โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ซีรีส์วัยรุ่นส่งท้ายปีที่มีคนรอดูมากที่สุด! สัมภาษณ์พิเศษกับผู้กำกับ-ทีมนักแสดงจาก "แปลรักฉันด้วยใจเธอ"

INTERVIEW TODAY

เผยแพร่ 27 ต.ค. 2563 เวลา 18.26 น. • @mint.nisara

ซีรีส์ที่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มสองคนที่เติบโตมาในบ้านคนไทยเชื้อสายจีนจากภูเก็ต จากศัตรูกลายเป็นเพื่อน พัฒนาเป็นความรัก ผ่านการค้นหาตัวตนของตัวเองท่ามกลางบรรยากาศสวย ๆ ของเมืองเก่าภูเก็ต "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ผลงานการกำกับของ บอส-นฤเบศ กูโน คือหนึ่งในซีรีส์ของปี 2020 ที่มีการถูกพูดถึงและรอคอยมากที่สุด ยิ่งเป็นการประกบคู่ของสองนักแสดงคู่จิ้นที่เคมีพุ่งแรงอย่าง พีพี-บิวกิ้น แล้วด้วยนั้น กระแสของเรื่องนี้เลยเปรี้ยงปร้างขึ้นไปอีกหลายเท่า

วันนี้ทีม LINE TODAY ได้มีโอกาสไปนั่งคุยกับทั้งทีมนักแสดงและตัวผู้กำกับเอง เราเลยขอหยิบเอาใจความตอนใหญ่ ๆ จากบทสนทนาพาเพลินเกือบ ๆ 1 ชั่วโมงมาฝากทุกคนกัน รับรองได้ว่าถ้าอ่านจบและเห็นความตั้งใจของนักแสดงแต่ละคนรวมไปถึงทีมงานแล้ว จะต้องรีบกดเข้าไปรับชมซีรีส์เรื่องนี้อย่างพลาดไม่ได้แน่นอน!

<b><i>ผู้กำกับ - บอส-นฤเบศ กูโน</i></b>
ผู้กำกับ - บอส-นฤเบศ กูโน

บอส: เริ่มต้นจากอีพีสุดท้ายของ “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” แล้วมันกลายเป็นกระแสโซเชียล พอจบตอนนั้นปุ๊บ คนเรียกร้องเยอะมากให้เราทำภาคต่อ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่คนดูอยากติดตามต่อก็คือคู่ของหมอเต่า (รับบทโดยบิวกิ้น) กับทิวเขา (รับบทโดยพีพี) พอคนพูดกันเยอะ ๆ ตอนแรกเราก็เริ่มเอะใจว่าหรือเราต้องทำวะ เพราะมันมีคนรอดูอยู่จริง ๆ บวกกับพี่ ๆ พีอาร์ในค่ายที่มาประกบเราด้วยว่าอยากดู ทำเถอะ อยากเห็นคู่นี้ต่อ เราก็เลยตัดสินใจว่าเราจะทำภาค 2 ของเรื่องนี้ 

แต่พอไป ๆ มา ๆ นั่งคิดสตอรี่ว่ามันจะต่อไปยังไง ก็คิดขึ้นมาได้ว่า เอ้อ หมอเต่าตายไปแล้วนี่หว่า เราก็ฆ่าตัวละครนนี้ไปเองด้วย (หัวเราะ) คิดพลอตเยอะมากแต่เราว่ามันฝืนไปและตัวเราเองก็ไม่มีแพสชั่นในการที่อยากจะเล่าเรื่องแบบนั้นแล้ว เลยมาถามตัวเองว่าอยากเล่าประเด็นแบบไหน ซึ่งก็ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าขึ้นเรื่องใหม่เลยดีกว่า แต่งใหม่ขึ้นมาใหม่เลย แล้วจับบิวกิ้นกับพีพี คู่ที่มีเคมีที่คนชื่นชอบ มาเล่นคู่กันละกัน กลายเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กผู้ชาย 2 คน ตรงนั้นคือจุดเริ่มต้นที่เราพัฒนาบทมาเรื่อย ๆ จากตรงนั้น ซึ่งในทีมเขียนบทก็มีน้องก้อย อรัชพร มาช่วยเขียนด้วย

