โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำแบบนี้ไงถึงรวย! 7 พฤติกรรม 'เศรษฐีที่ประสบความสำเร็จ' เขาใช้ชีวิตยังไง ถึงมีเงินเป็นกอบเป็นกำ?

SistaCafe

อัพเดต 29 พ.ย. 2563 เวลา 02.21 น. • เผยแพร่ 28 พ.ย. 2563 เวลา 02.00 น. • Mollacake

 

สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafeคนอยากรวยทุกคน!! ♡\( ̄▽ ̄)/♡
I wanna be a millionaire so freaking bad~ ตลอดชีวิตของเธอ หวังพึ่งแต่ดวงทุกวันที่ 1 และ 16 ตาเป็นประกายทุกครั้งเมื่อเห็นแผงลอตเตอรี่และคำว่า ' พรุ่งนี้รวย! ' หรือเปล่า? ไม่ว่าจะยุคไหน คนทั่วไปในสังคมก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกันทั้งนั้น คนยากจนก็อยากลืมตาอ้าปากได้ ชนชั้นกลางก็อยากมีชีวิตแบบไฮโซ กินข้าวมื้อละหมื่น มีคฤหาสน์และเครื่องบินส่วนตัว มีอะไรก็ใช้เงินแก้ปัญหาเหมือนคนรวยๆ เขาทำกัน ซึ่งทางลัดก็หนีไม่พ้นการเสี่ยงโชค ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือถูกกินจ้า!! #กินสลากแทนข้าว T__T
จะรอถูกหวยอาจไม่จบในชาตินี้ ต้องไปลุ้นต่อชาติหน้า ไม่ไหว! เราแนะนำให้สาวซิสเริ่มจากการปรับชีวิตตัวเองก่อนเลยดีกว่า เราคงไม่การันตีว่าทำตามนี้แล้วเธอจะรวยอู้ฟู่ติดอันดับนิตยสาร Forbes หรือมีเงินร้อยล้านพันล้านในชั่วข้ามคืน เพราะนี่คือการเปลี่ยน Mindset และพฤติกรรมให้มีระบบมากขึ้น อย่างน้อยๆ สุดเธอจะเก็บเงินได้มากขึ้น รู้จักใช้มากขึ้น เมื่อนำหลัก ' 7 พฤติกรรมเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จ ' ไปใช้อย่างแน่นอนมาค่ะ มาดูกันว่าคนที่มีเงินได้เป็นกอบเป็นกำ เขาทำอะไรในชีวิตประจำวันกันบ้าง??

1. อ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง ( Self Development ) เป็นประจำ

สิ่งที่ช่วยพัฒนาความคิดได้ดีที่สุดก็คือ ' หนังสือ ' โดยเฉพาะแนวพัฒนาตัวเองหรือ Self-development ที่เหล่าเศรษฐี นักธุรกิจมักอ่านเป็นประจำ เช่น ทำยังไงให้เป็นหัวหน้าที่ดี, หลักการทำงานร่วมกับลูกน้อง, การเงินในแง่มุมต่างๆ, การตลาดและมาร์เก็ตติ้งของธุรกิจ, เป็นเจ้าของธุรกิจยังไงให้ยั่งยืน ไม่ซ้ำเจ้าอื่นในตลาด, เศรษฐีสอนลูกยังไง เป็นต้น
มีงานวิจัยเปิดเผยว่า มหาเศรษฐีที่สร้างฐานะด้วยตัวเอง 85% จะอ่านหนังสืออย่างต่ำ 2 เล่มต่อเดือน เช่น วอร์เรน บัฟเฟ็ต ที่ใช้เวลา 80% ของวันไปกับการอ่าน ช่วงแรกที่ทำธุรกิจ เขาอ่านสูงสุดวันละ 1000 หน้าเลยทีเดียว! ข้อดีของหนังสือเหล่านี้คือ ทำให้เธอได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากกรณีตัวอย่าง ( case-study ) โดยไม่ต้องลงมือทำเอง ได้ How-to และทริคเล็กๆ น้อยๆ ไปปรับใช้ โดยมีคนอื่นเสียเงินและเวลาแลกทริคเหล่านี้มาให้แล้ว รวมถึงประสบการณ์ของหลายๆ คนที่เราจะได้ทั้งข้อดีข้อเสียจากมัน
แม้จะไม่สามารถนำทุกวิธีของทุกคนไปใช้ได้เป๊ะๆ เพราะสถานการณ์แต่ละคนก็ต่างกัน แต่การรู้แง่มุมจากหลายคน ก็ช่วยปูทางให้เธอเดินได้สบายขึ้น เรียกได้ว่าวิธีนี้เป็น lifehacks หรือทางลัด โดยยังไม่ต้องลงมือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วยซ้ำค่ะ

