั้ง
ในตอนนั้นเด็ก ๆ คิดไว้แล้วว่าจะต้องเจ็บตัวเพราะผู้หญิงคนนี้มากกว่าเดิมแน่นอน
ส่วนทางด้านเด็กเกเรพอเห็นหน้าของหูเจียวเจียว พวกเขาก็ทำหน้าบูดบึ้งก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
สิ่งที่หญิงสาวเกลียดที่สุดก็คือเด็กที่ทำตัวเกเร เมื่อเธอเห็นภาพตรงหน้า เธอโกรธมากจนคว้าโคลนบนพื้นมาขว้างใส่เด็กนิสัยเสียพวกนั้น
ตามปกติเผ่าภูตมีพลังเหนือมนุษย์อยู่แล้ว หูเจียวเจียวเองก็เป็นภูตที่โตเต็มวัย ดังนั้นก้อนโคลนที่เธอขว้างออกไปจึงค่อนข้างแม่นยำ
กลุ่มเด็กที่กำลังวิ่งหนีไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจิ้งจอกสาวคนนั้นจะทำอะไรกับตนเอง พวกเขาจึงไม่ทันได้หลบหลีกแล้วถูกก้อนโคลนฟาดเข้าที่ด้านหลังศีรษะหลายครั้ง นอกจากนี้เจ้าเด็กซน 2-3 คนที่วิ่งรั้งท้ายถึงกับล้มหัวทิ่มลงไปในบ่อโคลน
หลังจากนั้นเหล่าเด็กเกเรก็ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“พวกเจ้าจะร้องไห้ทำไม ลูกของข้าโดนพวกเจ้ารังแกอยู่ตั้งนานยังไม่ร้องเลย!”
“ถ้าครั้งหน้าข้าเห็นว่าพวกเจ้ามารังแกลูกของข้าอีก ได้เห็นดีกันแน่!”
เนื่องด้วยหูเจียวเจียวไม่คุ้นเคยกับอีกฝ่าย ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะพูดข่มขู่เด็ก ๆ ด้วยถ้อยคำดังกล่าว
แต่ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมมักจะถูกด่าทอหรือทุบตีจากคนในเผ่าอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุนี้หูเจียวเจียวจึงเอาตัวรอดโดยการทำเป็นหลับหูหลับตาในยามที่มีคนมารังแกลูกของนาง
เมื่อเหล่าเด็กนิสัยไม่ดีถูกผู้ใหญ่ข่มขู่ พวกเขาก็วิ่งแจ้นหนีกลับบ้านไปให้เร็วที่สุด
ในเวลาเดียวกันนั้น เด็กน้อยที่กำลังนอนจมกองโคลนก็มีสีหน้าประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนั้นกำลังช่วยจัดการเด็กเกเรให้พวกเขา
นางพูดว่าอะไรนะ?
‘ลูกของข้า’ นี่นางกำลังพูดถึงพวกเขาหรือเปล่า?
นางเคยเรียกพวกเขาว่าสวะด้วยซ้ำ…
ขณะนี้เด็ก ๆ มองไปที่หูเจียวเจียวด้วยดวงตาที่เคลือบแคลงไปด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ พลางคิดว่านี่พวกเขากำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า ผู้หญิงตรงหน้าคือแม่ใจยักษ์จริง ๆ หรือ?
อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวยังไม่ละสายตาจากเด็กเกเรที่กำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ในเวลาเดียวกันนั้น เธอทำท่าปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพบว่าโคลนที่เกาะอยู่บนมือนั้นปัดออกไม่ได้ เธอจึงก้มลงเช็ดมือกับพื้นหญ้าก่อนจะเดินไปหาเหล่าเด็กน้อย
ตอนนี้เด็ก ๆ มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตาดินเผา เนื่องจากทั้งเนื้อทั้งตัวของทุกคนมีโคลนเกาะอยู่
หลังจากที่หูเจียวเจียวสำรวจอยู่พักหนึ่ง เธอก็พบว่าเด็กกลุ่มนี้มีเพียง 4 คนเท่านั้น
เมื่อเธอมองดูใกล้ ๆ ‘หลงหลิงเอ๋อ’ ซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวกำลังอุ้มงูสีดำตัวเล็กที่มีดวงตาสีแดงเหมือนสัตว์เดรัจฉานอยู่ในอ้อมแขน
อาจเป็นเพราะหูเจียวเจียวที่เป็นเจ้าของร่างเดิมโหดร้ายผิดมนุษย์มนา นางทารุณกรรมลูกตัวเองจนเด็กทั้ง 5 ขาดสารอาหาร แม้ว่าทุกคนจะโตป่านนี้แล้ว แต่ ‘หลงเหยา’ ที่เป็นลูกคนสุดท้องก็ยังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้เลย เขาจึงยังอยู่ในร่างมังกรซึ่งเป็นร่างที่แท้จริง
แล้วเนื่องจากมังกรตัวนี้ผอมมาก มันจึงดูไม่ต่างจากงูเลยสักนิด
“เป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บตรงไหนกันหรือเปล่า? ลุกขึ้นแล้วมาให้แม่ดูหน่อย…” เมื่อหูเจียวเจียวมองไปที่เด็กน้อยทั้งหลายที่ตัวแข็งทื่อ เธอก็รู้สึกสะเทือนใจพลางยื่นมือออกไปดึงตัวพวกเขาขึ้นมาจากบ่อโคลน
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะเกลียดเด็กนิสัยเสียพวกนั้น แต่นางก็ไม่ได้เกลียดลูก ๆ ของเจ้าของร่างเดิม เพราะเด็กเกเรกับเด็กไร้เดียงสาแตกต่างกัน
ในฐานะสาวโสดใกล้ขึ้นคาน ความสุขที่สุดในชีวิตของเธอก็คือการเลี้ยงลูกในเกมออนไลน์
พอหญิงสาวได้เห็นความน่ารักของเด็ก ๆ สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอก็พุ่งสูงขึ้น
แต่ในสายตาของเด็กตัวเล็กทั้ง 5 คน ระหว่างที่เห็นการกระทำของผู้เป็นแม่ ในหัวของพวกเขาก็ฉายภาพฝันร้ายที่ได้เจอมาตลอดชั่วชีวิตนี้ทันที
พวกเขาตื่นระหนกแล้วรีบพูดว่า “อย่าตีพวกเราเลย พวกเราผิดไปแล้ว”
“เราไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรด…ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
ระหว่างที่พูดเด็ก ๆ ก็กอดกันกลมแล้วตัวสั่นทะส้านอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
“ถ้าอยากตีก็ตีข้า อย่าตีน้อง ๆ เลย ข้าผิดเอง ท่านลงโทษข้าคนเดียวเถอะ”
ในตอนนั้นเอง หลงอวี้ที่เป็นพี่ชายคนโตกางแขนผอมแห้งพร้อมก้าวออกมาปกป้องน้อง ๆ ด้วยร่างกายที่อ่อนแอพร้อมกับความคิดที่จะพลีชีพตัวเองเพื่อให้คนอื่นอยู่รอด
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของคนเป็นพี่ชาย หลงเซียวที่เป็นลูกคนรองและตาบอดกับหลงหลิงเอ๋อก็อุทานออกมา
"พี่ใหญ่!"
“ไม่ อย่าตีพี่ใหญ่นะ!”
ที่ผ่านมาเด็กพวกนี้แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องมาครึ่งเดือนแล้ว ถ้าพวกเขายังถูกผู้หญิงสารเลวคนนี้เฆี่ยนตีอีกก็มีโอกาสที่พวกเขาจะถูกทำร้ายร่างกายจนตาย
“เราต้องสู้ไปด้วยกัน เราไม่กลัวท่านหรอก!”
