ในบรรดานักเดินทางอาจจะเคยเข้าห้องน้ำบนเครื่องบิน แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าหลังจากกดชักโครกแล้ว สิ่งปฏิกูลที่เราปล่อยทิ้งไว้มันจะเป็นอย่างไร ?
ในอดีต ห้องน้ำบนเครื่องบินจะมีการทำงานแบบตรงไปตรงมา คือ เก็บสิ่งปฏิกูลไว้ในภาชนะกักเก็บแล้วค่อยนำไปทิ้ง แต่ปัญหาคือมันมักจะมีกลิ่น ต่อมาระบบการชะล้างจึงได้วิวัฒนาการมาใช้เจลสีฟ้าที่ชื่อว่า อโนเทค (Anotec) ที่สามารถชะล้างของเสีย และกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดคือหลังจากใช้งานแล้ว ตัวเจลจะแปรเปลี่ยนไปเป็นน้ำ ซึ่งกินน้ำหนักบนเครื่องอย่างมาก
จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับจัดการกับสิ่งปฏิกูลบนเครื่องบินขึ้นมาเรียกว่าเทคโนโลยี "ระบบอัดอากาศ" ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นในปี 1975
โดยเทคโนโลยี "ระบบอัดอากาศ" โถในห้องน้ำจะเชื่อมต่อกับท่อดูดสุญญากาศ เมื่อกดชักโครกบนเครื่องบินฝาปิดระหว่างโถกับท่อสุญญากาศจะเปิดออก จากนั้นของเหลวสิ่งปฏิกูล และทุกอย่างที่อยู่ในโถ ก็จะถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วไหลผ่านท่อไปยังบริเวณด้านหลังของเครื่องบิน ซึ่งมีถังปิดสำหรับกักเก็บ
เมื่อเครื่องบินลงจอดแล้ว รถที่เรียกว่าฮันนี่ทรัค (Honey Truck) ก็จะดูดสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ออกจากถังเก็บ และปล่อยลงในระบบบำบัดของสนามบินต่อไป
ดังนั้นเมื่อเทียบกับการจัดการสิ่งปฏิกูลบนเครื่องบินในยุคก่อนหน้านี้แล้ว เรียกได้ว่าระบบอัดอากาศ สามารถจัดการกับสิ่งปฏิกูลได้อย่างราบรื่น ทำให้เราไม่ต้องทุกข์ทรมานกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างเดินทาง รวมถึงยังช่วยลดการใช้น้ำซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าบนเครื่องบิน
ที่มาข้อมูล RD
ที่มารูปภาพ Pixabay
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ออสเตรียทดสอบเครื่องยนต์แบบใหม่ที่ไม่ใช้ "น้ำมัน" แต่ใช้ "ไฮโดรเจน" เผาไหม้แทน !
- ญี่ปุ่นพัฒนายาปลูกฟันชนิดแรกของโลก ฟันหลุดงอกใหม่ได้ เตรียมทดลองยาในมนุษย์เดือนกันยายนนี้
- อีลอน มัสก์ VS เด็กจีน “แก้ปัญหา Tesla ให้หนูหน่อยได้ไหมคะ ?”
- สหรัฐฯ พัฒนา "ดินอัจฉริยะ" ปลูกพืชโตขึ้น 138% ลดใช้น้ำ 40%
- 8 ขั้นตอนแก้ "จอฟ้า" หลัง Windows ล่มเพราะ CrowdStrike
ความเห็น 0