การเขียนเรื่องจากตัวนักแสดง

ด้วยความที่โครงของเรื่องวางไว้ว่าเป็นซีรีส์ที่เล่าเกี่ยวกับตัวละครชายที่เป็นเพื่อนสนิทกัน และด้วยความที่บิวกิ้นและพีพีก็สนิทกันในชีวิตจริง กระบวนการเขียนบทเลยเป็นแบบ Reverse คือการเอาความเป็นตัวตนของนักแสดงและเรื่องราวของพวกเขามาผสานอยู่ตัวบทด้วย 

บอส: จริง ๆ แล้วเป็นวิธีการพัฒนาบทที่เราทำกันมาตั้งแต่ Hormones แล้ว เราจับนักแสดงมาสัมภาษณ์ เอาไอเดียจากเขามาจริง ๆ เลยว่าตัวเขาเคยพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ประเด็นไหนที่น่าสนใจบ้าง ทุกแง่มุมเลย ทั้งความสัมพันธ์เพื่อน ความรัก ครอบครัว และมุมอื่น ๆ ของเด็กผู้ชายวัยรุ่นสมัยนี้ เพราะตัวเราก็ผ่านจุดที่เคยอยู่ม.6 มาหลายปีแล้ว สิ่งที่ค้นพบอย่างหนึ่งคือวัฒนธรรมการเรียนพิเศษก็ยังเป็นอะไรที่ยุคนี้ยังคงฮอตฮิตกันอยู่ เราเลยเอาฉากหลังที่ตัวละคร 2 คนได้เจอกันเปลี่ยนจากโรงเรียนมาเป็นที่เรียนพิเศษแทน ตรงกับชีวิตจริงของพีพีบิวกิ้นที่เจอกันที่เรียนพิเศษด้วย เราถามเขาเลยว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เราจะทำยังไง ถ้าเป็นแบบนี้ บิวกิ้นจะทำยังไงต่อแล้วเอามาเขียนให้เข้ากับตัวละครด้วย

พอเราวางตรงนี้ เราก็เริ่มวางบรรยากาศอื่น ๆ ของเรื่อง เราจะเห็นการกิน อยู่ นอนหลับของเขาเป็นชีวิตมาก ๆ เลย เราวางรายละเอียดถึงขั้นที่ว่าหลังเรียนพิเศษ เขาไปกินอะไรกัน เขานั่งรถอะไรกลับบ้าน พอวันเสาร์อาทิตย์เขาไปเดินเที่ยวที่ไหนกัน ซึ่งดีเทลพวกนี้ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้พิเศษขึ้น คนดูจะสามารถสัมผัสความละมุนละไมของเรื่องไปในตัว

กลิ่นอายของความเป็นภูเก็ตฝังอยู่ในชื่อตัวละครนำที่ทางทีมตั้งเอาไว้ว่า “โอ้เอ๋ว” บอสบอกกับเราว่าอยากให้คนดูเข้าใจ setting ของเรื่องได้ทันทีเมื่อดูทีเซอร์และแค่ได้ยินชื่อก็เก็ตได้เลยว่าเนื้อเรื่องเกิดขึ้นที่ไหน

บอส: ตอนแรกเราตั้งไว้ว่าอยากให้ชื่อ ‘สะตอ’ แต่ก็คงไม่ดีแน่เพราะคนคงเรียกเป็น ‘ตอๆ’ เราเลยมานั่งลิสต์กันว่าอะไรที่บ่งบอกถึงกลิ่นอายความเป็นภูเก็ต ก็สรุปกันมาได้เป็นชื่อ ‘โอ้เอ๋ว’ ขนมหวานที่เป็นวุ้นใส ๆ นิยมทานกันในจังหวัดนี้ หรืออย่างชื่อตัวละครของ ‘เต๋’ ที่เป็นเด็กไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนในเรื่อง เราก็หยิบคำว่า ‘เต๋’ ในภาษาจีนฮกเกี้ยนที่แปลว่าน้ำชามาใช้ ในขณะเดียวกันก็พ้องกับคำที่แปลว่าลูกชายได้ด้วย