ลูกชายคนที่ 3 นามว่าหลงจงแอบกัดฟันเงียบ ๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อยืนเคียงข้างหลงอวี้ พลางจ้องมองหูเจียวเจียวเขม็ง ซึ่งเขาเผยให้เห็นใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็นคล้ายตะขาบ ประกอบกับดวงตาคู่หนึ่งที่จมเป็นเบ้าลึกเพราะความหิวโซแล้วยังแฝงไปด้วยความเกลียดชัง
ภูตจิ้งจอกมองภาพลูกที่กำลังพยายามปกป้องกันและกัน ขณะนี้เธอมีอารมณ์ที่หลากหลายแทรกเข้ามาในจิตใจ
ดูเหมือนว่าบาดแผลที่ร่างเดิมทิ้งไว้นั้นบาดลึกเกินไป มันจึงเป็นไปได้ยากมากที่เด็กน้อยพวกนี้จะสามารถเปลี่ยนความคิดได้
ต่อมา หูเจียวเจียวเผยรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะดึงมือบอบบางมาจับแล้วพูดว่า "ใครบอกว่าแม่จะตีพวกเจ้ากัน"
แต่คำพูดเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด เหล่าเด็กผู้น่าสงสารยังคงมองไปที่แม่ของตนอย่างหวาดระแวง
เมื่อหญิงสาวเห็นแบบนั้นจึงถอนหายใจออกมาและชี้ไปทางดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า "อาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว พวกเจ้าจะนอนในบ่อโคลนกันหรือไง ลุกขึ้นไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวแม่จะทำอาหารเย็นไว้รอพวกเจ้ากลับมา"
ถ้อยคำของเธอทำให้หลงหลิงเอ๋อรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย "ทะ ท่านจะไม่ตีเราจริง ๆ หรือ?"
เด็กน้อยไม่กล้าหวังลม ๆ แล้ง ๆ เพราะการกระทำที่ผ่านมาของแม่ใจมาร
หากวันไหนพวกเขาไม่ถูกเฆี่ยนตี วันนั้นจะถือว่าเป็นวันที่มีความสุขที่สุดของพวกเขา
หลงจงที่ได้ยินเช่นนั้นรีบจับมือน้องสาวทันที "หลิงเอ๋อ อย่าไปเชื่อคำพูดของนาง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางเคยโกหกเราแบบนี้มาก่อน นางบอกว่านางจะไม่ตีเรา หลอกให้เรากลับเข้าไปในบ้านแล้วลงกลอนประตูไม่ให้เราหนีไปไหนได้ ตอนนั้นนางเกือบจะฆ่าเราด้วยซ้ำ!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: สงสารลูก ๆ ของเจ้าของร่างเดิมมาก น้องต้องโดนแม่ทารุณกรรมสารพัดแน่ ไม่แปลกที่เด็กจะทั้งโกรธทั้งกลัวแม่ ลำบากเจียวเจียวแล้วไง ; - ;
รอดตายแล้ว! เธอมีมิติเก็บของที่หยิบใช้ได้ไม่จำกัด!
เดิมทีหูเจียวเจียวรู้สึกมีความหวังขึ้นมาแล้ว แต่ทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของหลงจง เธอก็ไม่สามารถฝืนยิ้มได้อีก
ในนิยายที่เธออ่านบอกเพียงว่าเจ้าของร่างเดิมชอบทำร้ายร่างกายลูกของตนเอง แต่ไม่ได้เขียนลงรายละเอียดไว้มากขนาดนั้น เธอจึงไม่คาดคิดว่านางจะใจยักษ์ใจมารได้ขนาดนี้
แต่ถ้าเธอมัวมานั่งบ่นอยู่แบบนี้ก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา
ดังนั้นหลังจากที่หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมประนีประนอมต่อลูก ๆ ทั้ง 5 "งั้นแม่จะกลับไปทำอาหารก่อน พวกเจ้าก็ไปล้างตัว ถ้าเสร็จแล้วก็รีบ ๆ กลับบ้านกันล่ะ อย่าทำให้แม่ต้องเป็นห่วง"
ลูกภูตไม่ได้บอบบางเหมือนลูกมนุษย์ แม้ว่าลูกภูตจะมีอายุประมาณ 5-6 ขวบ แต่ความสามารถในการดูแลตัวเองของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กวัยรุ่นเลย ยิ่งไปกว่านั้น ร่างเดิมไม่เคยดูแลลูก ๆ อยู่แล้ว เด็กน้อยทั้งหลายจึงเหมือนได้ฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ อยู่ติดกับบ่อโคลน หูเจียวเจียวจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครมาสร้างปัญหาให้กับครอบครัวของเธออีก
