สหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามธุรกิจสหรัฐร่วมงานกับบริษัทหัวเว่ย เป็นการชั่วคราว หลังจากคำสั่งดังกล่าวสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นและกระทบธุรกิจบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐยักษ์ใหญ่ รวมทั้งผู้บริโภคที่ใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ย รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศให้ยกเลิกคำสั่งห้ามธุรกิจสหรัฐร่วมงานกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เป็นการชั่วคราว โดยอนุญาตให้มีการอัพเดทซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานโทรศัพท์ของหัวเว่ยได้ โดยจะมีผลจนบังคับใช้จนถึงวันที่ 19 ส.ค.นี้
ประกาศดังกล่าวทำให้กูเกิลยังคงสามารถร่วมงานกับหัวเว่ยได้ต่อไป และหัวเว่ยใช้ระบบแอนดรอยด์ได้เหมือนเดิมจนถึงวันที่ 19 ส.ค.
ทั้งนี้ สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยสามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และเข้าถึงแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Google Play Store, Gmail และ YouTube ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกูเกิลได้
จากคำสั่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดวิตกกังวลผลกระทบที่เกิดขึ้น เทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วกระดาน
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 25,679.90 จุด ลดลง 84.10 จุด หรือ -0.33% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,840.23 จุด ลดลง 19.30 จุด หรือ -0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,702.38 จุด ลดลง 113.91 จุด หรือ -1.46%
หลังรัฐบาลสหรัฐขึ้นบัญชีรายชื่อหัวเว่ยและบริษัทในเครือ เข้าใน "Entity List" ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐเข้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเทคโนโลยีของรัฐบาล โดยสะท้อนจากราคาหุ้น
หุ้นบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับหัวเว่ย โดยหุ้น Qorvo Inc ร่วงลง 4.16% หุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชั่น ดิ่งลง 2.9% หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 5% หุ้น Xilinx Inc ดิ่งลง 3.5% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 4% หุ้นแลม รีเสิร์ช ร่วงลง 5.4% ส่วนหุ้น Nvidia และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ ต่างก็ร่วงลง 3% หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG ร่วงลงถ้วนหน้า โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.4% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 3.1% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.8% และหุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.06%
อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าที่เกิดขึ้น แม้สหรัฐจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม แต่มีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อทางการจีนออกมาเตือนว่าพร้อมจะตอบโต้สหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐยุติมาตรการใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจจีน