แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากความต้องการชิ้นส่วนฯ และคำสั่งซื้อที่มีอย่างต่อเนื่องกลับเผชิญปัจจัยอาจกระทบกำไรตั้งปี 2568 เป็นต้นไป
ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายวันแรกของปี 2568 จากแรงกดดันประเด็นภาษีบริษัทข้ามชาติตามที่กระทรวงการคลัง ประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) 15% ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2568 กับบริษัทที่มีรายได้รวมมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี ประเมินหุ้นกลุ่มที่เข้าข่ายคาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ 1. กลุ่มส่งออกอาหาร คือ TU (Effective tax rate 7-8%) ส่วนที่คาดจะกระทบคือ บริษัทในเครือที่อยู่ในไทยราว 35% ที่ได้รับ BOI โดยรวมคาดกระทบต่อประมาณการกำไรปกติปี 2568 จำกัดในกรอบ 3-8%
2.ชิ้นส่วนฯคือ DELTA (Effective tax rate 5.5%) คาดกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2568 มี downside risk ราว 12% ในกรณีที่ effective tax rate เพิ่มสู่ 15%
และ 3. กลุ่มโรงไฟฟ้า บางส่วนปัจจุบัน Effective Tax Rate อยู่ราว 5-10% หากนับเฉพาะผลกระทบภาษีคาดกำไรสุทธิจะกระทบอยู่ระหว่าง 5-10%
4. กลุ่ม Packaging หุ้น SCGP มีธุรกิจที่เวียดนาม (14% ของรายได้) ที่อาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมผลกระทบต่อภาพรวมจำกัด
“กลยุทธ์หุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบ” ส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนตั้งแต่ต้น-กลางเดือน ธ.ค.2567 แต่หากอิงโอกาสที่รัฐบาลน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบ รวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น
เชิงกลยุทธ์แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S-Curve ของไทยระยะถัดไป อาทิ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC
บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) อ้างอิง บทวิเคราะห์ของ “KGI Taiwan” ยังไม่เห็นสัญญาณว่าการลงทุนใน AI จะแผ่วลงในปี 2568 เพราะธุรกิจ cloud ของ CSPs ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ CSPs ซึ่ง4 เจ้าใหญ่ (Meta - Amazon -Microsoft - Google) ยังคงปรับเพิ่มงบลงทุน (CAPEX) อยู่เรื่อย ๆ
ทางทีม KGI Taiwan จึงยังคงมองว่าอุปสงค์ AI server จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2568 จากแผนใช้งบลงทุนจํานวนมากของ CSP หลักผ่านงบลงทุนของ CSP ทั้ง 4 เจ้าใหญ่ของสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 54% YoY แบ่งเป็นในปี 2567 ขยายตัว 18% YoY และในปี 2568 จะขยายตัว และ 9% YoYในปี 2569 นอกจากนี้ ทางทีม KGI Taiwan ยังคงประมาณการอัตราการเติบโตของยอดจัดส่ง server โลกปี 2568 ไว้ที่ 10% และ ปี 2569 ที่ 5% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุปกรณ์อื่น ๆ (PC, NB และ smartphone ซึ่งคาดว่าจะโตเพียงเลขตัวเดียวระดับต่ำถึงกลางในปี 2568-2569)
ประมาณการผลประกอบการ DELTA ไตรมาส 4 ปี 2567 กําไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ โดยคาดกําไรจากธุรกิจหลักของ DELTA ในจะอยู่ที่ 6 พันล้านบาท (+32% YoY, -3% QoQ) ทําให้กําไรจากธุรกิจหลักในปี 2567 อยู่ที่ 2.19หมื่นล้านบาท (+28% YoY) ใกล้เคียงประมาณการกําไรเต็มปี
คาดว่ายอดขายของ DELTAจะได้อานิสงส์จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของ server ซึ่งจะมีน้ำหนักมากกว่าการอ่อนตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ (ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะยังซบเซาใน 4Q67 และ ยังต้องระวังในปี 2568จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออํานวย) ทําให้ยอดขายใน ไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ (+24% YoY, +4% QoQ)ส่งผลให้ยอดขายในปี 2567 อยู่ที่ 4.7พันล้านดอลลาร์ (+14% YoY)
ทั้งนี้ คาดว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น QoQ และ การกลับรายการสํารองสต็อกที่มีแนวโน้มลดลงจะทําให้อัตรากําไรขั้นต้นลดลงเหลือ27.1% (+2.5ppts YoY, -0.5ppts QoQ) ในขณะที่คาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะยังอยู่ในเกณฑ์สูงที่ 13.8% (จาก11.5% ใน4Q66 และ13.7% ใน3Q67) มีความเสี่ยงบางประการที่อาจจะไปหักล้างอานิสงส์จากยอดขายที่แข็งแกร่งถึงแม้ว่า DELTA จะได้อานิสงส์จากกระแสโลก
อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงบางประการที่จ้องจับตา ได้แก่ 1. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในส่วนที่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียม royalty fees และ 2.ความเสี่ยงจากการที่อัตราภาษีสูงขึ้นตาม global minimum tax rate scheme ซึ่งจะทําให้ประมาณการกําไรปี 2568 มี downside ~15%
นอกจากนี้ "ราคาหุ้นยังค่อนข้างแพง" โดยคิดเป็น PER ที่สูงถึง 79x จากประมาณการ EPS จากธุรกิจหลักปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะโต 12% YoY ขณะที่ Valuation & action ยังคงคําแนะนํา “ขาย” DELTA โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 111.00บาท อิงจาก PER ที่ 58.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต+0.5 S.D.)
ความเห็น 0