หลังจากที่หญิงสาวพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกไปทันที
ทางด้านกลุ่มเด็กผอมโซที่ถูกทิ้งไว้ก็จ้องมองแผ่นหลังของผู้เป็นแม่ด้วยสายตาเหลือเชื่อ
หลงหลิงเอ๋อรู้สึกตกตะลึงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแม่ "นะ นางไม่ได้ตีเรา…"
หลงเซียวที่เป็นพี่ชายคนรองและตามองไม่เห็นดึงหลงจงกับหลงหลิงเอ๋อขึ้นจากพื้นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองพลางกล่าวว่า "ข้าไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของนางหรอก นางต้องพยายามโกหกเราแน่ ๆ เหมือนกับครั้งนั้นที่นางขังเราไว้ในห้องแล้วตีเราจนเกือบตาย"
“แต่วันนี้นางช่วยไล่พวกคนที่มาแกล้งเราไปนะ และนางก็ไม่ได้ทำร้ายเราด้วย นางอาจจะเปลี่ยนไปแล้วหรือเปล่า?” ดวงตาที่สดใสของเด็กสาวเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องเต็มไปด้วยความหวัง
สาวน้อยคนนี้เฝ้าฝันถึงแม่ที่อ่อนโยนทะนุถนอมนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เมื่อพี่ชายคนโตได้ยินดังนั้น เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง "หลิงเอ๋อ หญิงชั่วคนนั้นชอบใช้เล่ห์เหลี่ยม อย่าไว้ใจนางเด็ดขาด"
“แต่ข้าหิวมาก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า ถ้าพวกมันไม่ฉกเนื้อชิ้นนั้นไป คืนนี้เราคงได้กินอะไรอร่อย ๆ กัน” หลงหลิงเอ๋อก้มหน้าลงต่ำด้วยความหงุดหงิด
“อดทนไว้ พรุ่งนี้ท่านพ่อก็กลับมาแล้ว ท่านพ่อจะเอาอาหารมาให้พวกเรา” หลงอวี้กำหมัดแน่นในระหว่างที่พูด แต่น้ำเสียงของเขากลับมีแต่ความสิ้นหวัง
เขาต้องเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถออกไปล่าสัตว์หาอาหารเอง แล้วเขาจะสามารถปกป้องน้องชายและน้องสาวได้ด้วย
เมื่อเด็ก ๆ คิดว่าพรุ่งนี้จะมีอาหารกิน ทุกคนก็หยุดคิดเรื่องที่เป็นกังวลก่อนจะลากสังขารที่อ่อนล้าไปอาบน้ำในแม่น้ำ
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จเรียบร้อย เหล่าเด็กน้อยก็สวมเสื้อหนังสัตว์ที่เปียกโชกแล้วเดินไปอีกฝั่งของบ้านตัวเอง ซึ่งการทำแบบนี้บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับบ้านเลย
ส่วนหูเจียวเจียวเดินมาถึงประตูบ้านแล้ว
บ้านของร่างเดิมเป็นบ้านไม้ทรงสี่เหลี่ยมเรียบง่าย ผนังด้านนอกเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ หลังคาถูกมุงด้วยหญ้าแฝก บริเวณด้านนอกถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้และมีลานเล็ก ๆ ให้ได้ใช้สอย
นอกจากนี้ยังมีกองฟางกับท่อนไม้กองอยู่ทางด้านซ้ายของลานบ้าน ซึ่งของพวกนี้เป็นของที่เหล่าเด็กตัวผอมแห้งพวกนั้นช่วยกันไปตัดมาจากในป่าเมื่อตอนกลางวัน
เจ้าของร่างเดิมไม่เพียงแค่ทำร้ายลูก แต่นางทั้งไม่แบ่งอาหารหรือน้ำดื่มให้ลูกด้วย แล้วยังให้พวกเขาทำงานหนักอีก หากเด็ก ๆ ทำงานเสร็จไม่ทันเวลา พวกเขาจะถูกแม่ใจยักษ์เฆี่ยนตีอย่างรุนแรง
เมื่อหญิงสาวคิดถึงร่างกายที่ผอมแห้งจนน่าสังเวชของลูก ๆ เธอก็สาปแช่งหูเจียวเจียวคนเก่าในใจอีกครั้ง
เธอหวังเพียงว่าเธอยังมีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ได้ มิฉะนั้นเมื่อลูกทุกคนโตขึ้น เธอต่างหากที่จะเป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
พอหูเจียวเจียวคิดจบก็รีบเข้าไปทำอาหารเย็น
แต่อนิจจา เมื่อเธอเดินเข้าไปข้างใน เธอก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
นี่คือคอกหมูหรือไง!?
