โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เปิดใจ “The Toys” สารภาพ...เสพติดดนตรี

TheHippoThai.com

อัพเดต 07 ก.ย 2561 เวลา 10.31 น. • เผยแพร่ 07 ก.ย 2561 เวลา 05.00 น.

เปิดใจ “The Toys” สารภาพเสพติดดนตรี

ทอย-ธันวาบุญสูงเนิน หรือ “The Toys” บอกว่า เขาโตมาในบ้านที่มีคุณแม่เป็นนักร้อง คุณพ่อเป็นนักดนตรี และคุณป้าเป็นนักร้องเช่นกัน แต่ไม่ได้มีใครในครอบครัวคิดว่าวันหนึ่งเขาจะจับกีตาร์ แต่งเพลง และกลายเป็นศิลปินที่มีเพลงฮิตออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อถึงวันที่งานเพลงกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเขาและย้อนกลับไปมองในวัยเด็ก ทอยจึงค่อยๆ เห็นสิ่งที่เขาซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่วันที่ยังไม่รู้ว่านักร้องคืออาชีพหลักของแม่

“ตอนเด็กๆดูแม่ร้องเพลงยังไม่รู้ว่าคืออะไรเลย”

“ตอนเด็กๆ แม่พาผมไปดูเขาร้องเพลงเวลาทำงานบ่อยเหมือนกัน แต่ผมก็เด็กมาก ยังไม่รู้ว่าคืออะไรเลย โตมาถึงเพิ่งรู้ว่านี่คืองานของแม่นะ แม่เป็นนักร้องนะ แล้วตอนนั้นก็ไม่ได้รู้เลยว่าวันหนึ่งเราจะชอบดนตรีขนาดนี้ แต่มันก็คงมีส่วนซึมซับมา”

“ถึงจะยังไม่ได้ค้นพบว่าชอบดนตรี แต่ช่วงเด็กผมโชคดีมากเพราะได้ฟังเพลงลึกๆ ทั้งเพลงแจ๊ส เพลงอาร์แอนด์บี มาตั้งแต่เด็ก เพราะที่บ้านเปิดเพลงพวกนี้ คุณพ่อเองก็เป็นนักดนตรี เล่นคีย์บอร์ด ก็เลยชอบฟังเพลง ผมเลยโตมากับอะไรแบบนี้”

“กีตาร์ที่เล่นตัวแรกก็เป็นของที่บ้าน คุณพ่อจะมีกีตาร์โปร่งอยู่ตัวหนึ่ง แล้วก็ไม่ค่อยมีใครเล่น เราเลยลองหยิบมาดู ก็เปิดหนังสือที่มีคอร์ดแล้วก็หัดไป แต่ตอนแรกคิดว่าคงเล่นได้ประมาณ 2-3 วันเพราะเจ็บนิ้ว มันเจ็บมากจนรู้สึกว่าเล่นไม่สนุกเลย ตอนนั้นอายุแค่ 12-13 เอง นิ้วก็ยังไม่แข็งแรง แต่ก็เล่นไปเรื่อยๆ กลายเป็นว่าจนทุกวันนี้ก็ยังเล่นอยู่ครับ”

“ไม่ได้คิดจะประกวดลงไปก็แพ้เขา”

"แรกๆ ที่หัดเล่นกีตาร์ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเราเล่นบ่อยขึ้น เขาก็มีบ่นบ้างว่าอยากให้ตั้งใจเรียน แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาชีพ เพราะอย่างตอนที่ประกวดกีตาร์ของ Overdrive มันเริ่มจากว่าผมดูรายการนี้ในทีวีก่อน ดูที่เขาประกวดกัน แล้วเราก็ว่าเท่ดี ยังไม่ได้นึกถึงเรื่องงานหรือเรื่องเงินเลย มันเริ่มจากตรงนั้น”

“ตอนที่ลงประกวดก็ไม่ได้บอกคุณแม่ก่อน จริงๆ แล้วผมไม่ได้บอกใครเลยครับ เรื่องตลกก็คือผมไม่ได้คิดจะลงด้วย ไม่กล้าด้วย เพราะคิดว่าลงไปก็คงแพ้เขา มีแต่คนเก่งๆ เขามาประกวด แล้วเขามีเวลาให้ 30 วันในการตัดสินใจ ตอนวันสุดท้ายที่สมัครได้ เพื่อนเอากีตาร์ตัวละแสนกว่าบาทมาให้ผมเปลี่ยนสายเพราะเขาเปลี่ยนไม่เป็น ผมเปลี่ยนสายให้เพื่อนเสร็จก็ลองดีดดู แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า เฮ้ย วันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่ที่จะลงประกวด Overdrive ก็เลยบอกเพื่อนว่า กูขอยืมเอาไปประกวดหน่อยนะ พอลงไว้แล้วก็ลืมไปเลย ตอนนั้นมันแค่อยากเล่นน่ะ เพราะได้เล่นกีตาร์ตัวละแสนกว่าทั้งที”

“เคยเสพติดอะไรบางอย่างไหมครับ”

แรกๆ ที่ทำเพลง เราทำสนุกๆ  ทำแบบฮาๆ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมีคนฟังมากมาย มันเริ่มจากเราอยากให้เพื่อนๆ คุณพ่อคุณแม่ คนใกล้ตัวของเราได้ฟัง ไม่ได้หวังอะไรมาก ผมเริ่มจากแบบนี้ เคยเอาไปให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง ฟีดแบ็กก็คือเขาฟังไม่รู้เรื่อง เลยมีความเฟลนิดนึง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ยังทำต่อไปเรื่อยๆ ทำทุกวัน ทำเพราะสนุก”

“ทุกวันนี้ไม่ได้เอาเพลงไปให้พ่อกับแม่ฟังแล้ว เดี๋ยวเขาตลก แต่ว่าเขาก็ยังแอบไปดูเราเล่นสดแบบไม่ได้บอกบ้าง ส่วนเรื่องที่เคยไม่อยากให้ทำเพลงก็ไม่ได้พูด ผมเองก็ไม่ได้คิดเรื่องนั้น มันหายไปตอนไหนก็ไม่รู้”

“ถามว่าที่ทำมาจนถึงทุกวันนี้นี่ถือว่าดื้อทำหรือเปล่า…เอาเป็นว่าเคยเสพติดอะไรบางอย่างไหมครับ หมายความว่าหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง สุดท้ายไม่ว่าใครห้ามอะไรยังไง มันก็ไม่สามารถห้ามเราได้ เรื่องดนตรีกับผมก็คงเป็นแบบนั้น”

“หน้าหนาวที่แล้ว” มีกลิ่นเพลงของคุณแม่

“ตอนเด็กๆ ที่ไปดูคุณแม่ร้องเพลง เพลงที่จำได้เวลาไปไหนมาไหนกับคุณแม่คือเพลง ‘ช้ำคือเรา’ นอกนั้นผมจำเพลงอื่นไม่ชัดเท่าเพลงนี้เลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คงชอบด้วยละ”

“เอาจริงๆ เพลง ‘หน้าหนาวที่แล้ว’ ของผม มันมีกลิ่นเพลงของคุณแม่มาด้วย เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ทั้งที่เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น แต่กรูฟหรือบีทส์มันจะมีใกล้ๆ กัน มีความอาร์แอนด์บีที่เหมือนลอยๆ ปลิวๆ หน่อย มันเป็นความบังเอิญมากกว่า มันคงซึมซับมาตั้งแต่เรายังเด็กๆ โดยไม่รู้ตัว”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0