ความโรแมนติกนำพาให้ซีรีส์เรื่องนี้ยกกองไปถ่ายกันไกลถึงภูเก็ต ซึ่งบอสเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปว่า “จริง ๆ เราอยากทำเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กผู้ชายที่เข้าถึงง่ายมาก เริ่มจากความเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เราก็พยายามหาบริบทอื่น ๆ มาครอบให้มันน่าสนใจมากขึ้นด้วย ก็เริ่ม ๆ โยนกันในทีมกันว่าอยากได้แบบไหน เรื่องนี้เลยออกมาเป็นหนังที่มีบรรยากาศโรแมนติก ไม่ได้โรแมนติกแค่ด้วยตัวเหตุการณ์อย่างเดียว ต่อให้เขาดูเป็นเพื่อนสนิทกัน เป็นคู่อริกัน แต่บรรยากาศก็ทำให้ซีนนั้นดูโรแมนติกขึ้นมาได้ เราเลยเริ่มรีเสิร์ชกันว่าฉากหลังควรเป็นที่ไหนดี

โจทย์ของทีมคืออยากเห็นภูเขา อยากเห็นทะเลด้วย และก็อยากให้มีความเป็นตัวเมืองอยู่ในที่เดียวกัน ทุกอย่างเลยมาลงตัวที่ภูเก็ต เราก็เลยจองตั๋วพาทีมเขียนบทไปรีเสิร์ชและเริ่มเขียนกันที่นั่นเลย พอไปอยู่ปุ๊บคือ โห อาหารอร่อยมากด้วย ซื้อ จบ เอาเลย (หัวเราะ)”

<i>พีพี, ขุนพล, บิวกิ้น, สไมล์ และโรเล็กซ์</i>
พีพี, ขุนพล, บิวกิ้น, สไมล์ และโรเล็กซ์

หันมาคุยกับทีมนักแสดงบ้าง นำโดย พีพี-กฤษฏ์ อํานวยเดชกร และ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล พร้อมกับแก๊งเพื่อนในเรื่องอีกทั้งหมด 3 คน ทั้ง สไมล์-ภาลฎา ฐิตะวชิระ , ขุนพล-ปองพล ปัญญามิตร และ โรเล็กซ์- จิรายุส ขาวใบไม้ ทุกคนเล่าให้เราฟังถึงคาแรกเตอร์ของตัวเองอย่างออกรส

สไมล์:รับบทเป็น “ตาล“ ค่ะ ก็จะเป็นคาแรกเตอร์ที่มีความโบ๊ะบ๊ะ

พีพี: สติ! 

สไมล์: ใช่ สติ (หัวเราะ) จะเป็นคนที่จริงใจ เป็นผู้หญิงห้าว ๆ พูดจาตรงไปตรงมา แล้วก็มีความเป็นอาร์ทิสต์ผสมความมีแพทเทิร์นในชีวิตค่ะ ตาลเองก็เป็นเพื่อนสนิทของเต๋ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ที่เข้ามาในช่วงม.ปลาย ก็เลยทำให้มีความสนิทสนมซึ่งกันและกันแต่จะสนิทขนาดไหน ต้องติดตามดูต่อในซีรีส์นะคะ ขอบคุณค่ะ (หัวเราะ)

ขุนพล: สำหรับ “บาส” ก็เหมือน “ตาล” ของพี่สไมล์ คือเป็นตัวละครที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในช่วงม.4 เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับพวกเต๋แต่จะสนิทกับ “โอ้เอ๋ว” เป็นพิเศษ 

โรเล็กซ์: ผมชื่อ “ไข่” ในเรื่องครับ เป็นคนขี้เล่น ออกจะเด๋อ ๆ นิดนึง แล้วก็เป็นคนใจเย็น เป็นเพื่อนในแก๊งนี้เหมือนกันครับ

บิวกิ้น: “เต๋” เป็นเด็กที่มีความฝัน เป็นเด็กที่มีแพสชั่น เวลาทำอะไรจะมีความตั้งใจ เห็นเป้าหมายชัดเจนแล้วก็พุ่งไปหาเป้าหมายแบบถีบตัวเองไปเลย มีความเอาชนะนิด ๆ อมอีโก้หน่อย ๆ คือใช่มะ ประมาณนี้เนอะ (หันไปถามพีพี)

พีพี: ใช่แหละ (หัวเราะ) ส่วนของ “โอ้เอ๋ว” ก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกับ “เต๋” ในวัยเด็ก แล้วก็ทะเลาะกัน หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้กลับมาคืนดีกัน ซึ่งเหตุการณ์นั้นคืออะไรก็ต้องดูต่อในซีรีส์ครับ

<i>ขุนพล - โรเล็กซ์</i>
ขุนพล - โรเล็กซ์

ความกลมกล่อมที่เพิ่มขึ้นคือการที่ทีมนักแสดงได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบ ๆ 3 เดือนระหว่างการถ่ายทำในภูเก็ต พอถามถึงความสนุกของโมเมนต์ behind the scene ของซีรีส์เรื่องนี้ เราก็ได้คำตอบมาว่า..

