โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เด็กชายวัย 14 ปี พ่อป่วยเป็นมะเร็งนอนรพ.กว่า 45 วัน ต้องอยู่ห้องคนเดียว ติดเงินซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินประทังชีวิต

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

เผยแพร่ 01 เม.ย. 2566 เวลา 04.47 น.

วันที่ 1 เม.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวานนี้(31มี.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังได้รับแจ้งจากผู้พักอาศัยภายในคอนโดแห่งนี้ว่า มีเด็กชายวัย 14 ปี พักอาศัยอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว แต่ละวันต้องต้มมาม่ากิน บางครั้งก็ลงไปยังชั้นล่างของคอนโด ซึ่งเป็นร้านขายของชำ เพื่อขอติดเงินเพื่อซื้อข้าวสาร อาหารแห้งรวมทั้ง มาม่า มาต้มกินประทังชีวิตสร้างความสลดหดหู่ใจให้กับผู้พักอาศัยในคอนโดแห่งนี้

.

ผู้สื่อข่าวได้พบกับเด็กชาย เอ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนศรีบุณยานนท์ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนกับคุณพ่อพักอาศัยอยู่ที่ห้องแห่งนี้มานานหลายสิบปีแล้ว โดยคุณพ่อเป็นนักดนตรีเล่นเปียโนอยู่ในโรงแรมย่านนทบุรี ชีวิตครอบครัวแยกกับคุณแม่ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ลำบาก คุณพ่อหาเลี้ยงตัวเองและตนเองมาตลอด จะมีก็ช่วงที่อดมื้อกินมื้อในสถานการณ์โควิด 19 ทำให้คุณพ่อตกงานเป็นปี ๆ

.

จนกระทั่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน คุณพ่อตรวจพบเป็นโรคมะเร็งตับมีทั้งเบาหวาน ความดัน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในเครือศูนย์มะเร็งแห่งชาติ ทำให้ตนเองต้องอยู่อาศัยในห้องคนเดียว โดยก่อนพ่อจะไปโรงพยาบาลให้เงินตนไว้ 1,000 บาท และก็ได้นอนติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว 45 วัน ตนก็ต้องช่วยตนเอง เพราะชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด

.

"ตอนนี้ก็ค้างค่าเช่าห้องมา 4 เดือนแล้ว โชคดีเจ้าของห้องยังสงสารและให้อยู่ต่อ ส่วนผลการเรียนของตนนั้นได้เกรดเฉลี่ย 3.05 อีกทั้งตนยังเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนด้วย" เด็กชายรายนี้กล่าว

.

ขณะที่ ลุงชม เจ้าของร้านขายของชำใต้ถุนคอนโดเปิดเผยว่า ตนรู้จักและสนิทสนมกับพ่อของน้องเอมานานหลายปี ทราบปัญหาชีวิตครอบครัวของเขามาตลอด มาทราบว่าพ่อน้องเอเข้าโรงพยาบาลเพราะต้องรักษาโรคมะเร็งตับ และยังนอนติดเตียงอยู่ส่วนลูกชายก็มาที่ร้านของตนประจำ มาเอาของใช้ของกินเช่นข้าวสาร มาม่า ไม่เว้นแม้กระทั่งสบู่ยาสีฟัน

.

"ตนจึงให้เครดิตไว้ก่อน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหนี้ตนแล้วเกือบ 10,000 บาท ตนก็สงสารไม่รู้จะทำอย่างไรก็ช่วยไปกันตามที่จะช่วยได้ และก็ยืนยันว่ายังจะช่วยน้องต่อไปแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาหากพ่อของเขาทำงานได้ก็จะนำเงินมาทยอยใช้หนี้ให้กับตนเสมอ" ลุงชม เจ้าของร้านชำ กล่าว

.

ลุงชม ยังบอกอีกว่า ตนคิดว่าการช่วยเหลือเด็กคนนี้ก็เหมือนเป็นการสร้างบุญสร้างกุศล ถึงแม้มันจะเป็นเพียงน้อยนิดก็ตาม

.

เพจ:ข่าวเวิร์คพอยท์23 https://www.facebook.com/NewsWorkpoint

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0