กลิ่นที่อธิบายไม่ได้โชยออกมาจากในห้องทันที ซึ่งกลิ่นนั้นเหมือนกับกลิ่นอาหารบูดผสมกับสิ่งปฏิกูลของสัตว์ มันทำให้หญิงสาวแทบอยากจะขย้อนเอากรดในกระเพาะอาหารออกมาเลยทีเดียว
ต่อมา ภูตจิ้งจอกมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่านอกจากเตียงที่ทำด้วยหญ้าแห้งแล้วปูทับด้วยหนังสัตว์อีกที ก็มีเพียงกองอุจจาระที่ถูกทิ้งไว้อยู่ตรงด้านซ้ายของประตู
แค่คำว่า ‘โสโครก’ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะมาอธิบายบ้านหลังนี้ได้เลย!
ในขณะนั้นหางตาของหญิงสาวก็กระตุก
หากจะให้เธออยู่ในสภาพแบบนี้ต่ออีกสักอึดใจ แค่คิดเธอก็ทนไม่ได้แล้ว เจ้าของร่างเดิมนี่มันทั้งขี้เกียจและนิสัยเสียมากจริง ๆ ขนาดการรักษาความสะอาดในบ้านนางยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับการทำอาหาร
หลังจากที่หูเจียวเจียวยืนทำใจอยู่พักหนึ่ง เธอก็หยิบท่อนไม้และเศษหญ้าจากข้างนอกมาคลุมอุจจาระกองนั้นไว้ เสร็จแล้วเธอก็เปิดประตูเพื่อระบายอากาศในห้อง
ถัดมา เธอทำการห่อสิ่งไม่พึงประสงค์ด้วยใบไม้ขนาดใหญ่แล้วนำมันไปทิ้งข้างนอก
หูเจียวเจียวใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดบ้านอันแสนสกปรกจนเสร็จ
ขณะนี้เธอกำลังนั่งซบหน้าลงบนหนังสัตว์พลางเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ดีใจ เธอก็ตระหนักถึงปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นมาได้
นั่นก็คือในบ้านหลังนี้ไม่เหลืออาหารอยู่เลย!
แหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดสำหรับร่างเดิมคือสามีที่เป็นตัวร้าย, พ่อ, แม่และพี่ชายของนาง
ปัจจุบันหญิงสาวพบว่าในบ้านไม่มีเนื้อเหลืออยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงคาดเดาว่าหูเจียวเจียวคนเดิมคงจะกินมันไปจนหมด
ต่อมา เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเนื้อชิ้นสุดท้ายถูกเจ้าเด็กเหลือขอที่มารังแกลูก ๆ ฉกไป
ในเวลานั้นเธอมัวแต่โกรธจนลืมฉวยชิ้นเนื้อกลับมาจากมือของเด็กเกเรพวกนั้น
พอคิดที่จะหวังพึ่งหลงโม่ผู้เป็นสามี เธอก็จำได้ว่าตั้งแต่ที่เจ้าของร่างเดิมกับตัวร้ายบังเอิญมีลูกด้วยกัน ฝ่ายภรรยาไม่ยอมอยู่ร่วมกับสามีเพราะไม่ชอบที่เขาเป็นตัวซวย ดังนั้นฝ่ายสามีจึงไปอาศัยอยู่ในป่าเพียงลำพังแล้วเขาจะกลับมาส่งอาหารให้ครอบครัวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
และตอนนี้หูเจียวเจียวไม่แน่ใจว่าครั้งต่อไปตัวร้ายจะกลับมาอีกเมื่อไหร่
"คงต้องพึ่งตัวเองแล้วสินะ!"
“คงไม่ใช่ว่าฉันทะลุมิติเข้ามาในนิยายวันแรกแล้วต้องมาหิวข้าวตายไปกับลูก ๆ หรอกใช่ไหม”
ถ้าเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยาย พวกเขามักจะได้รับความสามารถพิเศษติดตัวมาด้วย แต่เธอกลับไม่มีความสามารถอะไรเลย แล้วคนที่เธอมาสิงร่างนั้นกลับเป็นนางร้ายที่ทุกคนรังเกียจอีก นี่พระเจ้าจงใจแกล้งกันหรือไง!
