สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่เสียชีวิตในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาแล้ว โดยระบุว่าเขาเสียชีวิตจากการฆาตกรรม
ชายวัย 46 ปีเกิดอาการหัวใจหยุดเต้นในขณะที่ถูก เดเร็ค เชาวิน อดีตตำรวจมินนิอาโพลิสใช้เข่ากดลงไปบริเวณท้ายทอย ปัจจุบันเชาวินถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย (third-degree murder) และ กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (manslaughter) โดยจะถูกนำตัวขึ้นศาลในสัปดาห์หน้า
ผลการชันสูตรฉบับล่าสุดนี้ระบุถึงสาเหตุการตายว่า หัวใจหยุดเต้นจากการถูกเจ้าหน้าที่ใช้แรงกระทำต่อบริเวณเส้นประสาท หน่วงเหนี่ยว และกดทับที่คอ
ทางเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพจาก Hennepin County ของเมืองมินนิอาโพลิสได้ประกาศผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ครอบครัวของฟลอยด์และทีมกฎหมายประกาศผลการชันสูตรโดย ดร.ไมเคิล บาเดน เจ้าหน้าที่ชันสูตรเอกชนที่พวกเขาทำการว่าจ้าง โดยผลจากฝั่งผู้เสียหายระบุว่าฟลอยด์เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ
การเสียชีวิตของฟลอยด์เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการประท้วงไปทั่วสหรัฐ ซึ่งดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง 6 วันติดต่อกันแล้ว โดยมีรายงานว่าการประท้วงดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วใน 75 เมือง ถนนหนทางที่เคยว่างเปล่าเมื่อไม่กี่วันก่อนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตอนนี้กลายเป็นแหล่งชุมนุมของผู้คนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
การชุมนุมอันสงบในหลายพื้นที่ถูกยกระดับจนเกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการเผาทำลายและขโมยข้าวของเกิดขึ้น โดยทาง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกมาประกาศในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่าเขาจะส่งกำลังทหารเข้าไปจัดการหากผู้ว่าการรัฐไม่สามารถรับมือการประท้วงได้