รปภ.โหมงาน ป่วยหนักขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อนพาไป รพ. หมอให้ยามากิน กลับมานอนพัก สุดท้ายนอนเสียชีวิต
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม ร.ต.อ.ชนาธิป โอ่งเคลือบ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบริเวณป้อมยามแห่งหนึ่งริมถนนพระราม 2 กม.69 ต.บางขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม จึงไปตรวจสอบพร้อม พญ.สวรรยา ทวีปัญญายศ แพทย์เวร รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นห้องพักริมถนนพระราม 2 ใช้เป็นป้อมยามรักษาความปลอดภัย ด้านในพบศพ นายศักดิ์พล อายุ 50 ปี ชาว ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงขายาว สภาพนอนคว่ำบนพื้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
นายเจนวิทย์ อายุ 20 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า บิดาของตนมีอาชีพเป็น รปภ. ขยันขันแข็ง มาทำงานทุกวัน แม้วันลาจะเหลือแต่ก็ไม่ยอมหยุดพัก เวลาไม่สบายมักจะไม่บอกใคร ตอนพ่อเข้าเวรเมื่อคืนมีอาการป่วย เพื่อนที่ทำงานจึงพาไปหาหมอที่ รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า และกลับมาพักผ่อน กระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว
น.ส.ประไพ อายุ 52 ปี ผู้พบศพคนแรก เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวานนี้ประมาณ 4 โมงเย็น นายศักดิ์พลมาทำงานตามปกติ กระทั่งเมื่อคืนประมาณ 1 ทุ่ม นายศักดิ์พลมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง เพื่อนจึงพาไป รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า แพทย์เวรวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน ให้ยาแก้ท้องอืดท้องเฟ้อมากิน และให้นอนพักผ่อน กระทั่งเสียชีวิต
ด้าน นายสมนึก อายุ 55 ปี เพื่อนที่พานายศักดิ์พลไปส่งโรงพยาบาล เล่าว่า เมื่อประมาณ 1 ทุ่ม ผู้ตายได้โทรศัพท์มาหาบอกว่าปวดท้อง แน่นท้องมาก จึงรีบพาเพื่อนไป รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า หมอให้ยามากินและกลับมาพักที่ทำงาน ตนยังบอกนายศักดิ์พลว่าหากไม่สบายมากก็ให้โทรศัพท์บอก ซึ่งนายศักดิ์พลยังบอกว่าอย่าปิดเครื่องนะ ตนก็รับปาก และต่างคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน
นายสมนึกกล่าวอีกว่า นายศักดิ์พลไม่โทรมาหาคิดว่าอาการดีขึ้นแล้ว กระทั่งเช้าออกมาทำงานเห็นรถตำรวจจอดอยู่ คิดว่านายศักดิ์พลคงมีอาการหนักหมอมารับไป รพ. จึงเลี้ยวเข้ามาดู พบว่าเพื่อนเสียชีวิตแล้ว ตกใจมาก
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายศักดิ์พลมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง แต่หักโหมทำงานไม่ได้พักผ่อน จึงสันนิษฐานว่านายศักดิ์พลน่าจะหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งร่างนายศักดิ์พลไปชันสูตรอย่างละเอียดที่แผนกนิติเวช รพ.ศูนย์ราชบุรี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
ความเห็น 0