บิวกิ้น: มันไม่ใช่การทำงานที่จบแล้วก็แยกย้าย แต่พอไปอยู่ด้วยกัน วันพักเราก็ไปเที่ยวด้วยกัน หรือว่ามีการมาเตรียมตัวด้วยกัน ผมว่าหลัก ๆ มันคือการได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ซึ่งสนุกดีครับ

ขุนพล: ผมเองก็เพิ่งเข้ามานาดาว ซึ่งพออยู่ในโปรเจกต์ Academy ก็มีพี่ทีมแคสต์มาเจอ เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องแรกของผมเลย ได้เจอพี่ ๆ ทุกคนก็อบอุ่นมาก ๆ ครับ

พีพี: เจอกับผู้กำกับจนเบื่อกันไปเลย (หัวเราะ) จริง ๆ เรื่องนี้เบื้องหลังสนุกมากครับ อย่างผมกับบิวกิ้น เราสนิทกันอยู่แล้ว พอทำงานด้วยกันก็จะง่ายขึ้นเพราะเรารู้ว่าถ้าเราเล่นแบบนี้เค้าจะรีแอกต์ยังไง พวกนี้มากกว่าครับ มันเลยทำให้ตอนเวิร์กช็อปง่ายขึ้น

<i>พีพี - บิวกิ้น</i>
พีพี - บิวกิ้น

บิวกิ้น: ผมว่าเรื่องชินไม่ชินกัน มันน่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละเรื่องด้วยครับ เพราะซีรีส์แต่ละตัวก็จะมีแบคกราวด์ไม่เหมือนกัน หรือมีคาแรกเตอร์ การเตรียมตัวที่แตกต่างกัน ก็จะมีการจูนที่ไม่เหมือนกันในแต่ละครั้ง เช่นเดียวกับการทำงานกับพี่บอสด้วยครับ อย่างเรื่องที่แล้วก็จะเป็นเวย์นึง ส่วนในเรื่องนี้เค้าจะมีภาพในหัวที่ไม่เหมือนกันเลย ก็จะเป็นการกำกับอีกแบบ

พีพี: ซึ่งถ้าให้เล่าถึงการทำงานกับพี่บอส เป็นคนที่ละเอียดมาก ๆ เป็นคนที่ตั้งใจมากและใส่ใจกับทุกดีเทลของงานมาก ๆ รวมถึงการแอกติ้งของเราด้วย บางทีที่เราคิดว่าเราเล่นแบบนี้ละเอียดแล้ว แต่สำหรับพี่บอสคือยังไม่ใช่ 

สไมล์: เค้าจะมีภาพในหัวที่ชัดเจนมาก ๆ แบบวิต่อวิเลย (หัวเราะ) ชัดเจนมาก ๆ ซึ่งตอนที่เจอกันครั้งแรก เราก็คิดว่าทำการบ้านเตรียมตัวมาเต็มที่แล้ว แต่พอเจอกับพี่บอสแล้ว เค้ามีโซลูชั่นให้ตัวละครเยอะมาก พอเราได้ลองเล่นตามที่พี่เค้าแนะนำก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เยอะเลยค่ะ

บิวกิ้น: การเตรียมตัวรับบทก็ค่อยข้างพอประมาณเลย จริง ๆ จะมีทั้งฝั่งของแอคติ้ง อย่างการเข้าตัวละคร หรือการเวิร์กเรื่องแบคกราวด์ ในเรื่องของเพื่อน ครอบครัว หรือว่าคู่สัมพันธ์ อีกด้านก็จะเป็นในเรื่องของสกิล อย่างการเรียนภาษาจีน เรียนดำน้ำ ขี่มอเตอร์ไซค์ มันเป็นกายภาพเนอะ หลัก ๆ ก็จะประมาณนี้ครับ