2. ขวนขวายหารายได้ มีรายรับ 'มากกว่าหนึ่งทาง' เสมอ

เศรษฐีแทบจะทุกคนจะมีรายได้มากกว่าหนึ่งทาง พวกเขาไม่วางใจกับรายรับแค่แหล่งเดียว เพราะทิศทางธุรกิจไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากมีแค่ทางเดียวแล้วเกิดปัญหาฉุกเฉินจนต้องปิดกิจการ พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลย! ( ดูจากสถานการณ์โควิดตอนนี้ก็ได้ ใครมีงานประจำที่เดียวแล้วถูกไล่ออก ชีวิตเหมือนตกนรกเลยจ้า TT ) ข้อดีของการมีรายรับหลายอย่าง คือได้ท้าทายตัวเองในบทบาทของนักธุรกิจ, เพิ่มคอนเนคชั่นในสายงาน, เพิ่มกลุ่มลูกค้า และยังเพิ่มเงินเก็บในบัญชีอีกด้วย
นักธุรกิจที่รวยมากๆ มักจะมีหนึ่งในรายรับที่เป็น passive income หรือรายรับที่เราเป็น ' เสือนอนกิน ' เช่น ซื้ออสังหาริมทรัพย์แล้วปล่อยเช่า, ซื้อกองทุนหุ้นที่ความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนก็สูงตาม, ซื้อหุ้นบริษัทแล้วรอเงินปันผลปลายปี เป็นต้น สำหรับคนธรรมดาอย่างเรา ยังไม่มีเงินเย็นพอจะลงทุนอะไรใหญ่ๆ ก็เริ่มจากมีรายได้สองทางก่อน ถ้ามีงานประจำแล้ว ลองหางานฟรีแลนซ์ออนไลน์ นักเขียนคอนเทนต์ กราฟฟิก ยูทูปเบอร์ หรือถ้ามีความรู้เฉพาะทาง เป็นติวเตอร์สอนทางวิดีโอคอลก็ได้ ใครชอบขับรถเจอผู้คน ก็ไปสมัครขับ Grab, Lineman, Foodpanda etc. เมื่อเก็บเงินได้ระดับนึง ก็ค่อยซื้อทองคำ อสังหา หุ้น เก็บไว้เพื่อเป็นหลักประกันให้ตัวเอง ค่อยๆ ไปทีละสเต็ป ไม่ต้องรีบค่ะ (o˘◡˘o)

