การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะทำได้ง่าย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เช่นนั้นเลย การเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นนั้นแตกต่างจาก ‘การสงสาร’ อย่างสิ้นเชิง เพราะวัตถุประสงค์ของสองสิ่งนี้แตกต่างกัน ความสงสารเกิดขึ้นเพราะว่าเราอยากจะตัดความสัมพันธ์กับคนที่เราสงสาร แต่การเข้าใจความรู้สึกเปรียบเสมือนการที่เราต้องการและใส่ใจว่าคน ๆ นั้นกำลังต้องเผชิญอะไรอยู่ ดังนั้นจึงเป็นความรู้สึกที่เรานั้นยังอยากอยู่ในชีวิต และอยากมีคนเหล่านั้นอยู่ในชีวิตด้วย
ในยุคที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความยากในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับโรคระบาด เศรษฐกิจที่ไม่สู้ดี อีกทั้งยังคุณค่าต่าง ๆ ในชีวิตที่ถูกขัดเส้นจากสังคม การเข้าใจ และไม่ตัดสินความทุกข์ของคนอื่นเป็นอีกสิ่งที่คนเราควรมีเพราะนอกจากจะช่วยธำรงสังคม ก็มีความสำคัญในการเป็นมนุษย์อีกด้วย ไปดูกันว่าทำไม ‘การเอาใจเขามาใส่ใจเรา’ ถึงสำคัญกับพวกเรา
1. เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบการเข้าสังคม แต่มนุษย์ยังอยู่ได้เพราะการเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ มันแทบจะไม่มีกิจกรรมไหนเลยที่คนเราไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์แก่กัน มีเพียงแค่การเปลี่ยนรูปแบบการปฏิสัมพันธ์เท่านั้น การที่เราเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้ดี ก็จะทำให้คนอื่น ๆ พยายามเข้าใจในตัวเราเช่นกัน
2. ดีต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง หรือลูกจ้าง หรือทำงานส่วนไหนก็ตาม การเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น ๆ ที่แตกต่างไปจากตัวเราเองในด้านของอาชีพ จะช่วยให้ความสัมพันธ์ทางธุรกิจดี เพราะว่ามันเริ่มจากความเชื่อใจ และความเชื่อใจนั้นต้องเกิดจากความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร อยากได้อะไร คาดหวังอะไร ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ นั้น เป็นพื้นฐานจากการเอาใจเข้ามาใส่ใจเราอยู่แล้ว ถ้าต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในและนอกองค์กร การเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นการเริ่มต้นที่ดีเชียวละ
3. ช่วยให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น แม้เขาจะไม่ได้พูดออกมา
การสื่อสารนั้นมีมากกว่าใช้คำพูดในการแสดงออก คนที่ไม่เคยเข้าใจคนอื่นจะไม่สามารถอ่านสิ่งระหว่างบรรทัดของบทสนทนา หรือสิ่งที่คนอื่น ๆ ต้องการจะสื่อ และต้องการได้เลย ถ้าพวกเขาไม่พูด
4. ทำให้รับมือกับความขัดแย้งเก่งขึ้น
เมื่อเจอกับความต้องการที่ไม่เหมือนกันของผู้คน การที่จะทำให้ทุกฝ่ายพึงใจจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น หากคุณมีความเข้าใจในผู้อื่น เพราะคุณยังไม่เดินผิดทาง จะไม่ตัดสินใจผิดในการรับมือกับความขัดแย้ง
5. จะโน้มน้าวผู้อื่นได้มากขึ้น
เมื่อเราสามารถเห็นโลกจากมุมมองของคนอื่นได้ เราก็จะเห็นแรงจูงใจและความรู้สึกของพวกเขา ดังนั้นเวลาเราจะโน้มน้าวเขามันก็จะง่ายในการทำให้ความคิดเขาตรงกับความคิดของเรา คนเรานั้นต่างคนก็ต่างมีแรงจูงใจที่แตกต่างกัน แต่การเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นเป็นกุญแจที่จะทำให้เราเข้าใจคนอื่นนั่นเอง
6. ช่วยมองเห็นโลกได้กว้างขึ้น
การเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้น เปรียบเหมือนการมีประสบการร์ร่วมกับคนอื่น ๆ ผ่านมุมมองและความรู้สึกของพวกเขา ถ้าคุณมีเซ้นส์ของความเข้าใจคนอื่นเยอะ คุณก็จะมีมุมมองต่อโลกกว้างขึ้น หลากหลายขึ้น และก็จะเห็นหลากหลายมุม เลยทำให้สามารถยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ดีขึ้นด้วย
สุดท้าย เราต้องเตือนใจเสมอว่า แม้เราอาจจะไม่ประสบพบเจอกับความทุกข์เหล่านั้นด้วยตัวเอง แต่อย่าไปลดทอนความทุกข์ยากของคนอื่น เราอาจจะโชคดีที่ไม่ได้ไปอยู่ในจุดนั้น แต่อย่าทำเหมือนกับว่าความทุกข์ยากของคนอื่นไม่มีจริง และการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช่การนำความทุกข์มาใส่ตัว แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนควรมี.
ขอบคุณข้อมูลจาก
ความเห็น 8
ปูนิ่ม
เช่นเดียวกับผู้ฉีดวัคซีน
26 พ.ค. 2564 เวลา 12.24 น.
ปูนิ่ม
ทดลองกับลูกไก่20000ตัวต่อวันหลายวันได้ผลแน่นอน
26 พ.ค. 2564 เวลา 12.23 น.
ปูนิ่ม
จากการทดลองอนุบาลลูกไก่อายุ3วันโดยพยายามทำให้เกิดการวิ่งเล็กน้อยหนึ่งครั้งนานๆทีผลคือลูกไก่มีความสามรถแข็งแรงปกติไม่ตายง่ย
26 พ.ค. 2564 เวลา 12.21 น.
ปูนิ่ม
ให้หารการฉีดวัคซีนเป็นสามระดับ1ทดลองหนึ่งส่วนหก 2ให้ทำการประวิงเวลา หนึ่งส่วนสามควรลองให้กับกลุ่มอื่น3 หนึ่งส่วนหกทดลองในสัตว์ ลืงเป็นต้น
26 พ.ค. 2564 เวลา 12.17 น.
ยัยอ้อยหวานเจี๊ยบ
ไม่ว่าเราจะทำอะไรคิดอะไรแค่นึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นบ้างหรือบางทีรับฟังผู้อื่นบ้างในสิ่งที่เขาอยากจะบอกให้ใครสักคนฟัง สิ่งเล็กๆ แค่นี้ก็สามารถช่วยเยียวยาจิตใจของคนที่กำลังหมดกำลังใจได้ไม่มากก็น้อย
26 พ.ค. 2564 เวลา 06.13 น.
ดูทั้งหมด