<i>ผู้กำกับ - บอส-นฤเบศ กูโน </i>
ผู้กำกับ - บอส-นฤเบศ กูโน 

"ความชาเลนจ์ของการทำซีรีส์ที่พูดถึงประเด็น LGBT ถือว่ายากไหม" เราถามบอสด้วยคำถามนี้ ซึ่งบอสก็ตอบว่าจริง ๆ ก็ค่อนข้างยากเพราะมีความคาดหวังจากคนดูประมาณหนึ่ง แต่ความแตกต่างของเรื่องนี้จากซีรีส์เรื่องอื่น ๆ คือการเป็นเรื่องราว coming of age หรือจุดเปลี่ยนผ่านของชีวิตวัยรุ่น ซึ่งเล่าเรื่องในแง่มุมต่าง ๆ ที่ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของชาย-ชายเท่านั้น

บอส: สำหรับเรา เราจะเลือกหยิบสิ่งที่เราอินที่สุดมาเล่า ต่อให้ประเด็นนั้นจะเป็นประเด็นที่คนอื่นเคยเล่ามาแล้ว มันไม่สำคัญเท่าประเด็นนั้นเราอินหรือเปล่า เรา concern สิ่งนี้มากกว่า ซึ่งที่เราเลือกพูดก็คือเรื่องการ coming of age ของเด็กผู้ชายคนนึงที่ไม่รู้ใจตัวเองว่าเราสามารถชอบใครได้มากกว่าเพศที่ทุกคนบอกว่าจะต้องชอบ มันฟังแล้วอาจจะดูทั่ว ๆ ไปแบบที่เคยดูมาแล้ว แต่ด้วยท่าทีหรือเหตุการณ์ที่เราค่อยใส่เข้าไป มันลึกซึ้งและมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ร่วมสมัยอะไรบางอย่างที่ทำให้คนดูอินไปได้

coming of age มันไม่ได้มีแค่เรื่องเพศอย่างเดียว จริง ๆ มันมีหลายอย่างมาก พอเราครอปช่วงเวลาแล้วว่าเป็นช่วงม.6 มันจะมีหลากหลายเรื่องราวมาก เรื่องของการเติบโต การสอบเข้ามหาลัย ก็สอดคล้องกับช่วงเวลานี้ การศึกษาก็สำคัญ รวมไปถึงเรื่องครอบครัวและเรื่องเพศสภาพด้วย มันเลยมีรายละเอียดแตกย่อยไปเยอะมาก ทำให้เห็นชีวิตของตัวละครมากขึ้น”

<i>พีพี, ขุนพล, บิวกิ้น, สไมล์ และโรเล็กซ์</i>
พีพี, ขุนพล, บิวกิ้น, สไมล์ และโรเล็กซ์

ก่อนที่พวกเราจะต้องวิ่งกลับเข้าออฟฟิศ ทีม LINE TODAY ก็ขอให้ทีมนักแสดงและผู้กำกับจากซีรีส์ “แปลรักฉันด้วยใจเธอ” ฝากผลงานกันหน่อย 

พีพี: “ไม่แน่ใจว่าอยากให้คาดหวังไหม แต่พวกเราทุกคนตั้งใจกันมาก ๆ จริง ๆ ทุกคนพยายามทำมันออกมาให้ดีที่สุด ก็หวังว่าทุกคนจะชอบกับสิ่งที่เราตั้งใจครับ ใส่น้ำเสียงอ้อนวอนแบบนี้ลงไปด้วยนะ (หัวเราะ)”

บิวกิ้น: “ทีมทุก ๆ คนทำมันด้วยใจจริง ๆ นะ เราเหนื่อยกันมามากแต่บรรยากาศในกองมันแฮปปี้มาก ๆ ครับ ทุกคนคอยให้กำลังใจกัน ใครพลาดตรงไหนก็ไม่มีใครโทษกัน คอยซัพพอร์ตกัน การทำงานกับทีมนี้มันค่อนข้างฟูลไปด้วยความอบอุ่น ความสุข เหมือนเราเป็นครอบครัวนะ อยากส่งต่อความตั้งใจที่เราทุกคนใส่ลงไปในซีรีส์พวกเนี้ยให้กับทุกคนได้ลองดูครับ”

บอส: “ตัวเราเองชอบมันมาก ๆ ทีมงานทุกคนก็ชอบมาก ๆ เช่นกัน ก็หวังว่าคนดูจะเอนจอยกับการได้ดูซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกับพวกเราครับ”

ติดตามชมซีรีส์ "แปลรักฉันด้วยใจเธอ" ได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00 น. บน LINE TV เท่านั้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0