3. กำหนดงบค่าใช้จ่ายประจำเดือน 'อย่างเข้มงวด' และใช้ให้อยู่ในงบเท่านั้น

เศรษฐีเงินล้านส่วนใหญ่ มักไม่เชื่อในโชคชะตาที่เลื่อนลอย การเสี่ยงดวงที่ความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำ พวกเขาจะสนใจการบริหารจัดการเงินในแต่ละเดือนมากกว่า เช่น รายรับ cash flow เท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เมื่อคำนวณทุกอย่างออกมาแล้วจะได้เป็น ' งบประมาณประจำเดือน ' และบริหารไม่ให้เกินตัวเลขนั้นค่ะการตั้งงบประมาณ ข้อดีคือทำให้เรารู้ว่า ' สิ่งสำคัญในชีวิตจริงๆ คืออะไร ' ทำให้กำจัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป มีสติเวลาจะซื้อของฟุ่มเฟือย ทำให้ควบคุมทิศทางการเงินของตัวเองได้ดีขึ้น
สำหรับคนทั่วไปก็นำมาปรับใช้ได้ง่ายๆ เช่น เรามีรายได้จากงานประจำ ก็แยกเป็นส่วนเลยว่าอะไรคือ fixed cost ต้องจ่ายทุกเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่ารถ ค่าเช่าห้อง ค่าน้ำมันรถ และใช้เงินที่เหลือให้ประหยัดคุ้มค่า ใช้ส่วนลดทุกอย่างที่ใช้ได้ รวมถึงไม่สร้างหนี้เพิ่ม ไม่รูดบัตรเครดิตมั่วซั่ว ใช้แอพบันทึกทุกรายรับรายจ่าย หรือทำเป็นตารางละเอียดใน excel และคอยติดตามผลทุกเดือน เริ่มทำตั้งแต่เดือนหน้าเลย แล้วเธอจะตกใจว่าที่ผ่านมาใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปมากแค่ไหน บางคนแค่เลิกฟุ่มเฟือย ก็มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นหลายพันแล้ว!  (⁄ ⁄•⁄ω⁄•⁄ ⁄)

4. จัดการเงินอย่างฉลาด มีวิธีลดหย่อนค่าใช้จ่ายประจำปี เช่น ภาษี

จะหาเงินให้ได้อย่างยั่งยืน มีอิสระทางการเงิน ต่อยอดเงินเป็นรายได้หลายทางจนร่ำรวยนั้น ' ความรู้ด้านการเงิน ' สำคัญมาก แม้ได้เงินก้อนมาในชั่วข้ามคืน ถ้าบริหารเงินไม่เป็นก็มีสิทธิ์กลับมายากจนได้อีก มีข่าวหนึ่งของคนไทย ที่ถูกหวยได้เงินไปหลายสิบล้าน นำไปใช้ส่วนตัวและแจกเงินญาติแท้ ญาติเทียมเต็มไปหมด ไม่กี่ปีก็กลับมาที่จุดเดิม เงินหายเกลี้ยง! ดังนั้นจึงควรเรียนรู้เรื่องนี้เอาไว้ค่ะ
เศรษฐีที่ทำเงินจากกิจการเป็นร้อยล้าน พันล้านต่อปี มักจะมีวิธีลดภาษี เพราะภาษีก็ถือเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่าย เช่น ทำมูลนิธิการกุศลเพื่อนำไปลดหย่อน, ทำโปรเจกต์การกุศล ได้ทั้งภาพลักษณ์ที่ดีกับลูกค้า ได้ทั้งส่วนลดภาษี บางคนก็ใช้วิธีซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่านั้นจนถึงขั้น ' หลบเลี่ยง ' ภาษีด้วยเช่นกัน แต่สำหรับประชาชนคนทั่วไป ใช้วิธีในระบบเพื่อลดภาษีประจำปีก็เพียงพอ เช่น ซื้อกองทุน, ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ หรือใครมีเงื่อนไขพิเศษก็สามารถลดได้อีก เช่น แต่งงานแล้ว มีลูก หรือดูแลพ่อแม่อยู่ เป็นต้น ศึกษาให้ละเอียด อย่าคิดว่าภาษีแค่เงินไม่กี่บาท เสียทุกปีก็เป็นเงินจำนวนเยอะได้! หาทางลดหย่อนและอย่าลืมยื่นเรื่องขอคืน หากโดนหักเกินเกณฑ์รายได้ด้วยนะคะ 