ในระหว่างที่หูเจียวเจียวกำลังสาปแช่งความยุ่งเหยิงที่ร่างเดิมทิ้งไว้
ทันใดนั้นภาพตรงหน้าเธอก็เปลี่ยนไป
ห้องโถงที่ทรุดโทรมเลือนหายไปในอากาศ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาด
"นี่มันอะไรกัน ฉันอยู่ที่ไหน?" หญิงสาวตัวแข็งทื่ออยู่กับที่พร้อมกับความคิดที่สับสนวุ่นวายในหัว
เบื้องหน้าของเธอคือชั้นวางขนาดใหญ่ที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตาจนนับไม่หวาดไม่ไหว
เธอมองเข้าไปใกล้ ๆ และเห็นว่ามีวัตถุดิบประกอบอาหารทุกชนิดวางอยู่บนชั้นวาง ไม่ว่าจะเป็นไก่, เป็ด, ปลา, หม้อ, กระทะ, ข้าว, น้ำมันและเกลือซึ่งมีหลากหลายกว่าในซุปเปอร์มาร์เก็ตเสียอีก
ด้วยความที่ว่าหูเจียวเจียวเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เธอจึงรู้สึกหิวมาก พอเธอได้เห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลายเสียงดังพลางนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
ชั้นวางนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยสิ่งของพวกนี้เหมือนกับมิติในนิยายแฟนตาซีเลยไม่ใช่หรือ!
"นี่อาจจะเป็นนิ้วทองที่พระเจ้ามอบให้เป็นของขวัญ?"
"โอ้พระเจ้า! ขอบคุณพระเจ้า! ฉันรักคุณ!"
หญิงสาวมีความสุขมากจึงรีบตรงไปเลือกอาหารที่ชั้นวางโดยไม่คิดอะไรอีก
บนชั้นแรกเต็มไปด้วยอุปกรณ์ในการประกอบอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้
เมื่อนึกถึงเด็กตัวผอม ๆ 5 คน สิ่งแรกที่เธอเลือกหยิบมาคือหมูสามชั้น
“ลูก ๆ ผอมเกินไป พวกเขาจะกินแต่เนื้อไม่ติดมันไม่ได้ ฉันต้องเพิ่มไขมันให้” มิตินี้ทำให้หูเจียวเจียวมีความมั่นใจที่จะเลี้ยงลูกให้อ้วนพลีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรอีก!
แต่ของในชั้นแรกเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น เนื่องจากในมิติแห่งนี้มีชั้นวางอยู่มากมาย แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะว่าตอนนี้เธอต้องการอาหารในการดำรงชีวิตเป็นอย่างแรก อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องอดตายตั้งแต่วันแรกที่มาสิงอยู่ในร่างใหม่ และนั่นถือว่าเธอไม่ได้ขาดทุนอะไรด้วย
หมูสามชั้นชิ้นนี้หนักประมาณ 600 กรัม และตอนนี้หูเจียวเจียวอยู่ในร่างของภูต ดังนั้นเนื้อ 600 กรัมจึงไม่หนักสำหรับเธอ
แต่ทันทีที่เธอหยิบหมูสามชั้นออกจากชั้นวางก็มีหมูสามชั้นอีกชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นแทนที่
ภาพนั้นทำให้คนที่ได้เห็นต้องกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสับสน
ชั้นวางนี้เติมของได้เองโดยอัตโนมัติ!
เมื่อได้รู้อย่างนี้หญิงสาวก็รู้สึกมีความสุข เธอจึงหยิบหมูสามชั้นออกมา 2 ชิ้น, ข้าว 1 กระสอบ, หม้อ, กระทะและเครื่องปรุงต่าง ๆ ติดมือมาก่อนจะกลับไปที่บ้าน
เนื่องจากบ้านหลังนี้ไม่มีหน้าต่าง มันเลยยังหลงเหลือกลิ่นเหม็นอยู่ในอากาศ
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะดูถูกบ้านไม้หลังนี้ แต่เธอก็ไม่อยากทำอาหารในบ้านเพราะเธอกลัวจะเผลอทำไฟไหม้บ้านจนวอดไปทั้งหลังเสียก่อน แล้วตัวเองจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีก
ดังนั้นจิ้งจอกสาวจึงรีบย้ายของไปที่ลานบ้านก่อนจะทำการย้ายก้อนหินเรียบ ๆ มาตั้งเป็นเตา จากนั้นเธอก็จุดไฟเพื่อเริ่มประกอบอาหาร
ความเห็น 0