5. หลีกเลี่ยงการ 'เป็นหนี้' ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อันที่จริงเศรษฐีมากมายที่เป็นหนี้ เพราะต้องกู้ก้อนใหญ่มาเปิด หรือดำเนินธุรกิจให้ลื่นไหลต่อไปได้ แต่สิ่งที่เศรษฐีเหล่านี้ต่างจากคนทั่วไปคือ ' การบริหารจัดการหนี้ ' ยกตัวอย่างง่ายๆ คือพวกเขาจะสร้างหนี้เพื่อสร้างรายได้เท่านั้น ทุกการกู้ธนาคาร ต้องมีแผนรับรองว่าจะได้เงินกลับมามากกว่าที่กู้ไป คืนทุนได้ในกี่ปีๆ ต้องมีแพลน A แพลน B อย่างละเอียด ในขณะที่คนทั่วไป ไม่นับซื้อบ้านซื้อรถสร้างฐานะ มักเป็นหนี้เพื่อของฟุ่มเฟือยที่ไม่ก่อเกิดรายได้ใดๆ มากกว่าค่ะ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะซื้อทุกอย่างได้ด้วยเงินสด เราเข้าใจตรงส่วนนี้ แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นหนี้อย่างฉลาด!เช่น ถ้าจะซื้อของแพง ต้องแน่ใจว่ามันก่อเกิดรายได้ ยุคนี้การผ่อนมือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็ถือว่าเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้, ใช้บัตรเครดิตที่มีโปรดีๆ 0% หรืออัตราดอกเบี้ยต่ำ มี cash back ที่สำคัญคือ ' ต้อง ' ส่งเงินให้ครบทุกเดือน อย่ามีนิสัยจ่ายแค่ขั้นต่ำ เพราะดอกเบี้ยจะยิ่งพอกพูนเป็นภูเขา อนาคตอาจโดนฟ้องล้มละลายได้ อย่าหาทำเด้อ ขอเตือน!**

6. อย่าใช้ชีวิตหรูหรา ฟู่ฟ่า เพื่ออวดคนอื่นว่าตัวเอง 'รวย'

จะสังเกตเห็นว่า เศรษฐีรวยๆ ที่สร้างเนื้อสร้างตัวเองจนติดอันดับโลกแทบทุกคน จะไม่มีนิสัยอวดรวยฟุ้งเฟ้อแต่อย่างใด ใช้ชีวิตธรรมดา เสื้อผ้า รองเท้าก็เหมือนที่คนทั่วไปใส่ อาจจะมีลงทุนกับของแพงบ้างแต่ต้องแน่ใจว่า คุ้มค่ากับที่จ่ายไปจริงๆ ของแบรนด์เนมหรูหราฟู่ฟ่าที่ไม่มีประโยชน์ พวกเขาจะไม่ลงทุนกับมัน ที่จริงลูกค้าส่วนใหญ่ของแบรนด์เนมเหล่านี้ ก็มักเป็นชนชั้นกลาง, upper middle class หรือลูกหลานของเศรษฐีเหล่านี้เสียมากกว่า
วลีที่ว่า ' ถ้าอยากรวย ต้องทำตัวจน ' ยังใช้ได้เสมอ! หากตอนนี้ยังไม่มีเงินให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูรวย เช่ากระเป๋าแบรนด์มาใช้ กู้เงินซื้อรถหรูมาขับ อดมื้อกินมื้อเพื่อซื้อเสื้อผ้าชุดละเป็นหมื่น แบบนั้นนอกจากเกินตัว เดือดร้อนตัวเองแล้ว ยังทำให้หนทางสู่ความรวยจริงๆ ยากขึ้นไปอีก เพราะแทนที่จะเอาเงินไปลงทุน ไปทำอะไรที่คุ้มค่า กลับใช้ในวงจรกู้หนี้ยืมสินวนลูปอยู่ตลอดเวลา เอาไว้ฐานะสบายแล้ว ซื้อเป็นรางวัลตัวเองชิ้นสองชิ้นยังไม่สาย แต่ถ้ายังไม่รวย อย่าหาทำ!

7. ตั้งเป้าหมายที่อยากทำในทุกๆ วัน เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ

เราจะสร้างฐานะ มีเงิน ประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากเราไม่มีจุดยืนหรือ ' เป้าหมายที่มั่นคง ' ในชีวิต เศรษฐีเงินล้านทุกคนมักมีแพลนติดตัวเสมอ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เดินตามสิ่งที่วางแผนไว้แล้ว ไม่ใช่เดินสะเปะสะปะอย่างไร้จุดหมาย ลองเปลี่ยนความคิดที่ว่าอยากมีเงินเยอะๆ เป็น ' จะทำยังไงให้มีเงิน ' แล้ววางแผนไปทีละสเต็ปๆ จะเข้าใกล้ความฝันได้มากกว่าค่ะ
ถ้าเป้าหมายระยะปีมันยาวไป เอาเป็นหลักเดือนก่อนก็ได้ เช่น วางแผนไว้ว่าอยากรวย > มีความสามารถทางการเขียน > ทำงานประจำและฟรีแลนซ์ > แบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนกับหุ้นและอสังหา ตอนนี้ก็เริ่มจากฝึกฝนทักษะทางการเขียนอย่างเข้มข้นในทุกๆ วัน เพราะมันคือเครื่องมือหลักในการหาเงิน เมื่อมั่นใจในฝีมือแล้วก็ส่งเข้างานประกวด, รับงานในกรุ๊ปฟรีแลนซ์หลากหลายแนว เก็บประสบการณ์ พอเก่งกล้า อัพราคางานได้แล้ว ก็เก็บเงินรัวๆ ถึงจุดนึงก็เอาเงินไปลงทุน เป็นต้น

---------------------------------------
อ่านวิธีปรับพฤติกรรมและ mindset ให้เหมือนคนรวยติดอันดับโลกแล้ว รู้สึกยังไงบ้างคะ ไม่ยากเลยเนอะ คนทั่วไปก็สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ต้องกดสูตร เรียนวิชาธุรกิจเพิ่มเติมให้วุ่นวาย แค่ต้องเริ่มจาก ' มีเป้าหมายที่ชัดเจน ' ว่าเธอต้องการอะไรในชีวิต เงินเยอะๆ จะพาเธอไปสู่อะไร แล้วค่อยวางแผนไปถึงจุดหมายนั้น เปลี่ยนแพชชั่นให้เป็นอาชีพ เพื่อเก็บเงินให้ได้ตามเป้าที่หวังไว้ ตื่นเช้าในทุกๆ วันด้วยรอยยิ้ม คิดบวกอยู่เสมอ ทัศนคติดี ใครก็อยากเข้าใกล้ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวและธุรกิจ และอย่าลืมพัฒนาทักษะของตัวเองอยู่เสมอค่ะ _
จงจำไว้ว่า ' ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ' เพราะเส้นทางของความรวยคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่ๆ แม้แต่การเก็บเงินก็ยังมีสิ่งยั่วยุให้เงินไหลออกมากมาย ต้องมั่นคงกับเป้าหมายที่มีเท่านั้น จึงจะรอดพ้นอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ หากวันไหนที่ท้อ ก็อย่ากลัวกับการขอคำปรึกษาจากคนรอบข้าง เพราะสุดท้ายการประสบความสำเร็จที่มีความสุข ก็คือการได้อยู่กับคนที่เรารักอย่างสุขสบาย ไม่ใช่ยืนบนยอดน้ำแข็งอย่างโดดเดี่ยว แบบนั้นคงเหงาแย่เลย! สุดท้ายนี้ขอให้สาวๆ ทุกคนประสบความสำเร็จกับสิ่งที่หวังไว้ รวยๆ มีเงินเก็บกันทุกคนน้าา วันนี้ไปแล้ว พบกันใหม่บทความหน้าค่า (´。• ω •。`) ♡

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0